สวัสดีครับ
ผมเคยไปงานแต่งงานมาหลายงาน เคยเป็นพิธีกรงานแต่งงานให้หลายคู่ เคยช่วยเพื่อนฝูงญาติมิตรคนสนิทกระทั่งลูกค้า คนข้างบ้านเตรียมงานจัดงาน ขับรถรับส่งคู่บ่าวสาวมาก็หลายครั้ง
จนกระทั่ง กำลังจะมีงานของตัวเองในปีหน้า
รู้มั้ยครับ ผมคิดอะไรในใจ
งานแต่งงานของคนไทย ...บางคน..อืม...ส่วนใหญ่มั้ง มันช่างจัดอย่างไร้สาระจริงๆเลยครับ
ทำไมเราต้องไปเสียเงินจำนวนมากๆให้โรงแรมด้วย
ทำไมเราต้องจัดใหญ่อลังการหลายๆโต๊ะ เชิญใครก็ไม่รู้ ซึ่งจริงๆ เราแทบไม่รู้จักกันเลย เค้าแทบไม่มีบทบาทความสัมพันธ์อะไรกับชีวิตเราเลยมาร่วมในงานด้วย (ก็อยากได้ซองเค้าไง 555) แล้วเค้าก็แค่มาถ่ายรูปกับคุณตรงปากทางเข้างาน แค่นั้นเอง แล้วหลังจากนั้น คุณก็อาจจะไม่เห็นเค้าอีกเลยในชีวิตนี้ (เอ๊ะ ก็บอกแล้วไง ว่าอยากได้ซองเค้า)
(เคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งไว้ว่า โอกาสที่เราจะได้เจอคนที่เราแทบจะไม่ได้เจอเลยมีอยู่สองงาน คือ งานแต่งงาน กับงานศพ )
ทำไมเราต้องจัดช่วงปลายปีด้วย ...อ๋อ...อากาศมันหนาวๆไง บรรยากาศมันดี ......หนาว father muang สิครับ กรุงเทพเคยหนาวเหรอครับ ปลายปี หนาวกี่วัน กี่สัปดาห์ครับ หนาวแล้วไงครับ คุณก็จัดอยู่ในห้องแอร์ในโรงแรมอยู่ดีครับ
แล้วโรงแรมก็ถือโอกาสขึ้นราคาพรึ่บ แพงนรกเลยช่วงปลายปี ต้นปี กลางปี ก็มีทำไมพวกคุณไม่จัดกันครับ ทำไมครับ ทำไม
ผมคิดในใจมาตลอดว่า ถ้าผมจะแต่งงานนะ ผมไม่จัดและจ่ายอะไรโง่ๆแบบนี้หรอกครับ
ผมไม่ได้ขี้เหนียวนะ แต่ผมว่าผมใช้เงินเป็นมากกว่า
ผมคิดว่า ถ้าค่านิยมของพวกผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงอยากจะอ้างว่า เพื่อแสดงศักยภาพว่าเราดูแลเค้าได้ เพื่อให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ อะไรพวกนั้น
เอ่อ.....ผมคิดว่า เหนือกว่าการแสดงศักยภาพโดยการจัดงานใหญ่โตแพงๆ คือ การแสดงให้เค้าเห็นว่า เราบริหารการใช้จ่ายอย่างฉลาดดีกว่ามั้ยครับ
ผมคิดว่า การให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ มันต้องใช้เงินแสดงออกหรือครับ
ผมวางแผนไว้ถ้าผมจะจัดงานแต่งงาน ผมจะไม่เชิญใครมาเยอะมาก ผมอยากจัดตอนกลางวัน กลางวันเป็นเวลาที่เราทำอะไรได้สะดวกสบายดี กลางคืนควรเป็นเวลาพักผ่อน โอเค อยากจัดกลางคืนก็ได้ไม่ว่ากัน
ผมอยากจัดที่บ้านผมเอง ผมเพิ่งทำบ้านใหม่เสร็จ ไม่ใหญ่เวอร์ แต่รองรับคนได้หลายสิบคน บ้านผมดูดี ไม่อายใคร มีนิตยสารมาขอถ่ายทำสกู๊ปไปแล้วหลายเล่ม แต่ถ้าคิดว่าที่บ้านผมไม่เวิร์ค ผมมีพื้นที่ outdoor ดีๆอีกหลายที่ ที่เจ้าของสถานที่ยินดีให้ผมใช้งานได้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือ ถ้าคิดก็ไม่แพงอย่างไร้เหตุผลเหมือนจัดในโรงแรมหรอกครับ
เชื่อมั้ย ผมคิดถึงอยากจัดในวัดด้วยซ้ำครับ ทำไมล่ะครับ วันเกิด วันตาย เราไปทำบุญกันในวัด แล้วทำไมวันแต่งงานเราไปจัดงานในวัดไม่ได้ ผมเคยเล่าให้หลวงพ่อที่รู้จักกันท่านหนึ่งฟัง ท่านสนับสนุนผมนะ ดีซะอีก ชวนคนเข้าวัดทำบุญให้วัดด้วย
ผมไม่เชิญแขกเยอะมากครับ ตั้งใจงั้นจริงๆ เอาเป็นว่า ประชาชนรับรู้ว่าผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แล้วก็พอแล้วมั้งครับ อยากแสดงความยินดี .....กด Like เลยครับ
ผมไม่อยากได้เงินใส่ซองของแขกที่มา ผมอยากชวนแขกที่มาร่วมฉลองแสดงความยินดีกับผมแบบนี้มากกว่า คือ ซองที่เอามา ผมมีรายชื่อมูลนิธิ และ หน่วยงานที่ต้องการการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ เด็กด้อยโอกาส สัตว์พิการมากมาย ผมจะเอาลิสต์รายชื่อเหล่านี้มาติดไว้ที่โต๊ะหน้างานเลย แล้วให้คุณเลือกเลยจะช่วยที่ไหน นี่คือ วิธีที่คุณจะร่วมแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของผม
ชุดแต่งงาน....ใส่ทำไมครับสูท บ้านเราร้อนจะตายชัก ใส่ทำไมครับชุดเจ้าสาวรุ่มร่าม ยืน เดิน นั่ง เข้าห้องน้ำลำบากจะตาย นี่เลยครับ !!! ใส่ชุดผ้าไทยสบายๆ dress code ในงานของผม แขกใส่เสื้อผ้าตามสบายครับ หรืออยากแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้ครับ
ผมกับแฟนชอบผ้าทอมือ พวกผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชงที่ชาวบ้านต่างจังหวัดเค้าทอกัน พวกเราตั้งใจอยากใส่ผ้าแบบนั้นกัน สวยงามเป็นธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดี และช่วยกระจายรายได้ให้ชาวบ้านด้วย
ผมเล่าๆไอเดียเหล่านี้ให้แฟนผมฟัง แฟนผมชอบ และเอาด้วย (เย้ !!)
แต่ไอเดียทั้งหมด ถูกเบรคด้วย พ่อแม่ของทั้งฝ่ายผมและเจ้าสาวนี่ล่ะครับ 5555555555555555
"ทำอย่างงั้นได้ยังไงกัน คนเค้าไม่ทำกัน ไม่ให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่เค้าเลย คนสมัยนี้นี่ ไม่ไหวๆ"
คือ ต้องเสียตังค์เยอะๆใช่มั้ยครับ ถึงจะได้สบายใจกัน 555555555555555555
เมื่อวานได้ดูหนังเรื่อง Forest Gump ที่ฉายทาง True เห็นฉากแต่งงานของพระเอก (ในรูปที่แปะ) แล้ว เฮ้อ.....ฝรั่งเค้าจัดงานได้น่ารัก เรียบง่าย เป็นกันเอง และฉลาดดีออกนะครับ
นึกถึงคำกล่าวที่ว่า "คนรวยคือคนที่ใช้เงินอย่างฉลาด" ตอนนี้ ผมกำลังจะต้องตามใจผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยการเสียเงินที่ผมทำงานเก็บมาหลายปีกับเรื่องโง่ๆที่ผมเคยด่าไว้ในใจมาตลอดครับ
ขอบคุณครับ ที่กรุณาฟังผมบ่น ^_^
(ว่าแล้ว ก็ไล่หาโรงแรมต่อไป 55555555 )
ผมคิดเรื่องจัดงานแต่งงานแบบนี้น่ะครับ
สวัสดีครับ
ผมเคยไปงานแต่งงานมาหลายงาน เคยเป็นพิธีกรงานแต่งงานให้หลายคู่ เคยช่วยเพื่อนฝูงญาติมิตรคนสนิทกระทั่งลูกค้า คนข้างบ้านเตรียมงานจัดงาน ขับรถรับส่งคู่บ่าวสาวมาก็หลายครั้ง
จนกระทั่ง กำลังจะมีงานของตัวเองในปีหน้า
รู้มั้ยครับ ผมคิดอะไรในใจ
งานแต่งงานของคนไทย ...บางคน..อืม...ส่วนใหญ่มั้ง มันช่างจัดอย่างไร้สาระจริงๆเลยครับ
ทำไมเราต้องไปเสียเงินจำนวนมากๆให้โรงแรมด้วย
ทำไมเราต้องจัดใหญ่อลังการหลายๆโต๊ะ เชิญใครก็ไม่รู้ ซึ่งจริงๆ เราแทบไม่รู้จักกันเลย เค้าแทบไม่มีบทบาทความสัมพันธ์อะไรกับชีวิตเราเลยมาร่วมในงานด้วย (ก็อยากได้ซองเค้าไง 555) แล้วเค้าก็แค่มาถ่ายรูปกับคุณตรงปากทางเข้างาน แค่นั้นเอง แล้วหลังจากนั้น คุณก็อาจจะไม่เห็นเค้าอีกเลยในชีวิตนี้ (เอ๊ะ ก็บอกแล้วไง ว่าอยากได้ซองเค้า)
(เคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งไว้ว่า โอกาสที่เราจะได้เจอคนที่เราแทบจะไม่ได้เจอเลยมีอยู่สองงาน คือ งานแต่งงาน กับงานศพ )
ทำไมเราต้องจัดช่วงปลายปีด้วย ...อ๋อ...อากาศมันหนาวๆไง บรรยากาศมันดี ......หนาว father muang สิครับ กรุงเทพเคยหนาวเหรอครับ ปลายปี หนาวกี่วัน กี่สัปดาห์ครับ หนาวแล้วไงครับ คุณก็จัดอยู่ในห้องแอร์ในโรงแรมอยู่ดีครับ
แล้วโรงแรมก็ถือโอกาสขึ้นราคาพรึ่บ แพงนรกเลยช่วงปลายปี ต้นปี กลางปี ก็มีทำไมพวกคุณไม่จัดกันครับ ทำไมครับ ทำไม
ผมคิดในใจมาตลอดว่า ถ้าผมจะแต่งงานนะ ผมไม่จัดและจ่ายอะไรโง่ๆแบบนี้หรอกครับ
ผมไม่ได้ขี้เหนียวนะ แต่ผมว่าผมใช้เงินเป็นมากกว่า
ผมคิดว่า ถ้าค่านิยมของพวกผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงอยากจะอ้างว่า เพื่อแสดงศักยภาพว่าเราดูแลเค้าได้ เพื่อให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ อะไรพวกนั้น
เอ่อ.....ผมคิดว่า เหนือกว่าการแสดงศักยภาพโดยการจัดงานใหญ่โตแพงๆ คือ การแสดงให้เค้าเห็นว่า เราบริหารการใช้จ่ายอย่างฉลาดดีกว่ามั้ยครับ
ผมคิดว่า การให้เกียรติญาติผู้ใหญ่ มันต้องใช้เงินแสดงออกหรือครับ
ผมวางแผนไว้ถ้าผมจะจัดงานแต่งงาน ผมจะไม่เชิญใครมาเยอะมาก ผมอยากจัดตอนกลางวัน กลางวันเป็นเวลาที่เราทำอะไรได้สะดวกสบายดี กลางคืนควรเป็นเวลาพักผ่อน โอเค อยากจัดกลางคืนก็ได้ไม่ว่ากัน
ผมอยากจัดที่บ้านผมเอง ผมเพิ่งทำบ้านใหม่เสร็จ ไม่ใหญ่เวอร์ แต่รองรับคนได้หลายสิบคน บ้านผมดูดี ไม่อายใคร มีนิตยสารมาขอถ่ายทำสกู๊ปไปแล้วหลายเล่ม แต่ถ้าคิดว่าที่บ้านผมไม่เวิร์ค ผมมีพื้นที่ outdoor ดีๆอีกหลายที่ ที่เจ้าของสถานที่ยินดีให้ผมใช้งานได้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือ ถ้าคิดก็ไม่แพงอย่างไร้เหตุผลเหมือนจัดในโรงแรมหรอกครับ
เชื่อมั้ย ผมคิดถึงอยากจัดในวัดด้วยซ้ำครับ ทำไมล่ะครับ วันเกิด วันตาย เราไปทำบุญกันในวัด แล้วทำไมวันแต่งงานเราไปจัดงานในวัดไม่ได้ ผมเคยเล่าให้หลวงพ่อที่รู้จักกันท่านหนึ่งฟัง ท่านสนับสนุนผมนะ ดีซะอีก ชวนคนเข้าวัดทำบุญให้วัดด้วย
ผมไม่เชิญแขกเยอะมากครับ ตั้งใจงั้นจริงๆ เอาเป็นว่า ประชาชนรับรู้ว่าผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แล้วก็พอแล้วมั้งครับ อยากแสดงความยินดี .....กด Like เลยครับ
ผมไม่อยากได้เงินใส่ซองของแขกที่มา ผมอยากชวนแขกที่มาร่วมฉลองแสดงความยินดีกับผมแบบนี้มากกว่า คือ ซองที่เอามา ผมมีรายชื่อมูลนิธิ และ หน่วยงานที่ต้องการการช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ เด็กด้อยโอกาส สัตว์พิการมากมาย ผมจะเอาลิสต์รายชื่อเหล่านี้มาติดไว้ที่โต๊ะหน้างานเลย แล้วให้คุณเลือกเลยจะช่วยที่ไหน นี่คือ วิธีที่คุณจะร่วมแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของผม
ชุดแต่งงาน....ใส่ทำไมครับสูท บ้านเราร้อนจะตายชัก ใส่ทำไมครับชุดเจ้าสาวรุ่มร่าม ยืน เดิน นั่ง เข้าห้องน้ำลำบากจะตาย นี่เลยครับ !!! ใส่ชุดผ้าไทยสบายๆ dress code ในงานของผม แขกใส่เสื้อผ้าตามสบายครับ หรืออยากแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้ครับ
ผมกับแฟนชอบผ้าทอมือ พวกผ้าฝ้าย ผ้าใยกัญชงที่ชาวบ้านต่างจังหวัดเค้าทอกัน พวกเราตั้งใจอยากใส่ผ้าแบบนั้นกัน สวยงามเป็นธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดี และช่วยกระจายรายได้ให้ชาวบ้านด้วย
ผมเล่าๆไอเดียเหล่านี้ให้แฟนผมฟัง แฟนผมชอบ และเอาด้วย (เย้ !!)
แต่ไอเดียทั้งหมด ถูกเบรคด้วย พ่อแม่ของทั้งฝ่ายผมและเจ้าสาวนี่ล่ะครับ 5555555555555555
"ทำอย่างงั้นได้ยังไงกัน คนเค้าไม่ทำกัน ไม่ให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่เค้าเลย คนสมัยนี้นี่ ไม่ไหวๆ"
คือ ต้องเสียตังค์เยอะๆใช่มั้ยครับ ถึงจะได้สบายใจกัน 555555555555555555
เมื่อวานได้ดูหนังเรื่อง Forest Gump ที่ฉายทาง True เห็นฉากแต่งงานของพระเอก (ในรูปที่แปะ) แล้ว เฮ้อ.....ฝรั่งเค้าจัดงานได้น่ารัก เรียบง่าย เป็นกันเอง และฉลาดดีออกนะครับ
นึกถึงคำกล่าวที่ว่า "คนรวยคือคนที่ใช้เงินอย่างฉลาด" ตอนนี้ ผมกำลังจะต้องตามใจผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยการเสียเงินที่ผมทำงานเก็บมาหลายปีกับเรื่องโง่ๆที่ผมเคยด่าไว้ในใจมาตลอดครับ
ขอบคุณครับ ที่กรุณาฟังผมบ่น ^_^
(ว่าแล้ว ก็ไล่หาโรงแรมต่อไป 55555555 )