หลายคนอาจยังไม่เคยได้ยิน และยังคงสงสัยว่า “ปริญญามิกี้เมาส์” หมายถึงอะไร? วันนี้ Life on campus จะมาบอกเล่าท้าวความให้ฟังกันก่อนเกี่ยวกับปริญญามิกกี้เมาส์ ชื่อน่ารักแต่เอ๊ะมันคืออะไร? “Micky Mouse” เป็นสัญลักษณ์ในการกล่าวคำเสียดสี และถูกนำมาใช้เปรียบเปรยเรื่องการศึกษาในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 โดยนิตยสารแทบลอยด์ในอังกฤษ กล่าวถึง มหาวิทยาลัยที่มีชื่อหลักสูตรในระดับปริญญาแปลกๆ โดยเรียกว่าเป็นปริญญามิกกี้เมาส์ "Mickey Mouse degrees" ซึ่งมีการเรียนจริง สอนจริงในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก ไม่เท่านั้นบางวิชายังเปิดสอนในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ อีกด้วย เอาเป็นว่าเกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า "สาขาวิชาแปลกๆ" ที่ว่ามานี้มีวิชาอะไรกันบ้าง เผื่อใครสนใจอยากจะไปลงทะเบียนเรียนดูบ้างไม่ว่ากัน...
1. สาขาวิชาอวัยวะเพศศึกษา (The Phallus)
หลักสูตรวิชานี้เป็นของวิทยาลัย “Occidental College” ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหลักสูตรที่เจาะลึกเกี่ยวกับลึงค์และอวัยวะเพศ, ความหมายของลึงค์, phallologocentrism, ลึงค์เลสเบี้ยน, ลึงค์ยิวลึงค์ละติน และความสัมพันธ์ของลึงค์และไสยศาสตร์ และยังรวมไปถึงการสำรวจตามแต่ละเขตปกครองในเรื่องของลึงค์ เพื่อจะนำมาซึ่งทฤษฎีที่สำคัญ และความยุติธรรมทางสังคมด้วย
2. สาขาวิชาว่าด้วยความโง่ (Stupidity)
วิทยาลัยออกซิเดนทอล (Occidental College) วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเกิ้ล ร็อค ใกล้กับลอสแอนเจลิส ได้เปิดหลักสูตรวิชาว่าด้วยความโง่ (Stupidity) ที่มีเนื้อหาวิชาเกี่ยวกับสมติฐานเรื่องความโง่ โดยจะหาบทพิสูจน์ว่าคุณโง่จริงหรือเปล่า โง่เรื่องอะไร เรื่องอวัยวะหรือเรื่องผู้หญิง และเมื่อเรียนจนสำเร็จการศึกษาออกมาก็จะได้รู้สักทีว่าเราโง่หรือฉลาดกันแน่? หรือโง่ตอนเรียนแล้วจบออกมาฉลาด? อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจและวิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะเออ...
3. สาขาวิชาสังคมธุรกิจสื่อลามก (Cyberporn and Society)
หลายคนที่เคยแอบดูเว็บโป๊ในชั่วโมงเรียน โดนจับได้และโดนอาจารย์ประจานหน้าชั้นเรียน แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะ The State University of New York at Buffalo ได้เปิดสอนวิชา “Cyberporn and Society” ในระดับปริญญาตรี เอาใจหนุ่มๆ โดยเฉพาะ โดยนักศึกษาสามารถสำรวจเว็บไซต์ลามกทางอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบประเด็นของความลามกอนาจาร สิ่งที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมหนังเรตต่างๆ ในโลกไซเบอร์ และการกำหนดภาพลามกอนาจารในรูปแบบที่แตกต่างกัน เพราะอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญต่อปี ดังนั้น ชั้นเรียนนี้จึงเป็นการสำรวจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เพื่อที่นักเรียนจะมีโอกาสต่อยอดธุรกิจในด้านหนังผู้ใหญ่ต่อไป
4. สาขาวิชาซิมป์สันและปรัชญา (The Simpsons and Philosophy)
หลักสูตร “ซิมป์สันและปรัชญา” นี้เป็นหลักสูตรแปลกผลงานของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เบิร์คลีย์ของสหรัฐฯ ที่นำเอาเรื่องราวต่างๆ ของการ์ตูนซิตคอมยอดฮิตในสหรัฐอเมริกาอย่างครอบครัว “เดอะ ซิมพ์สัน” ที่มีเนื้อเรื่องตลกเสียดสีวิถีชีวิตชนชั้นกลางของชาวอเมริกัน โดยผ่านตัวละครในครอบครัว คือ โฮเมอร์, มาร์จ, บาร์ต, ลิซา และ แม็กกี้ มีเนื้อหาที่ถากถางมุมมองของสังคมมนุษย์วัฒนธรรมอเมริกัน และจิตวิทยาครอบครัว ซึ่งผู้เรียนจะได้พบกับแง่มุม ข้อคิด ปรัชญาการใช้ชีวิตต่างๆ จากการ์ตูนเรื่องนี้ โดยเอามาศึกษาเปรียบเทียบในเชิงปรัชญากับผลงานของปรมาจารย์อย่างเพลโตและโฮเมอร์
5. สาขาวิชาเดวิด เบ็คแฮมศึกษา (David Beckham Studies)
หลักสูตร “เดวิด เบ็คแฮมศึกษา” เปิดสอนในระดับปริญญาตรี ในปี 2002 ที่มหาวิทยาลัย “The Staffordshire University” ของประเทศอังกฤษ สำหรับนักศึกษาด้านกีฬา การแพทย์และวัฒนธรรม ซึ่งจะมีการเรียนแบบเจาะลึกในทุกเรื่องราวของนักฟุตบอลชื่อดังอย่างเดวิด เบ็คแฮม ใน 12 สัปดาห์แรก คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทรงผมต่างๆ ของเดวิด เบ็คแฮม ที่มีอิทธิพลต่อบริบททางสังคม ไปจนถึงการแต่งงานของเขากับวิคตอเรียกับบทบาทที่เปลี่ยนไป
6. สาขาวิชาวิพากษ์บียอนเซ่ (Politicizing Beyonce)
มหาวิทยาลัยรัทเจอร์ส (Rutgers) ในนิว เจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มวิชาที่เกี่ยวกับนักร้องสาวผิวสีชื่อดังแห่งยุค “บียอนเซ่” ไว้ในหลักสูตรที่มีชื่อว่า “Politicizing Beyonce” หรือวิชาวิพากษ์บียอนเซ่ โดยศึกษาทั้งบทบาทศิลปิน บุคลิกลักษณะและการทำงาน เรื่องการเมือง เพศ ประเด็นทางเชื้อชาติ และคนผิวสีในสังคมอเมริกัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับนักร้องสาวคนอื่นๆ อย่าง เลดี้ กาก้า ซึ่งก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ได้เปิดสอนวิชาที่เกี่ยวกับแรพเปอร์หนุ่ม “เจย์-ซี” สามีของเธอในชื่อวิชา “สังคมวิทยาของฮิปฮอป: เจย์-ซี” อีกด้วย
7. สาขาวิชาเลดี้กาก้าและสังคมวิทยาความโด่งดัง (The Sociology of Fame and Lady Gaga)
เลดี้กาก้ามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและสังคมยุคใหม่ จนทำให้มหาวิทยาลัยเซาธ์แคโรไลนา (University of South Carolina) ของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดสอนหลักสูตรใหม่ในสาขาวิชา "เลดี้กาก้าและสังคมวิทยาความโด่งดัง" โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดเผยประเด็นทางสังคมในมุมมองความมีชื่อเสียงโด่งดังของกาก้าที่เกี่ยวข้องกับเพลง วิดีโอ แฟชั่น และความพยายามทางศิลปะของเธอ
8. สาขาวิชาแฮร์รี่ พอตเตอร์และยุคแห่งภาพลวงตา (Harry Potter and the Age of Illusion)
หลักสูตรที่คนรักแฮรี่พอตเตอร์ ไม่ควรพลาด โดยมหาวิทยาลัยเดอแฮม (University of Durham) มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ.1832 ได้เปิดการเรียนการสอนสาขาวิชา “แฮร์รี่ พอตเตอร์และยุคแห่งภาพลวงตา” ในระดับปริญญาตรี โดยรวมไว้ในคณะศึกษาศาสตร์ และได้กำหนดให้เป็นวิชาบังคับในการเรียนชั้นปีที่สองของคณะศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา เมื่อปี ค.ศ. 2010 หลายคนอาจคิดว่าหลักสูตรนี้มีการเรียนเวทมนต์คาถา จบมาเป็นพ่อมดแม่มดขี่ไม้กวาดบินได้ แต่ความจริงแล้วหลักสูตรนนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับงานของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงสังคมยุคปัจจุบัน ความไม่เป็นธรรมและความเป็นพลเมืองของประเทศนั่นเอง
9. สาขาวิชาคนเหล็กศึกษา (Terminator studies)
มหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในโลกอย่าง "มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)" ก็ได้เปิดสอนหลักสูตรวิชาแปลกๆ กับเขาเหมือนกันอย่างหลักสูตรวิชา “คนเหล็กศึกษา” (Terminator studies) เปิดสอนอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.2010 สร้างความฮือฮาและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งหลักสูตรนี้คือ มาร์ติน จอห์น รีส หรือท่านลอร์ด รีสแห่งลัดโลว์ วัย 70 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ระดับแถวหน้าของเมืองผู้ดี ซึ่งเคยออกมาคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจถึงคราวต้องล่มสลายหายไปจากโลกภายใน ค.ศ. 2100 จึงได้เปิดหลักสูตรให้มีการศึกษาอย่างจริงจังต่อภัยคุกคามของพวกจักรกลและคอมพิวเตอร์ ที่มีต่อมวลมนุษยชาติ
10. สาขาวิชาภาษาเอล์ฟ (Elvish, the language of “Lord of the Rings”)
ครั้งหนึ่งที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง “Lord of the Rings” เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน (University of Wisconsin) จึงได้เปิดหลักสูตรการเรียนรู้ภาษาภูติ (Elvish) สำหรับคนที่สนใจบทสนทนาระหว่าง เลโกลัส และ ธรันดูอิล จากการเรียนภาษา “Sindarin” (ซินดาลีน) เป็นภาษาที่ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์ได้ประดิษฐ์คิดค้นภาษาเอล์ฟขึ้นมาใช้ในนวนิยายชุดมิดเดิลเอิร์ธของเขาเอง จนสามารถใช้งานได้จริง มีไวยากรณ์ และคำศัพท์มากพอจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้ คือ ภาษาเควนยา และภาษาซินดาริน ซึ่งในนิยายระบุว่าทั้งสองภาษาเป็นภาษาที่เอล์ฟในมิดเดิลเอิร์ธใช้งานกันเป็นภาษาหลัก อย่างในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอักขระที่จารึกบนประตูทางเข้าเหมืองมอเรีย ก็ล้วนเป็นภาษาซินดารินทั้งสิ้น
ขออนุญาติแท็กหลายห้องนะครับ เพราะเกี่ยวข้องกัน
ปล. ถ้าซ้ำขออภัยนะครับ
20 สาขาวิชาสุดแปลก สอนจริง...เรียนจริง ปริญญามิกกี้เม้าส์!!!
1. สาขาวิชาอวัยวะเพศศึกษา (The Phallus)
หลักสูตรวิชานี้เป็นของวิทยาลัย “Occidental College” ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหลักสูตรที่เจาะลึกเกี่ยวกับลึงค์และอวัยวะเพศ, ความหมายของลึงค์, phallologocentrism, ลึงค์เลสเบี้ยน, ลึงค์ยิวลึงค์ละติน และความสัมพันธ์ของลึงค์และไสยศาสตร์ และยังรวมไปถึงการสำรวจตามแต่ละเขตปกครองในเรื่องของลึงค์ เพื่อจะนำมาซึ่งทฤษฎีที่สำคัญ และความยุติธรรมทางสังคมด้วย
2. สาขาวิชาว่าด้วยความโง่ (Stupidity)
วิทยาลัยออกซิเดนทอล (Occidental College) วิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเกิ้ล ร็อค ใกล้กับลอสแอนเจลิส ได้เปิดหลักสูตรวิชาว่าด้วยความโง่ (Stupidity) ที่มีเนื้อหาวิชาเกี่ยวกับสมติฐานเรื่องความโง่ โดยจะหาบทพิสูจน์ว่าคุณโง่จริงหรือเปล่า โง่เรื่องอะไร เรื่องอวัยวะหรือเรื่องผู้หญิง และเมื่อเรียนจนสำเร็จการศึกษาออกมาก็จะได้รู้สักทีว่าเราโง่หรือฉลาดกันแน่? หรือโง่ตอนเรียนแล้วจบออกมาฉลาด? อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจและวิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะเออ...
3. สาขาวิชาสังคมธุรกิจสื่อลามก (Cyberporn and Society)
หลายคนที่เคยแอบดูเว็บโป๊ในชั่วโมงเรียน โดนจับได้และโดนอาจารย์ประจานหน้าชั้นเรียน แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะ The State University of New York at Buffalo ได้เปิดสอนวิชา “Cyberporn and Society” ในระดับปริญญาตรี เอาใจหนุ่มๆ โดยเฉพาะ โดยนักศึกษาสามารถสำรวจเว็บไซต์ลามกทางอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบประเด็นของความลามกอนาจาร สิ่งที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมหนังเรตต่างๆ ในโลกไซเบอร์ และการกำหนดภาพลามกอนาจารในรูปแบบที่แตกต่างกัน เพราะอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญต่อปี ดังนั้น ชั้นเรียนนี้จึงเป็นการสำรวจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เพื่อที่นักเรียนจะมีโอกาสต่อยอดธุรกิจในด้านหนังผู้ใหญ่ต่อไป
4. สาขาวิชาซิมป์สันและปรัชญา (The Simpsons and Philosophy)
หลักสูตร “ซิมป์สันและปรัชญา” นี้เป็นหลักสูตรแปลกผลงานของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เบิร์คลีย์ของสหรัฐฯ ที่นำเอาเรื่องราวต่างๆ ของการ์ตูนซิตคอมยอดฮิตในสหรัฐอเมริกาอย่างครอบครัว “เดอะ ซิมพ์สัน” ที่มีเนื้อเรื่องตลกเสียดสีวิถีชีวิตชนชั้นกลางของชาวอเมริกัน โดยผ่านตัวละครในครอบครัว คือ โฮเมอร์, มาร์จ, บาร์ต, ลิซา และ แม็กกี้ มีเนื้อหาที่ถากถางมุมมองของสังคมมนุษย์วัฒนธรรมอเมริกัน และจิตวิทยาครอบครัว ซึ่งผู้เรียนจะได้พบกับแง่มุม ข้อคิด ปรัชญาการใช้ชีวิตต่างๆ จากการ์ตูนเรื่องนี้ โดยเอามาศึกษาเปรียบเทียบในเชิงปรัชญากับผลงานของปรมาจารย์อย่างเพลโตและโฮเมอร์
5. สาขาวิชาเดวิด เบ็คแฮมศึกษา (David Beckham Studies)
หลักสูตร “เดวิด เบ็คแฮมศึกษา” เปิดสอนในระดับปริญญาตรี ในปี 2002 ที่มหาวิทยาลัย “The Staffordshire University” ของประเทศอังกฤษ สำหรับนักศึกษาด้านกีฬา การแพทย์และวัฒนธรรม ซึ่งจะมีการเรียนแบบเจาะลึกในทุกเรื่องราวของนักฟุตบอลชื่อดังอย่างเดวิด เบ็คแฮม ใน 12 สัปดาห์แรก คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทรงผมต่างๆ ของเดวิด เบ็คแฮม ที่มีอิทธิพลต่อบริบททางสังคม ไปจนถึงการแต่งงานของเขากับวิคตอเรียกับบทบาทที่เปลี่ยนไป
6. สาขาวิชาวิพากษ์บียอนเซ่ (Politicizing Beyonce)
มหาวิทยาลัยรัทเจอร์ส (Rutgers) ในนิว เจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มวิชาที่เกี่ยวกับนักร้องสาวผิวสีชื่อดังแห่งยุค “บียอนเซ่” ไว้ในหลักสูตรที่มีชื่อว่า “Politicizing Beyonce” หรือวิชาวิพากษ์บียอนเซ่ โดยศึกษาทั้งบทบาทศิลปิน บุคลิกลักษณะและการทำงาน เรื่องการเมือง เพศ ประเด็นทางเชื้อชาติ และคนผิวสีในสังคมอเมริกัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับนักร้องสาวคนอื่นๆ อย่าง เลดี้ กาก้า ซึ่งก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ได้เปิดสอนวิชาที่เกี่ยวกับแรพเปอร์หนุ่ม “เจย์-ซี” สามีของเธอในชื่อวิชา “สังคมวิทยาของฮิปฮอป: เจย์-ซี” อีกด้วย
7. สาขาวิชาเลดี้กาก้าและสังคมวิทยาความโด่งดัง (The Sociology of Fame and Lady Gaga)
เลดี้กาก้ามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและสังคมยุคใหม่ จนทำให้มหาวิทยาลัยเซาธ์แคโรไลนา (University of South Carolina) ของสหรัฐอเมริกา ได้เปิดสอนหลักสูตรใหม่ในสาขาวิชา "เลดี้กาก้าและสังคมวิทยาความโด่งดัง" โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดเผยประเด็นทางสังคมในมุมมองความมีชื่อเสียงโด่งดังของกาก้าที่เกี่ยวข้องกับเพลง วิดีโอ แฟชั่น และความพยายามทางศิลปะของเธอ
8. สาขาวิชาแฮร์รี่ พอตเตอร์และยุคแห่งภาพลวงตา (Harry Potter and the Age of Illusion)
หลักสูตรที่คนรักแฮรี่พอตเตอร์ ไม่ควรพลาด โดยมหาวิทยาลัยเดอแฮม (University of Durham) มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ.1832 ได้เปิดการเรียนการสอนสาขาวิชา “แฮร์รี่ พอตเตอร์และยุคแห่งภาพลวงตา” ในระดับปริญญาตรี โดยรวมไว้ในคณะศึกษาศาสตร์ และได้กำหนดให้เป็นวิชาบังคับในการเรียนชั้นปีที่สองของคณะศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา เมื่อปี ค.ศ. 2010 หลายคนอาจคิดว่าหลักสูตรนี้มีการเรียนเวทมนต์คาถา จบมาเป็นพ่อมดแม่มดขี่ไม้กวาดบินได้ แต่ความจริงแล้วหลักสูตรนนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับงานของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงสังคมยุคปัจจุบัน ความไม่เป็นธรรมและความเป็นพลเมืองของประเทศนั่นเอง
9. สาขาวิชาคนเหล็กศึกษา (Terminator studies)
มหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในโลกอย่าง "มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)" ก็ได้เปิดสอนหลักสูตรวิชาแปลกๆ กับเขาเหมือนกันอย่างหลักสูตรวิชา “คนเหล็กศึกษา” (Terminator studies) เปิดสอนอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.2010 สร้างความฮือฮาและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งหลักสูตรนี้คือ มาร์ติน จอห์น รีส หรือท่านลอร์ด รีสแห่งลัดโลว์ วัย 70 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ระดับแถวหน้าของเมืองผู้ดี ซึ่งเคยออกมาคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจถึงคราวต้องล่มสลายหายไปจากโลกภายใน ค.ศ. 2100 จึงได้เปิดหลักสูตรให้มีการศึกษาอย่างจริงจังต่อภัยคุกคามของพวกจักรกลและคอมพิวเตอร์ ที่มีต่อมวลมนุษยชาติ
10. สาขาวิชาภาษาเอล์ฟ (Elvish, the language of “Lord of the Rings”)
ครั้งหนึ่งที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง “Lord of the Rings” เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน (University of Wisconsin) จึงได้เปิดหลักสูตรการเรียนรู้ภาษาภูติ (Elvish) สำหรับคนที่สนใจบทสนทนาระหว่าง เลโกลัส และ ธรันดูอิล จากการเรียนภาษา “Sindarin” (ซินดาลีน) เป็นภาษาที่ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์ได้ประดิษฐ์คิดค้นภาษาเอล์ฟขึ้นมาใช้ในนวนิยายชุดมิดเดิลเอิร์ธของเขาเอง จนสามารถใช้งานได้จริง มีไวยากรณ์ และคำศัพท์มากพอจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้ คือ ภาษาเควนยา และภาษาซินดาริน ซึ่งในนิยายระบุว่าทั้งสองภาษาเป็นภาษาที่เอล์ฟในมิดเดิลเอิร์ธใช้งานกันเป็นภาษาหลัก อย่างในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน ชื่อสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอักขระที่จารึกบนประตูทางเข้าเหมืองมอเรีย ก็ล้วนเป็นภาษาซินดารินทั้งสิ้น
ขออนุญาติแท็กหลายห้องนะครับ เพราะเกี่ยวข้องกัน
ปล. ถ้าซ้ำขออภัยนะครับ