โรคกระเพาะอาหาร ความทรมานที่เกิดจากการติดเชื้อในกระเพาะ


สาเหตุหลักของโรคกระเพาะอาหารมาจากการที่เยื่อบุกระเพาะอาหารติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องแบบเรื้อรัง สามารถรักษาได้ด้วยการดูแลตนเองไม่ให้โรคมีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร โรคนี้สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำที่สุดด้วยการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น

โรคกระเพาะอาหารเกิดจากอะไร ?

ความเข้าใจของคนทั่วไปมักเข้าใจว่าโรคกระเพาะอาหารเกิดขึ้นจากการทานข้าวไม่เป็นเวลา หรือการอดข้าวมื้อสำคัญ แต่ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเท่านั้น ยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคนี้อีกหลายประการ ได้แก่

- ชอบทานอาหารรสจัด

- ดื่มแอลกอฮอล์

- เกิดจากการทานยาบางประเภท เช่น แอสไพริน

- เกิดจากการติดเชื้อชื่อ “เอชไพโลไร”

- มีความเครียด หรืออยู่ในสภาวะวิตกกังวล

แต่โดยปกติแล้วสาเหตุของโรคนี้มักจะมาจากการติดเชื้อเอชไพโลไรเสียมากกว่า เชื้อชนิดนี้ยังสามารถติดต่อกันบนโต๊ะอาหารได้อีกด้วย

อาการของโรคกระเพาะอาหาร

อาการพื้นฐานของโรคนี้คืออาการปวดท้อง แต่ยังมีอาการอื่นที่สามารถเกิดขึ้นร่วมด้วยได้เช่นกัน ได้แก่

- อาการปวดท้องจุกแน่นเรื้อรังก่อนหรือหลังอาหาร

- คลื่นไส้ อาเจียน

- เรอเหม็นเปรี้ยว

โดยอาการปวดท้องที่กล่าวมานี้สามารถบรรเทาขึ้นได้เองหากได้รับประทานอาหาร หรือบรรเทาอาการปวดด้วยการทานยาลดกรด นอกจากนี้ยังมีอาการที่รุนแรง ได้แก่ อาเจียนต่อเนื่อง น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำ เนื่องจากเป็นอาการจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร หากเกิดอาการเหล่านี้ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาต่อไป

โรคกระเพาะอาหารอันตรายแค่ไหน ?

นอกจากอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอาจเสี่ยงต่อการเกิด “โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร” ได้อีกด้วย หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร หรือชื่อเต็ม “เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori)” บริเวณเยื่อบุของกระเพาะอาหารซึ่งสามารถติดได้จากคนสู่คน ด้วยการทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีความปนเปื้อนเชื้อชนิดนี้โดยมักจะมาจากอุจจาระของผู้ที่มีเชื้ออยู่ในตัว เป็นผลให้เยื่อบุกระเพาะเกิดอาการอักเสบจนกลายเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร

หากมีอาการปวดท้องในช่วงใกล้เคียงกับเวลาทานข้าวอยู่บ่อยครั้งควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยทั้งการซักประวัติ และการตรวจร่างกาย โดยแพทย์อาจจะใช้วิธีการส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้ (ทางเดินอาหารส่วนต้น) เพื่อหาสาเหตุของโรคร่วมด้วย

การรักษาโรคกระเพาะอาหาร

การรักษามีด้วยกันหลายวิธี ส่วนหนึ่งคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรค ร่วมกับการรักษาตามสาเหตุที่วินิจฉัยพบ ได้แก่

- ปรับเปลี่ยนการทานอาหารให้ตรงเวลาไม่ทานอาหารรสจัด หรือดื่มแอลกอฮอล์เนื่องจากจะกระตุ้นให้ปวดท้อง

- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไรจะได้รับยาลดกรด กับยาปฏิชีวนะ

- พยายามควบคุมความเครียดของตนเอง หากเริ่มมีความเครียดให้ทำกิจกรรมอื่นที่ผ่อนคลาย

- ดูแลสุขลักษณะทุกครั้งก่อน และหลังการรับประทานอาหาร

การรักษาที่กล่าวไปเป็นวิธีป้องกันโรคกระเพาะด้วยเช่นกัน เนื่องจากการรักษาโรคนี้ไม่ต่างจากการป้องกันความเสี่ยง หากทำได้อาการจะดีขึ้น และยังห่างไกลจากโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่