กรรมตามสนอง ลูกเนรคุณ

เรื่องเล่าจากหลวงพ่อเติม เมธีวังโส ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดทรายมูล บ้านแดงใหญ่ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น  เรื่องนี้เกิดขึ้นราวปี พ.ศ.๒๕๐๓ ตอนนั้นหลวงพ่อยังเป็นฆราวาสอยู่  อายุประมาณ  ๑๐ กว่าปี ได้พบกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจ คือ...
           มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ผู้เป็นพ่อชื่อส่วย แม่นั้นชื่อสาย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านสหกรณ์แห่งนี้มานานแล้ว มีอาชีพหลักคือทำไร่ไถนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควายจำนวนมากเอาไว้ขาย มีลูกชายอยู่สองคน คนโตนั้น แต่งงานแล้วก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวของคนรักที่หมู่บ้านอื่น คนที่สอง แต่งงานกับสาวบ้านอื่นแล้วเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อส่วย
              แรกเริ่มลูกชายและลูกสะใภ้ก็ได้ช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง ทำไร่ไถ นาเลี้ยงวัว เลี้ยงควายด้วยดีเสมอมา แต่หลังจากห้าหกปีให้หลัง คือปี ๒๕๐๓ พ่อส่วยก็แก่ลงมากมีอายุได้ ๘๘ ปีแล้ว แม่สายก็ แก่พอๆกันคือ อายุ ๘๕ ปีพอดี ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ก็มีลูกแล้ว 2 คน
          ในปีนั้นเองลูกสะใภ้ก็เกิดความโลภอยากจะฮุบมรดกทั้งหมดเป็นของ  ตน กลัวว่าสมบัติจะไปตกกับพี่ชายคนโตของสามี  นางจึงพยายามปั้นเรื่องโกหก และโยนความผิดไปให้พ่อแม่สามีต่างๆนาๆ และขู่สามี ว่า หากไม่ยอมแยกพ่อแม่ไปอยู่ที่อื่น ตัวนางกับลูกจะย้ายออกไปเอง เมื่อลูกชายโดนใส่ไฟหนักเข้า ก็การทะเลาะวิวาทกับพ่อ บังเกิดเกล้า และบังคับให้พ่อกับแม่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
         พวกชาวบ้านสงสารจึงช่วยกันหาไม้มาสร้างบ้านหลังหนึ่งในที่ดินว่าง เปล่าท้ายหมู่บ้าน เป็นบ้านหลังเล็กๆ แล้วพวกชาวบ้านก็ไปเชิญพ่อส่วย แม่สายให้มาอยู่อาศัย สองตายายก็ต้องแม้ไม่อยากไปเพราะห่วงลูกหลาน ก็จำใจจากไปเพราะไม่อยากให้มีปัญหา แม่เฒ่าร้องไห้อาลัยในบ้านช่องเรือนชาน ดูไปก็น่าสงสารยิ่งนัก
         หลังจากสองตายายมาอยู่บ้านน้อยหลังนี้แล้ว ก็ลำบากมากในเรื่องอาหารการกิน เพราะแก่ด้วยกันทั้งคู่แล้ว ลูกชายลูกสะใภ้ไม่เคยหาอาหารมาให้กินเลย จึงตกเป็นภาระของชาวบ้านทุกครัวเรือน ทุกๆวัน ชาวบ้านจะพากันมาส่งข้าวปลาอาหาร ราวกับว่าตายายคู่นี้เป็นพระอยู่ที่วัดเลยล่ะ
         ส่วนที่บ้านลูกชายและลูกสะใภ้ของสองตายาย พวกชาวบ้านพากัน รังเกียจ จึงไม่ค่อยมีใครไปคบค้าสมาคม จะมีก็แต่พวกขี้เหล้าเมายา พวกนักเลงการพนันหรือไม่ก็พวกมาหาซื้อวัวควายเท่านั้นที่ไปมาหาสู่
         หลังจากสองตายายคู่นี้ได้ย้ายออกมาเป็นปีที่สาม คือปี ๒๕๐๗ ในปีนั้นพอถึงฤดูหนาว อากาศหนาวมาก เมื่อบ้านน้อยอยู่ริมทุ่งโล่ง   ก็ไม่มีบ้านหลังอื่นบังลมหนาวให้ สองตายายจึงต้องพากันก่อไฟผิง แต่ด้วยอากาศที่หนาวจัด ทำให้สองตายายคู่นี้ทนไม่ได้ถึงกับหนาวตายด้วยกันทั้งคู่ในปีเดียวกันนั้นเอง
สองตายายตายไป ผู้เป็นลูกชายคนโตและชาวบ้าน ก็ช่วยกันจัดการ งานศพให้ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกชายคนที่สองและลูกสะใภ้เลย
         พอพูดมาถึงตรงนี้ หลวงพ่อเติมท่านก็พูดถึงวิบากกรรมที่ลูกทำกับ พ่อและแม่ว่า "มันเป็นกรรมหนัก (อนันตริยกรรม) ดูแต่พระมหาโมคคัลลาเถระที่ อดีตชาติเคยฆ่าพ่อแม่ที่ตาบอดตาย เพราะคำยุยงของเมีย ผลของบาปกรรมส่งผลให้ไปตกอยู่ในนรกหลายแสนปี แม้เศษกรรมที่เหลืออยู่ เมื่อมาเกิดเป็นคน ก็ยังต้องถูกฆ่า ถูกทุบถูกตี อีกตั้ง ๑๐๐ ชาติเลยทีเดียว"
         หลังจากที่สองตายายตายไปแล้ว พวกนักเลงก็เข้ามาปอกลอก ชักชวนไปเล่นโบก เล่นไฮโลกัน ตอนเล่นใหม่ๆพวกนักเลงการพนันทำที เป็นเล่นเสียเพื่อเป็นการอ่อยเหยื่ออ่อยให้ตายใจ  
         ในการเล่นการพนันของลูกชายคนรองนี้ เขาถือว่ามีเงินจากการขาย วัวควาย ขายข้าวของต่างๆ เลยมักจะลงพนันทีละมากๆ เมื่อได้ก็จะได้มาก แต่ถ้าเสียก็เสียมากเหมือนกัน ไม่นานเขาก็ติดเหล้า ติดการพนัน งอมแงม
          หลายปีต่อมา ข้าวของเงินทองที่เขามีอยู่ก็ร่อยหรอลง ถึงขนาดต้อง ไปกู้หนี้ยืมสินมาเล่นพนัน วัวหรือควายเริ่มหายไปเพื่อใช้หนี้ จากที่เคยมีอยู่เป็น ร้อยๆตัวก็ทยอยหมดคอก เพราะผีพนันเข้าสิง
          พอหมดวัวควายเอามาจำนองเล่นการพนันแล้ว ก็หันมาเอาไร่เอานา เอาสวนไปจำนอง ไม่นานไร่นา สวนก็หมดไป เขายิ่งกลุ้มใจหนักขึ้นไปอีก กินเหล้าเมามายทุกวันพอเมาแล้วก็เหมือน คนเสียสติ และแล้วคืนวันหนึ่งในฤดูหนาวของปี ๒๕๑๓ เขาได้เดินหายออกจาก บ้านไปด้วยความเมาเหล้าอย่างเต็มที่
         ตอนเช้ามีคนไปพบว่าเขาได้กลายเป็นศพนอนหนาวตายอยู่ข้างทาง ในหมู่บ้านนั้นเอง สันนิษฐานว่าเมาหนัก ไม่มีแรงเดิน จึงยึดเอาข้างถนน เป็นที่หลับนอน และหนาวตายเพราะความหนาวเย็นของฤดูหนาว
         "นี่แหละหนอกรรมที่เขาเคยทำเอาไว้กับพ่อแม่อย่างไร ผลของกรรม นั้น มันก็ย้อนมาสนองเขาเช่นกัน" หลวงพ่อเติมกล่าว
         ส่วนลูกสะใภ้บัดนี้ทรัพย์สมบัติที่เคยโลภโกงเอามานั้น มันได้หายนะ ไปหมดแล้ว แม้กระทั่งสามีก็มาตายไป นางจึงต้องพาลูกน้อยทั้งสอง กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านเก่า นี่ล่ะคือ ผลกรรมความขี้โลภของลูกเนรคุณ
            ก่อนจากหลวงพ่อเติมได้ฝากคติธรรมเอาไว้เตือนใจคือ

                        เกิดเป็นคน จนหรือมี ดีหรือชั่ว
                        อยู่ที่ตัว เราทำ กรรมสนอง
                        หากทำดี ดีส่ง คงเรืองรอง
                        ทำชั่วต้อง ได้รับกรรม ที่ทำมา

ที่มา : สารอโศก อันดับที่ ๒๕๖ มกราคม ๒๕๔๖

        ดอกไม้ร่วมเผยแผ่เรื่องกฎแห่งกรรม ดอกไม้

             http://www.facebook.com/LawsOfKarma
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่