เราเพิ่งขอ schengen visa เพื่อไปเที่ยวยุโรป  โดยขอผ่านสถานฑูต เนเธอร์แลนด์ค่ะ
จริงๆขอตั้งแต่เดือนที่แล้ว แล้วก็ตั้งใจว่าจะมารีวิว วิธีต่างๆ แต่เพิ่งมีเวลาค่ะ

ขั้นตอนแรก เข้าไปอ่านรายละเอียดและขั้นตอน ในเว็บไซด์นี้ค่ะ
http://www.vfsglobal.com/netherlands/thailand/thai/index.html


จากนั้นทำตามขั้นตอนต่างๆตามในเว็บ....
ขั้นตอนแรก      ดาว์นโหลดใบชำระเงิน  ปริ๊นแล้วนำไปยื่นที่ธนาคารกรุงศรี  เสียค่าธรรมเนียมนัดหมาย 480 บาทค่ะ
จากนั้น รอ 1 วันทำการ แล้วค่อยเข้าไปทำการนัดหมาย ในเว็บไซด์เดิมค่ะ  ซึ้งในนั้นมีตัวอย่างวิธีการนัดหมายอย่างละเอียดค่ะ

ก่อนถึงวันนัดหมายก็เตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อมค่ะ (รายละเอียดตามในเว็บไซด์)
ย้ำว่าเอกสารต้องครบทุกอย่างจริงๆนะคะ  สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว

-  แผนการเดินทางต้องเขียนให้ครบทุกวัน ไม่ต้องละเอียดมากค่ะ  แค่บอกว่าในวันนี้เราจะเที่ยวและพักที่เมืองไหน เท่านั้นค่ะ
แล้วก็ที่สำคัญ การจองโรงแรม ต้องจองให้ครบทุกวันเหมือนกัน  ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับเลยค่ะ


-  สำหรับการจองโรงแรม เราเลือกจองแบบที่สามารถ จ่ายเงินที่หลังและไม่มีค่าธรรมเนียมในการยกเลิก
เว็บที่เราจองส่วนใหญ่ก็เป็น booking.com  agoda  แล้วก็ปริ๊นใบจองทั้งหมด เรียงตามวันที่ให้เรียบร้อย


-  ส่วนประกันการเดินทาง เราเลือก ทำประกันท่องเที่ยว ออนไลน์ของ bupa  ค่ะ จริงๆอันนี้ไม่ทราบข้อมูลมากนะคะ
แต่สำหรับเรา อันนี้ก็เร็วดีค่ะ เข้าไปทำในเว็บได้เลย แล้วก็ทางบริษัทประกัน จะส่งกรมธรรม์มาทาง e-mail ปริ๊นตัวนี้แนบไปได้เลยค่ะ
แต่อย่าลืมเช็ค วงเงินคุ้มครองให้เป็นไปตามที่สถานฑูตกำหนดนะคะ  
แล้วก็ระยะเวลาประกัน ต้องครอบคลุมตั้งแต่วันแรกที่ไป จนถึงวันที่กลับค่ะ

- สำหรับแบบคำร้องขอวีซ่าที่มีให้โหลดในเว็บไซด์ มีเป็นแบบภาษาไทย  แต่แบบที่ใช้จริงต้องเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะคะ

- รูปถ่ายก็ไม่ยุ่งยากค่ะ ตามที่กำหนด แต่เรารีบเลยไม่ได้แต่งหน้าไปถ่ายรูป  หน้าแย่มากกกก TT

- ส่วน Statement เราแนบย้อยหลัง 6 เดือน (อันนี้ไม่ทราบว่าจำเป็นต้อง 6 เดือนไม๊นะคะ) คิดว่าเขาน่าจะดูวงเงินเป็นหลักค่ะ


จบในส่วนของการเตรียมเอกสาร.........

ต่อไปเมื่อถึงวันนัดหมายย  (เล่าตามประสบการณ์จริงของเรา  อาจมีความเห็นส่วนตัวปนอยู่ด้วยนะคะ)

ในวันนัดหมายจะมีเวลาแจ้งมาด้วย เราก็ไปตามเวลาที่เขาแจ้งมาค่ะ  แต่พอดีว่าเราลืมถ่ายเอกสารหน้าพลาสปอร์ตมา
ทำให้ต้องไปหาร้านถ่ายเอกสาร ซึ่งก็ไม่ไกลค่ะ ฝั่งตรงข้ามเลย ป้าเขาก็ใจดี  ช่วยเช็คให้เราด้วยว่าขาดหายอะไร
เพิ่งมารู้ตอนนี้เองว่าใบคำร้องที่ใช้ต้องเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งป้าก็มีเตรียมให้   แต่ค่าถ่ายเอกสารก็เอาการอยู่ค่ะ


จากนั้นเดินผ่านพี่ยามเข้ามาข้างใน  พี่ยามที่นี่อัธยาศัยดีทุกคนค่ะ ยิ้มแย้ม แจ่มใส แนะนำดี
แล้วก็นั่งรอเขาเรียกชื่อเราค่ะ  ไม่ต้องกดบัตรคิว  เพราะเรานัดไว้แล้ว  รอแปปเดียว
พี่ยามก็เรียกเข้าไปอีกห้องนึง  ห้องนี้เป็นห้องของเจ้าหน้าที่ แบ่งเป็น 4 เคาน์เตอร์ค่ะ  1 ในนั้นเป็นสำหรับสัมภาษณ์



ระหว่างที่รอ ก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์คนอื่นอยู่ค่ะ  เสียงค่อยข้างดังเพราะพูดออกไมค์
ทำให้รู้ว่า  เจ้าหน้าที่อัธยาศัยค่อนข้างแย่  (ทั้งๆที่อ่านในรีวิวก่อนหน้า มีแต่คนชมว่าพนักงงานที่นี่สุภาพ)
น้ำเสียงนี่แบบว่าแย่มากก  ส่วนคำถามนี่ก็แบบ.....เอาเป็นว่าเรารู้รายละเอียด
ของคนที่กำลังถูกสัมภาษณ์เกือบทั้งหมด  แม้กระทั่งว่า มีแฟนมาแล้วกี่คน หรือเลิกกันเพราะอะไร เจอคนใหม่ที่ไหน
(หรือมันคือคำถามปกติของการของวีซ่า อันนี้เราไม่ทราบ) แต่อาจจะด้วยน้ำเสียง ทำให้เราดูว่ามันค่อนข้างแรง
เหมือนไล่ต้อนให้จนมุม ยังไงไม่รู้  เราว่าจริงๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดีๆก็ได้  ค่อยข้างเห็นใจฝ่ายถูกสัมภาษณ์ค่ะ


พอถึงตาเรา  ก็เข้าไปแสกนนิ้วมือ  ตรวจเอกสาร  จากนั้นก็ออกมาเพื่อรอเข้าห้องสัมภาษณ์
เราไปกับเพื่อนสองคน เพื่อนเราเข้าไปห้องสัมภาษณ์ก่อน  เพื่อนเราออกมาแล้วก็บอกว่า พนักงานแย่มากกก
คือพอยื่นเอกสารไป เห็นเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ก็ทำหน้าไม่พอใจ เพื่อนพนักงานเคาน์เตอร์ข้างๆ เลยว่าเป็นอะไร
แล้วก็พูดกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า เคสนี้เสียเวลามาก ซึ่งลืมปิดไมค์  เพื่อนเราเลยได้ยินทั้งหมด
แล้วก็รู้สึกว่า คำนี้ไม่ควรออกมาจากปากเจ้าหน้าที่ เพราะนี่คืองานของคุณ  ( คือเรากับเพื่อนไปหลายประเทศ
แล้วก็ค่อนข้างนานค่ะ  ทำให้เขาต้องนั่งไล่รายละเอียดต่างๆเยอะ )
สรุปก็คือ เอกสารไม่ครบ  มีบางช่วงของทริปที่ไม่ได้จองโรงแรม  เพื่อนเราตอบว่า เราไปแบบแพคแบคที่พักช่วงนั้นยังไม่แน่นอน
พนักงานก็บอกว่า ไม่ได้ ต้องจองที่พักให้ครบทุกวัน  (อันนี้เราเลยขอย้ำตอนเตรียมเอกสารอีกทีนะคะ  สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว)



พอถึงตาเราสัมภาษณ์ ยื่นเอกสาร พนักงานไม่ถามอะไร  แต่ดูออกได้เลยว่า อารมณ์เสียมากๆ
กระแทกแป้นพิมพ์  หน้าบึ้ง แล้วยื่นเอกสารมาให้เราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีว่า   ส่งเอกสารที่ขาดมาตามนี้!!!  
ไม่มีการอธิบายเเพิ่มเติมใดใด


(จริงๆแล้วมีคุณป้า ที่เข้าไปสัมภาษณ์ก่อนเพื่อนเรา วิ่งเข้ามาใหม่ เพราะไม่เข้าใจการส่งเอกสารที่ไม่ครบ  ป้าบอกว่า ตอนแรกตกใจอยู่
(ก็น่าตกใจจริงๆละค่ะ  ดุ๊ดุ )  เลยไม่เข้าใจว่าต้องส่งยังไง  ซึ้งป้าเข้าไปถามใหม่ก็โดนดุอีก )


สำหรับคนที่เอกสารไม่ครบนะคะ  แล้วต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม


เจ้าหน้าที่จะให้กระดาษแผ่นหนึ่งมา ซึ่งในแผ่นนั้นจะมีชื่อเรา  แล้วก็เครื่องหมาย ติ๊ก /  ข้างหน้าเอกสารที่เรายังขาดอยู่
สำหรับเรา เราแสกนแผ่นนี้ปะหน้าแล้วตามด้วยเอกสารที่ขาด  
แล้วก็เพื่อความสะดวก เราสแกนเป็นไฟล์  PDF โดยรวมทุกแผ่นเป็นไฟล์เดียว  แล้วส่งไปตาม e-mail ที่ระบุในใบที่เจ้าหน้าที่ให้มาค่ะ

หัวข้อ e-mail เขียนเป็น  นามสกุลภาษาอังกฤษ_วันเดือนปีเกิด
ในเมล อาจจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า  เอกสารเพิ่มเติมสำหรับการขอวีซ่า  ลงชื่อเรา แล้วก็ หมายเลข พาสปอร์ต ค่ะ


หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน ก็มี e- mail จากสถานฑูตส่งมาว่า ส่งพลาสปอร์ตพร้อมผลวีซ่า มาทางไปรษณีย์ โดนมีรหัส ems ให้เราเช็คด้วยค่ะ
เร็วมากๆๆๆ


จบแล้วววว   เราอาจจะเขียนละเอียดแล้วก็ยื้อเยื้อเกินไป  แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องไปขอวีซ่านะคะ