[CR] ไปเที่ยว "Croatia" ด้วยกันนะพี่ชาย...ตอนที่ 3 : ชม Dubrovnik จากมุมสูงในแบบฉบับนักเดินเขามือใหม่

อมยิ้ม33ต่อจากตอนที่ 2 : ยลโฉม Split เสน่ห์เมืองท่าประวัติศาสตร์นับพันปี http://ppantip.com/topic/32346791

จะมาเล่าต่อถึงการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นไฮไลท์ของทริปนี้ เรากำลังมุ่งหน้าไปยัง "ดูบรอฟนิค (Dubrovnik)" เมืองที่โอบล้อมไปด้วยกำแพงเมืองขนาดใหญ่และบ้านเรือนหลังคาสีส้ม ทริปนี้เราจะได้เห็นภาพแบบนั้นแน่นอน แต่วันนี้เราจะพาคุณไปชม Dubrovnik จากมุมสูงเพราะเราจะเดินเขากัน...เย่! เม่าติดดอย


ใครที่เพิ่งอ่าน ตามไปย้อนรอยได้นะค่ะ
ตอนที่ 1 : Plitvice Lakes National Park ( http://ppantip.com/topic/32281092 )
ตอนที่ 2 : ยลโฉม Split เสน่ห์เมืองท่าประวัติศาสตร์นับพันปี ( http://ppantip.com/topic/32346791 )

หลังจากที่นั่งหลับๆตื่นๆมาตลอด 4 ชั่วโมง ในที่สุดเราก็ข้ามสะพานมายังฝั่ง Dubrovnik ใจเต้นตึกตักๆ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งล้า ทั้งอยากเห็นเมืองนี้เต็มทีแล้ว แต่ก็ยังต้องนั่งต่อไปสักพักใหญ่เพราะถนนหนทางที่เล็กและคดเคี้ยวจึงทำการเคลื่อนตัวของรถเป็นไปได้ช้ามาก แต่อย่างไรก็ตามวิวนอกหน้าต่างนั้นทำให้เราอดยิ้มไม่ได้ มองไปทางไหนก็มีแต่บ้านริมทะเล...

ภาพนี้ถ่ายบนสะพานระหว่างข้ามมาฝั่ง Dubrovnik


ก่อนจะลืมเรื่องสำคัญ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบเรื่องของการเดินทางโดยรถบัสหรือรถยนต์ ที่มุ่งหน้าจากทางตอนบนของโครเอเชียลงไปยังปลายสุดของประเทศที่ Dubrovnik นั้นจะมีชายแดนกั้นระหว่าง Bosnia and Herzegovina กับ Croatia เมื่อรถวิ่งออกจาก Split มาได้ประมาน 2 ชั่วโมงกว่าๆก็จะถึงชายแดนและเป็นด่านตรวจพาสปอร์ตด้วย ดังนั้นใครที่ไปเส้นทางนี้ก็เตรียมพาสปอร์ตไว้ให้เรียบร้อยนะค่ะจะได้ไม่เสียเวลา
สำหรับพาสปอร์ตสัญชาติไทยสามารถใช้ผ่านเส้นทางนี้ได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า (พาสปอร์ตต้องมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนหลังจากเดินทางออกนอกประเทศตามหลังทั่วๆไป) แต่หากใครจะแว๊ปเข้าไปเที่ยวค้างคืนที่ Bosnia and Herzegovina แบบนั้นอาจจะต้องขอวีซ่าแยก    อย่างไรก็ดีช่วงที่เป็นเขตของประเทศ Bosnia and Herzegovina นั้นมีระยะทางที่สั้นมาก คิดว่าไม่ถึง 5 กิโลเมตรด้วยซ้ำ รถบัสจะจอดให้เราเข้าห้องน้ำอีกครั้งที่ร้านอาหารริมทางประมาณ 15 นาทีแล้วออกเดินทางต่อ

...ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีรถบัส Dubrovnik โดยปกติแล้วก็จะมีหลายวิธีที่จะไปถึงประตูเมืองเก่าได้ เมื่อเดินออกมาจากสถานีจะเจอถนนเส้นหลักใครจะเรียกแท๊กซี่ก็ได้ค่ะ แต่เราว่าไปรถโดยสารประจำทางจะง่ายและประหยัดกว่าเยอะ เพราะมันใกล้ ไม่ถึง 10 นาทีก็นั่งถึงประตูเมืองเก่า (Plie Gate) แล้ว
หมายเหตุ : รถประจำทางให้ขึ้น 1A, 1B หรือ 3 ขึ้นไปจ่ายเงินที่คนขับได้เลยค่ะ แล้วก็นั่งไปลงสุดสายรถจะจอดตรงทางเข้าพอดี แบบนี้...


มองตรงไปก็คือประตูเมืองเก่า Pile Gate


และเช่นเคยเมื่อรถบัสถึงช้ากว่ากำหนดการประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินอีกแล้ว
รุปนี้ถ่ายตรงถนนคนเดินเส้นหลักของที่นี่ " Stradun "


ยามเย็นแบบนี้ผู้คนมักจะออกมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์กัน บ้างก็นั่งจิบกาแฟ ทานขนม ตามร้านริมทางแถวๆจตุรัสกลางเมือง


เราเดินตรงมาเรื่อยๆจนถึงวิหารกลางเมือง ระยะทางจาก Pile Gate ไปถึงที่พักของเราใช้เวลาในการเดินไม่ถึง 10 นาที
ที่พักเป็นแบบ Apartment มีเฟอร์นิเจอร์ครบ มีครัวเผื่อใครจะทำอาหารเอง และวิวจากห้องพักที่มองเห็นภูเขา( Mount Srđ )ที่เราจะไปเดินกันในวันรุ่งขึ้น


ได้เวลาอาหารค่ำ ก็เดินสุ่มๆเลือกร้านนั่งทานกัน อาหารที่นี่แพงมาก แพงกว่า Split เยอะเลย
หอยนางรมนี่เล็กกว่าบ้านเรานะ แต่ไหนๆเค้าบอกว่ามาถึงแล้วให้ชิมของขึ้นชื่อ อืม...รสชาติดีแต่ก็ยังสู้ภาคใต้ของเราไม่ได้ ส่วนอีกจาน เป็นกุ้งในซอสครีมมะเขือเทศ กับ Polenta (คล้ายๆแป้งข้าวโพดที่เอาไปอบ ตัดออกมาเป็นชิ้นๆ บางที่ก็จะทำแบบคล้ายๆมันบดเลย) อันนี้อร่อยค่ะแนะนำ แต่ไอกุ้งนี่ตัวใหญ่ซะเปล่าเนื้อไม่ค่อยจะมีเลย อมยิ้ม20


แอบสงสัยไหม เมืองเก่าแบบนี้พวกที่เที่ยว ผับ บาร์ มันจะอยู่ตรงไหนกัน?... มันเป็นร้านเล็กๆที่เปิดอยู่ตามตรอก ซอก ซอย ต้องเดินเข้าไปสำรวจ มีหลายที่เลยค่ะ


อิ่มแล้วก็ไปเดินย่อยอาหารกันหน่อย


เดินมั่วๆออกไปทาง Ploče Gate เห็นมีประตูลับแอบชะโงกออกไปดู อ่อ...ท่าเรือเล็กที่เอง


เดินกลับไปดู Ploče Gate แล้วก็กลับห้องเข้านอนเตรียมเดินเขาวันพรุ่งนี้...


เช้าแล้ว...เดินออกมาจากที่พัก ถึงรู้ว่าเราอยู่แถวตลาดเช้านี่เอง มีคนเอาของมาขายเยอะแยะ ผลไม้สดๆ (ซื้อไป...มารู้ทีหลังแพงกว่าในซูเปอร์มาเก๊ตอีก)


มื้อเช้าฟาดนี่เลย ไข่เจียวแบบบ้านๆ 75 Kuna + น้ำส้มคั้นสดๆ 45 Kuna + พีชที่โดนคนขายหลอก ซื้อมาก 3 ลูก 20 Kuna แต่หวานๆเปรี้ยวๆอร่อยดี...


อิ่มแล้วเราก็จะขึ้นเขา Mount Srđ ไปยังจุดชมวิวเพื่อดูเมือง Dubrovnik จากข้างบนกัน ขาขึ้นเราเลือกที่จะนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Cable car) เพราะคิดแล้วว่าเดินขึ้นกว่าจะถึงคงจะเป็นลมไปซะก่อน เอาเป็นว่าถึงยอดเขาแล้วเราจะเดินลงกัน เราพยายามหาทางขึ้นไปสถานีกระเช้าลอยฟ้า แต่ถามใครเค้าก็บอกไม่ค่อยจะถูกว่าไปยังไง เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าหาภูเขา หาตรอกที่พอเดินได้ แล้วเดินไต่ขึ้นไปจากร้านอาหารต่างๆที่ขึ้นเรียงๆกันอยู่ตรงกำแพงเมือง เออ...ได้ผลแฮะ มาถึงเหมือนกันแต่ก็ทำเอาหอบ
รูปซ้ายมือถ่ายตอนเดินขึ้น ขวามือคือถ่ายจากด้านบนลงมา ชันไหมล่ะ?


เดินต่อไปอีกนิดก็เป็นประตูทางออกแล้วจ้า (ตรงนี้จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว Cabel car ด้วยนะสำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อ online)


ส่วนเราซื้อตั๋ว online ล่วงหน้าไว้แล้วต้องขึ้นไปเอาตั๋วที่สถานีเลย สถานีอยู่ตรงไหนหรอ...เดินขึ้นไปอีก มองหากระเช้าลอยฟ้าเข้าไว้เดี๋ยวก็ไปถูกที่เอง


ขึ้นมาจนถึงสถานีแล้ว มองกลับไปเห็นกำแพงเมืองล้อมเมืองไว้อย่างชัดเจน


แลกตั๋วมาแล้ว ราคา 60 Kuna (One way) ข้างล่างบัตรมีรหัส Wifi แต่เล่นไม่เห็นได้เลย...ไม่รู้เค้าเล่นกันตรงไหน?


คนเพียบเลย...ในขณะที่ต่อแถวนั้น ก็มีมนุษย์ป้ามากมายที่ตัดหน้า แซงคิว จนทนไม่ไหวต้องขอออกปากซะหน่อย หยอกเย้า


พอขึ้นมากระเช้าปั๊บ เช่นเคยมนุษย์ป้าและสามีก็ยืนขวางขอบกระจกไม่ให้เราผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้มีโอกาสแทรกเข้าไปถ่ายรูป เราก็เลยมุดลงด้า
นล่างแทน แค้นใจจริงๆยืนขวางแถมรูปก็ไม่ถ่ายนะ ยืนพิงแก้เมื่อยเฉยๆ

ส่องหาช่อง และก็ถ่ายมาจนได้...


เราขึ้นมาจะถึงยอดเขาแล้ว สวยไหม?


ถึงแล้วจ้า...อยากจะถ่ายวิวตรงนี้คนเดียวจัง แต่ที่ไม่เคยว่างเลย
วิว Dubrovnik แบบ 180 องศา ดูแล้วสบายตาจริงๆ ด้านล่างซ้ายมือจะมีร้านกาแฟเล็กๆ นั่งจิบโกโก้ร้อน กินบรรยากาศชิลๆ


ขอเป็นนางแบบสักรูป กิกิ...อมยิ้ม17


เดินออกจากสถานีไปทางด้านหลังจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รวมทั้งยังเป็นป้อมปราการประจำเมืองดูโบรฟนิคในช่วงที่เกิดสงครามและเพิ่งยุติลงเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้กำแพงเมืองเเละบ้านเรือนเสียหายเป็นบางส่วนเนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงเข้ามา

เราเดินเลียบพิพิธภัณฑ์มาทางข้างหลัง


แหงนหน้าขึ้นไปมองป้อมแป๊บ...แล้วก็ได้เวลาเดินลงเขากันแล้ว!


อมยิ้ม32 ฝากสำหรับใครที่คิดจะเดินขึ้นหรือลงเข้า เตรียมรองเท้าผ้าใบมาเปลี่ยนหรือใส่มาเลยก็จะสะดวกและเดินสบายที่สุด เพราะทางเดินจะเต็มไปด้วยหินก้อนเล็กๆใหญ่ๆสลับกันไป ค่อนข้างเดินลำบาก ตอนเราไปไม่คิดว่าทางมันจะทุลักทุเลแบบนี้เลยใส่แค่หุ้มส้นไป ตื่นมาเช้าอีกวันปวดขาแบบระบมไปหมดเพราะจิกเท้าเดินตลอดกลัวเหยียบหินแล้วลื่นตกลงไป แต่ยังดีที่พกเค้าเตอร์เพนหลอดเล็กไปด้วย ช่วยได้เยอะเลย...ที่สำคัญเตรียมน้ำไปสักขวดนะค่ะ ได้ดื่มแน่นอน

เดินละนะ... วิวๆๆๆ


ชอบดอกไม้ป่าจังเลย ดอกเล็กๆ สีสันสวยงาม ขึ้นเต็มไปหมด


เดินมาได้สักพักอาการกลัวความสูงก็กำเริบ...


เดินต่อไป หน้าตรงมองไอสองคนข้างหน้าเข้าไว้จะได้ไม่กลัว...ปลอบใจตัวเองชัดๆ


ทำไมมันเดินเร็วจัง ลงไปอีกขั้นนึงแล้ว แต่ขาฉันก้าวไม่ค่อยจะออกแล้วนะ กลัวตกเขาเพราะมันชันจริงๆ


เดินไปถ่ายรูปไป ผ่านไป 45 นาทียังไม่ถึงไหนเลย


ดอกไม้ริมทาง


ลงมาถึงมุมหนึ่ง มีก้อนหินพอนั่งได้ ขาสั้นไปหมดขณะนั่งลงไปหินก็แตกออกมาเป็นเม็ดเล็กๆหล่นลงไปข้างล่าง ถ้าก้อนที่เรานั่งมันเกิดอย่างหักขึ้นมา อย่างน้อยก็ได้ภาพนี้ก่อนจะร่วงล่งไปทั้งตัว ฮ่าๆ


ข้างหน้าคือเกาะ Lokrum


ใกล้เส้นชัยแล้ว ข้างล่างเป็นป่าร่มรื่นมาก


กว่าจะถึงตีนเขาใช้เวลาเดินทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30 นาที (เราหยุดถ่ายรูปบ่อยมาก อาจจะเสียเวลาเยอะ)


จะกลับเข้าเมืองแล้วถ้าไปไม่ถูกให้มาตามนี้ค่ะ...
- เริ่มจากข้ามถนนมาแล้วมองหาบันไดทางลงแบบนี้ค่ะ (ภาพที่ 1)
- เดินลงมาจนสุดทางเดินแล้วก็ข้ามถนนอีกรอบ (ภาพที่ 2)
- เดินบันไดลงไปอีก (ภาพที่ 3)
- สุดทางบันไดแล้ว เดินตรงมาเมื่อคุณเห็นกำแพงเมืองแล้วแสดงว่ามาถูกทางค่ะ (ภาพที่ 4)


ถึงกำแพงเมืองแล้วก็เดินลงตามทางไปยัง Pile Gate ได้เลย


ดอกไม้ตอนต่อไปจะพาไปเดินชมวิวจากบนกำแพงเมืองค่ะ...เร็วๆนี้

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ

- Little Miss Dahlia
ชื่อสินค้า:   CROATIA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่