อำนาจการปรับตัว

กระทู้สนทนา
การให้ความหมาย  คือ อำนาจการปรับตัว  

สไตล์การมองโลก  ก็คือ   แนวทางการรับรู้สิ่งรอบตัวอย่างไร  ที่ไปกำหนดความหมายต่อภววิสัยเช่นนั้น
เป็นความสัมพันธ์ของ  figure&ground ที่เราเลือกให้มันมี ให้มันเป็น บนเส้นทางการดำรงอยู่  
การปรับตัว และการสร้างตัวตน สร้างสังคมของคน   ทั้งในระดับมนุษย์  ระดับสังคม และระดับปัจเจกบุคคล  

วิทยาศาสตร์  สมัยหนึ่งยกให้กฏแรงโน้มถ่วง เป็นสารัตถะของกรอบอ้างอิงทุกสิ่งบนโลก  
มันใช้อธิบายเรื่องราวต่างๆได้ดี เข้าใจได้และใช้งานได้   ภายใต้ชีวิตประจำวัน  ภายใต้สามัญสำนึก  
ต่อมาทฤษฏีสัมพัทธภาพได้ถูกค้นพบและให้ความหมายเรื่องราวต่างๆอย่างเหนือจินตนาการออกไป  กว้างไกลออกไป  
ซึ่งพบต่อมาว่า เป็นจริง ใช้งานได้ในกรอบความเร็วสูงๆ  
สามารถใช้ทำนายปรากฏการณ์ที่แสงเบี่ยงเบน เพราะถูกแรงโน้มถ่วงของมวลขนาดใหญ่ดึงดูดได้  
เวลากลายเป็นสิ่งไม่แน่นอน   ขึ้นอยู่กับผู้สังเกต  ซึ่งต่างกับกฏแรงโน้มถ่วงที่เชื่อว่า เวลาเป็นสิ่งสมบูรณ์
ไอน์สไตน์ได้ทำลายสามัญสำนึกของเราในเรื่อง  เวลา  การเดินทางด้วยความเร็วสูง  และแสงไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรง

การให้ความหมายในระดับสังคม    ก็ถูกสถาปนาเป็นทฤษฏีทางสังคมต่างๆ  มีตั้งแต่ยุคก่อนสมัยใหม่  สมัยใหม่ และหลังสมัยใหม่
ซึ่งโดยมาก  ก็มักจะล้อสะท้อนฐานแนวคิดจากวิทยาศาสตร์  
เช่น  จิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ก็สะท้อนอิงแนวคิดของนิวตัว....
ปรัชญาหลังสมัยใหม่ กระทั่งยุคใหม่ก็สะท้อนอิงทฤษฏีสัมพัทธภาพ  และทฤษฏีควอนตั้ม

ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว  กลับพบว่า   มนุษย์ได้ขับเคลื่อนโลกทางวัตถุชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะที่ได้ลดทอนตัวเอง  ให้กลายเป็นวัตถุที่ดิ้นรนไปโดยปริยาย  อีกด้วย
ส่งผลทำให้จะมีคนเพียงน้อยนิด  ที่อาจเห็นภาพรวมของความเป็นจริงที่แปรเปลี่ยนไปอย่างทั้งเชื่องช้าและรวดเร็ว ..ขณะเดียวกัน
และทำให้อำนาจการปรับตัวของมนุษย์    มักพบทางสองแพร่งหรือขัดแย้งกันเองบ่อยครั้งขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่