ต่อจากตอนที่ 3 : ชม Dubrovnik จากมุมสูงในแบบฉบับนักเดินเขามือใหม่ http://ppantip.com/topic/32375965
โปรแกรมช่วงบ่ายแก่ๆวันนี้เราจะไปเดินชมวิวเมืองเก่าของดูโบรฟนิคจากบนกำแพงเมืองกันค่ะ
หลังจากได้พิซซ่าไป 1 ถาดใหญ่สำหรับการเดินลงเขาเกือบๆ 2 ชั่วโมงนั้นก็ไม่แย่นัก ทั้งเหนื่อยทั้งหิว กินได้แค่ครึ่งถาดก็จุกแล้ว หลังจากอิ่มท้องกันไปเวลาก็เพิ่งจะบ่ายสามกว่าๆเอง แดดยังจ้าอยู่เลย ร้อนแบบนี้คงเดินบนกำแพงเมืองไม่ไหวมีหวังไหม้กันพอดี แต่ไม่เป็นไรเพราะเราก็มีแผนสำรอง เพื่อเป็นการค่าเวลาและย่อยอาหารเราจะไปหาที่ชิลๆ นั่งรับลมริมทะเลกัน

ระหว่างทางกำลังเดินไปทางประตู Ploče Gate เจอแกงค์เพื่อนเจ้าสาวพอดี...


เหมียวข้างทางเจอทุกซอกตึกเลย


เดินพ้นประตูออกมาแล้วนะ วิวรอบๆ


จากประตู Ploče Gate ห่างออกไปประมาน 200 เมตร (หรือเดินประมาน 5 นาที) จะมีหาดใกล้ๆชื่อ Banje Beach
จากรูปให้เดินตรงดิ่งไปเลยค่ะ...แต่เราแอบแวะร้านสะดวกซื้อข้างทางขอพกน้ำสักขวดกับพีชหวานๆไปนั่งกินริมทะเลหน่อย


ถึงแล้ว Banje Beach
แต่อาจจะหาทางลงไม่เจอนะ ให้เดินย้อนกลับมานิดนึงจะเห็นเหมือนเป็นทางลงแคบๆตรงผนังกำแพง ลงไปเลยค่ะไม่เสียเงิน


ทะเลสวยจริงๆ น้ำใสกริ๊บ อยากจะกระโดดทันทีแต่ดีที่ลองเอาเท้าไปแตะก่อน น้ำเย็นมากประมาณ 18 - 20 องศา (เราไปเดือนพฤษภาคมนะ) เลยขอบาย นั่งกินผลไม้ริมทะเลละกัน


เดินสำรวจรอบๆ


หันหลังมองกลับไปก็จะเห็นวิวกำแพงเมืองพอดี


บางคนก็มานอนให้แดดเผาซะเฉยๆ


หลังจากนั่งเล่นได้พักขากันไปแล้วก็ได้เวลาไปเดินไต่กำแพงเมืองกัน เย่ๆๆๆ...
เรากลับไปทางประตู Ploče Gate แล้วก็เริ่มเดินบนกำแพงจากจุดเริ่มต้นตรงนั้น (มีจุดเริ่มต้น 3 ที่ถ้าจำไม่ผิด จะเริ่มเดินจากตรงไหนก่อนก็ได้ค่ะ วนได้เหมือนกัน) เราซื้อเป็น Dubrovnik card ก็จะต้องเอาไปแลกเป็นบัตรเข้าชมอีกที จะมีเจ้าหน้าที่ดักตรวจอยู่ตรงประตู ใครยังไม่ซื้อก็ซื้อตรงนั้นได้เลยค่ะ อ่อ...พกเงินคูน่าไปซื้อนะคะจะได้ไม่มีปัญหา


ก้มมองลงไปดูบันไดเมืองด้านล่าง


เดินไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ หลังคาสีส้มเต็มไปหมดเลย


มองไปอีกฝั่งก็จะเห็น Mount Srđ ที่เราเดินลงมาช่วงเช้า


ไม่น่าเชื่อบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนกำแพงเมืองแบบนี้ สนามบาสยังมีเลย!


หอคอยไว้แอบดูศัตรูหรือว่ากรงเลี้ยงนก?


ที่นี่...โครเอเชีย...


เมืองหลังคาส้มและวิวของเกาะ Lokrum


เดินๆมาก็จะมีป้อมให้เราปีนๆขึ้นไปดูได้ บันไดค่อนข้างเล็กและชันเดินได้ทีละคนเท่านั้น


หนทางยังอีกยาวไกล


มองผ่านช่องเล็กๆออกไป เหมือนภาพวาดเลย


พยายามจะถ่ายให้ติด Banje Beach ด้วยแต่มองไม่เห็น


หน้าตาของป้อมเมื่อตะกี้ที่ปีนขึ้นไปดู


ระหว่างทางเดินไปก็ชะโงกไปก็เห็นพื้นที่สีเขียว เค้ามีแปลงปลูกผักด้วยใช้พื้นที่คุ้มจริงๆ


ตอนนี้เดินเลาะมาเรื่อยๆจนถึงประตู Plie Gate ใครจะไปต่อหรือลงข้างล่างก็ได้ วิวนี้ถ่ายตรงไปเป็นถนนสายหลักในเมืองเก่า "Stradun street"


จากต้นถนน Stradun ก็จะเจอ Onofrio's Fountains - น้ำพุแห่งนี้มีน้ำไหลออกมาถึง 16 ด้าน


อีกฝั่งนึงเป็นเหมือนปราสาท (ใครที่ดูซีรี่ส์ The Game of thrones น่าจะคุ้นๆฉากแบบนี้)


ซากเมืองที่ยังหลงเหลือหลังจากสงคราม


เดินมาถึงตรงนี้ขอบอกว่า...สวยใจหายเลยทีเดียว


มองกลับไปข้างหลัง


บนนี้ยังมีคนปลูกส้มด้วย ลูกดกเชียว


เบื้องล่าง...


เสื้อผ้าตากเรียงกันสีสันสวยงาม ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะใส่ให้ครบ 7 สี 7 วันรึเปล่า


หลังบ้านใครก็ไม่รู้


ข้างล่างตรงหน้าผายังมีคนไปนอนอาบแดด ความพยายามในการหาพื้นที่ส่วนตัวสูงมาก


มีบาร์ข้างนอกกำแพงด้วย ไปสืบมาแล้วมันคือ Buza Bar


ปืนใหญ่ของจริงที่เอาไว้แค่โชว์


หอระฆัง


เราเดินจนกลับมาถึงจนเดินที่เริ่มต้น ใช้เวลาทั้งหมดเกือบๆ 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะหยุดถ่ายรูปซะมากกว่า ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าพอดี


เดินลงมาจากกำแพงก็ดิ่งไปหาบาร์ก่อนหน้าที่หลบอยู่ตรงข้างนอกกำแพง จะได้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตก บ้านเรือนเค้าก็ป็นตรอกเล็กๆแบบนี้ เหมียวก็อยู่ทุกหนแห่ง


เราใช้สัญชาติญาณเดินเลียบกำแพงมาเรื่อยๆ ประมาน 10 นาทีก็เจอหลืบเล็กมากๆเลยชะโงกเข้าไปดู เจอแล้ว...Buza Bar


แต่เราแอบเซ็งเพราะไม่มีที่นั่งและพนักงานพูดจาไม่ดีเลย สะบัดบ๊อบเดินต่อไป (แอบจำได้ว่ามีอีกบาร์ไม่ไกลกัน)...ไปต่อ มีคู่เกย์ขอตามมาด้วยเพราะไปไม่ถูก


เดินไปอีกประมาน 5 นาทีก็เจอ สรุปมีคนบอกว่ามันร้านเดียวกัน แต่มี 2 ที่ (คิดว่าอันนี้ชื่อ Buza Cafe) ถึงแล้วก็ต้องหาอะไรดื่มแก้กระหายซะหน่อย... เราสั่ง Apple Cider ยี่ห้อนี้อร่อยอ่ะ ชอบมาก...ส่วนเบียร์คนข้างๆมื่อวันก่อนเราลองแล้ว แนะนำเป็นเบียร์แอปเปิ้ลจะรสชาติดีกว่ามะนาวนะเราว่า


ปิดท้ายด้วยการตามหามื้อเย็น อยากลองอะไรแปลกๆใหม่ๆ เราสั่ง Risostto สีหมึก กินได้นิดเดียววางเลย กลิ่นทะเลแบบแรงมาก!!! แถมลิปสติกไม่ต้องทาปากดำปิ๊ดปี๊เลย เซ็งสุดๆเพราะหิวมากแล้วจานนั้นแพงด้วย ไม่แนะนำเลยนะจานนี้ ไม่อร่อยจริงๆ
แอบฉกของชาวบ้านกินแทน ภาพบนขวามืออาหารประจำชาติโครเอเชีย เชวับชิชี่ "Ćevapčići" เป็นเนื้อแกะบดแล้วปั้นๆเอาไปปิ้งๆ กินกับขนมปังที่ประกบกันก็ยังพอไหว(แบบเนื้อหมูก็มีค่ะ), หมึกชุปแป้งทอดนี่อร่อยดี ส่วนที่เด็ดสุดคือ Chocolate lava ที่เด็ดคือไม่ใช่มันอร่อยเวอร์น่ะ แต่มันแพงเวอร์...ตักกิน 3 คำหมดแล้วอ่ะ จานนี้เราจ่ายไป 50 kuna จำได้แม่นเลย ประมาณ 300 บาท...มันคืออัลไล???


สำหรับรีวิว Dubrovnik ก็จบสมบูรณ์ค่ะ จะมีรีวิวที่ Zagreb มาต่อให้เล็กน้อยในกระทู้หน้า
ส่วนใครที่พลาดตอนก่อนหน้าตามไปเที่ยวย้อนหลังกันได้นะค่ะ
ไปเที่ยว"Croatia"ด้วยกันนะพี่ชายยยย...ตอนที่ 1 : Plitvice Lakes National Park http://ppantip.com/topic/32281092
ไปเที่ยว "Croatia" ด้วยกันนะพี่ชาย...ตอนที่ 2 : ยลโฉม Split เสน่ห์เมืองท่าประวัติศาสตร์นับพันปี http://ppantip.com/topic/32346791
ไปเที่ยว "Croatia" ด้วยกันนะพี่ชาย...ตอนที่ 3 : ชม Dubrovnik จากมุมสูงในแบบฉบับนักเดินเขามือใหม่ http://ppantip.com/topic/32375965

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ
- Little Miss Dahlia -