หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แบกเป้ปีนภูสอยดาว
กระทู้สนทนา
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
1 ปีผ่านไปค่อยมาเขียนรีวิว รูปทั้งหมดถ่ายจากมือถือนะครับ
=========================================
ได้เห็นรูปภูสอยดาวและดอกหงอนนาคแล้วก็คิดว่าอยากจะไปเห็นด้วยตา หาข้อมูลจากพันทิปและเวปของกรมอุทยานแห่งชาติ โทรไปสอบถามแล้วก็เก็บกระเป๋าไปเลยไม่ได้วางแผนและเตรียมตัวเลย มีข้อมูลแค่ว่าทางโหดมาก ด้านบนไม่มีอาหารขาย ทุกอย่างต้องขนไปเอง อืมทำใจระดับนึงแล้วนะว่าจะลำบาก ปกติไม่ค่อยชอบแบกอะไรไปเยอะ สมบัติติดตัวไปก็เลยมีแค่เป้ 1 ใบกับกระเป๋าใส่กล้องอีก 1 ใบ ออกเดินทางคืนวันที่ 7 กันยายน 2556
การเดินทางไปภูสอยดาว
พิกัดการเดินทาง: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โทรศัพท์ 055 436 001-2 ข้อมูลการเดินทางมีหลายเส้นทางมากที่อยู่ในเวปของอุทยานฯ และเวปท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น
1. ไปทางพิษณุโลก: เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก ควรกะเวลาให้ไปถึงประมาณตี 5 จากนั้นต่อรถไปอำเภอชาติตระการ และเมื่อถึงชาติตระการจะมีรถสองแถวไปที่อุทยานฯ แต่จะมีแค่เพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น รถออกไม่เกิน 9 โมงเช้า
2. ไปทางอุตรดิตถ์: เดินทางออกจากกรุงเทพฯไปลงที่สถานีขนส่งอุตรดิตถ์ ควรไปถึงไม่เกินตี 5 ครึ่ง จากนั้นต่อรถไปอำเภอน้ำปาด พอถึงน้ำปาดก็ต่อรถไปอุทยานฯ อีกที เราเลือกเส้นทางนี้ เพราะอยากไปอุตรดิตถ์ พอมาถึงน้ำปาดวันที่เราไปไม่มีรถโดยสารขึ้นอุทยานฯ แม่ค้าบอกให้เราโบกรถขนสับปะรดขึ้นไป แล้วให้เราเดินไปรอที่แยกทางขึ้นอุทยานฯ ตรงร้านขายของชำของอาจารย์ชาตรี ไปถึงเราก็แวะซื้อน้ำและถามทาง เขาบอกว่าให้รอรถโบกขึ้นได้ รอที่หน้าร้านได้เลย นั่งรอยาวนานมากสุดท้ายก็ได้เจ้าของร้านที่เป็นอาจารย์ที่คนแถวนี้นับถือช่วยเจรจาให้คนที่มาซื้อของเราขึ้นไปส่งในราคาแค่ 500 บาท (จากปกติที่คนอื่นบอกในเวป 1,500 - 2,500 บาท)
3. ทางจังหวัดเลย (ไม่ค่อยมีใครนิยมไปนัก): เดินทางไปลงที่อำเภอด่านซ้ายจังหวัดเลย จะมีรถโดยสารแค่เพชรประเสริฐทัวร์บริษัทเดียว ถ้าจำไม่ผิดออกจากกรุงเทพฯ 4 ทุ่มครึ่ง ไปถึงด่านซ้ายเกือบตี 5 จากนั้นให้รอรถสองแถวคันใหญ่ๆ ด่านซ้าย-นาแห้ว-นาเจริญ-บ้านร่มเกล้า และไปเหมารถขึ้นอุทยานฯ อีกที
เราเสียเวลาในการรอรถนานไปถึงที่ทำการอุทยานฯก็ 14.20 น. แล้วเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ขึ้น มองหน้าเราแล้วบอกว่า "พี่ว่าเราขึ้นไปไม่ทันมืดหรอก เจ้าหน้าที่ที่เดินปิดท้ายออกไปแล้ว เราคงเดินไม่ทันแน่" ตกลงเราได้พักด้านล่างก่อน 1 คืน อืม...ไม่ทันก็ได้ ไม่อยากแหกกฏใคร อุทยานฯไม่อนุญาตให้ขึ้นหลัง 14.00 น.
การได้พักด้านล่างก่อน 1 คืนทำให้เราได้นอนบ้านทั้งหลังที่พักได้อย่างน้อย 4 คนตามลำพัง เราได้บ้านสอยดาว 104/1 และได้รู้ว่า 600 บาทที่จ่ายไปเกินคุ้มมาก ที่พักกับจุดขึ้นภูสอยดาวห่างกัน 2 กิโลเมตร เราไม่มีรถมาเจ้าหน้าที่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งเรา
พอเข้าบ้านเราก็รื้ออุปกรณ์อาบน้ำออกมาไปไว้ในห้องน้ำ และล้างหน้าซะหน่อยก็หยิบโฟมและสบู่ออกมาวางนอกกระเป๋าอาบน้ำ โดยวางทั้งหมดที่กั้นส่วนแห้งกันส่วนเปียก แล้วเราก็ออกมาสำรวจบ้านต่อ สักพักได้ยินเสียงของหล่นในห้องน้ำก็เดินไปดูปรากฏว่าโฟมล้างหน้าหล่น เราก็หยิบขึ้นและวางที่เดิม ออกมาสักพักมีเสียงดังมาอีกแล้วรอบนี้เป็นขวดสบู่หล่นลงมา เราก็เก็บและวางที่เดิม ออกไปสำรวจด้านหลังบ้านพักได้ยินเสียงของหล่นอีกแล้วรอบนี้ดังกว่าทุกที เดินเข้าไปปรากฎว่าหล่นมาทั้งกระเป๋าเลย อุปกรณ์อาบน้ำหล่นลงมาหมด ก็เหมือนเดิมหยิบไว้ที่เดิม และยกมือไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ที่อยู่หลังที่ทำการอุทยานฯ (มองจากหน้าต่างห้องนอนเห็นชัดเจน) และทุกอย่างก็ไม่หล่นอีกเลย
หลังจากสำรวจที่พักก็ออกมาซนรอบๆ อุทยานฯ กันต่อ ใกล้ๆ บ้านพักเรา บ้านสอยดาว 104/1 มีดงดอกหงอนนาคย่อมๆ อยู่
เดินต่อไปชมวิวรอบๆ
มีธารน้ำที่ไหลมาจากด้านข้างบ้านพักเราและมาตรงจุดที่เป็นสะพานข้ามไปยังร้านค้าสวัสดิการ ที่ร้านนี้จะมีทุกอย่างทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่มในราคาปกติไม่มีบวกเพิ่มนะ แถมด้วยยังมีปั๊มหลอดสำหรับจำหน่ายน้ำมันด้วย
เดินต่อไปจะพบเรือนเพาะชำกล้าไม้ต่างๆ ใครนำรถมาเองและนำขยะของตนที่นำลงไปออกไปทิ้งที่อื่นที่มีการจัดการกับขยะดีกว่านี้จะได้รับกล้าไม้ไปเป็นที่ระลึกด้วย
เดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนนทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ ก็ต้องถ้ายรูปป้ายสักหน่อย
ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ รออาทิตย์ตกดิน และแล้วก็ได้เวลาที่โปรดของเรา
พออาทิตย์ตกอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมาทันที เราก็รีบเดินกลับบ้านพัก เตรียมอาบน้ำและจัดการมื้อเย็น แต่พอถึงหน้าบ้านมาแขกมารออยู่ก่อนแล้ว เลยได้แวะทักทายกัน
ขณะอาบน้ำทำใจไว้นิดนึงเครื่องทำน้ำอุ่นที่นี่เป็นระบบแก๊ส อาบไปก็จะมีกลิ่นมาบ้าง อาบน้ำเสร็จอากาศเย็นมากขึ้น เราก็ออกมาเตรียมมื้อเย็นที่เตรียมมาจากร้านอาหารตามสั่งก่อนมาที่อุทยานฯ มื้อนี้เป็นข้าวผัดธรรมดานี่แหละ
พออิ่มแล้วก็ต้องรีบหนีเข้ามาในบ้านเพราะอากาศเริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็รีบนอนเอาแรง พร้อมสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
เช้าวันรุ่งขึ้นออกมาเดินซนถ่ายรูปอีกแล้ว อากาศดีท้องฟ้าสดใสมาก
หลังจากออกไปสูอกาศแล้วก็กลับมาจัดการมื้อเช้าแบบสำเร็จรูปที่เตรียมไปพร้อมกาแฟฟรีจากบ้านพัก
พออิ่มแล้วก็เก็บกระเป๋า อาบน้ำ และไปจ่ายค่าที่พัก ขณะรอที่จะติดรถเจ้าหน้าที่ไปตรงจุดขึ้นภูสอยดาวก็เดินถ่ายรูปต่อ
หลังจากเคารพธงชาติเสร็จก็นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เจ้าหน้าที่มาที่จุดลงทะเบียนขึ้นภูสอยดาว มาถึงเป็นคนแรกพร้อมเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียนและจ่ายค่าเช่าเต้นท์ 250 บาท ที่รองนอน 20 บาท ถุงนอน 30 บาท มัดจำเต้นท์ 1,000 บาท ค่าเข้าอุทยานฯ 40 บาท เราจ้างลูกหาบนะเพราะรักสบาย ค่าจ้างลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท ขั้นต่ำ 20 กิโลกรัม กระเป๋าเรา 2 ใบและอุปกรณ์การนอนที่เช่าทั้งหมด และน้ำอีก 2 ขวดก็ 20 กิโลกรัมพอดี หลังจากลงทะเบียนเสร็จเราก็ไปหาเสบียงด้วยการซื้อข้าวผัดที่ร้านเดิม เตรียมขึ้นภูสอยดาว แต่ก่อนขึ้นก็ขอชักรูปที่น้ำตกภูสอยดาวก่อนนะ
ถึงเวลาออกเดินทางสักที เวลาดี 8.45 น. แวะไหว้ศาลที่อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนขึ้นบันไดเหล็ก
ไหว้เสร็จก็ออกเดินขึ้นบันไดเหล็กเลย ถึงเวลาปีนแล้ว
เดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เพราะมีแต่คนบอกว่าโหดเลยต้องเก็บแรงไว้บ้าง ถ่ายรูป ชมวิวไปเรื่อยๆ
พอเริ่มเดินก็เริ่มร้อนแล้วถอดเสื้อกันหนาวออก เหลือแค่เสื้อกล้ามแล้วก็ลุยต่อ
ทางเดินบางช่วงจะมีบันไดเหล็ก ถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าสร้างบันไดขึ้นในช่วงที่ต้องปีนไว้สำหรับช่วงที่องค์ภาเสด็จฯ เมื่อช่วงหลังวันแม่ปี 2552 ในช่วงฝนที่เราไปจะมีบางช่วงที่แฉะมาก เข้าใจเลยว่าทำไมเข้าให้ใส่รองเท้าพื้นหนา แต่เราดันมีแค่คอนเวิร์สแบบพื้นบางอีกโคลนซึมเข้ารองเท้าตั้งแต่เริ่มเดินได้ไม่นานนัก
แล้วเราก็มาถึงเนินส่งญาติ ใครไปต่อไม่ไหวมักจะขอกลับที่จุดนี้กัน (ถามเจ้าหน้าที่อีกละ)
ลุยต่อยังไม่เหนื่อยมากจะรีบพักไปใย
ผ่านมาอีกนิดก็เจอเนินปราบเซียน
เหงื่อไหลจนหัวเปียก ตัวเปียก กางเกงเปียกหมดแล้ว ทางโหดจริงๆ จนมาถึงเนินป่าก่อ
ลุยต่อไปอีกนิดก็จะเจอเนินเสือโคร่ง เรานั่งพักตรงนี้ 5 นาที เพราะมีลมเย็นๆมาพอดี
หลังจากเหงื่อเริ่มแห้งไปนิดนึงก็เดินต่อมายังเนินมรณะ
เนินมรณะทางสุดยอดมาก ลูกหาบเราตามมาทันที่เนินนี่ แล้วเขาก็นั่งพัก เราเดินต่อเพราะสนุก เริ่มเห็นวิวข้างทางแล้ว เริ่มสนุกกับทุกอย่างรอบตัว
สนุกจนเพลินก็ถึงลานสนแล้ว
สนุกถ่ายรูปจนเพลินลูกหาบของเรา "อ๊อฟ" หน้าโหดมากแต่นิสัยดีสุดๆ เดินแซงเราไปลิ่วเชียว
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
จะขับรถส่วนตัวไปอุทยานภูสอยดาว จากพิษณุโลกไปเส้นทางไหนดีครับ รถเก๋ง TOYOTA YARIS
สมาชิกหมายเลข 8569409
ทริปเก็บดาว @ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
ทริปเก็บดาว @ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ ทริปนี้เกิดจากความอยากรู้อยากลอง เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมการอะไรมากมาย ด้วยความที่เป็นคนอุตรดิตถ์แต่ยังไม่เคยขึ้นภูสอยดาวเลยสักที เวลาใครถามก็ได้แต่ตอบว่าไม่รู้ ไม่
สมาชิกหมายเลข 1615410
กาลครั้งหนึ่ง "ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว" ทุ่งดอกหงอนนาค พร้อมสายหมอก (:
ไปกันค่ะ... ภูสอยดาว ได้ยินชื่อเสียงมานานมากๆ ถึงเวลาได้ขึ้นไปพิชิตยอดภูสอยดาวแล้วววว ระยะทางเดินเท้า 6.5 กม. ความสูง 1,633 เมตรจากระดับน้ำทะเล ความยากในการเดิน ก็เนินสุดท้าย ๆ
PaiGunKa
ภูสอยดาว
มีคำถาม ดังนี้ ค่ะ 1. สำหรับผู้สูงอายุ (50-60 ) สามารถจะเดินทางไปดู ทุ่งดอกหงอนนนาค ที่อำเภอแน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ไหวไหมคะ 2. เรื่องเกี่ยวกับอาหาร การกิน ถ้าเรา พักที่บ้านพักอุทยาน แห่งชาติ ภูสอยด
สมาชิกหมายเลข 1148546
ในอุทยานบ้านเรา มีจำนวนสัตว์ป่ามากน้อยแค่ไหนครับ
ในปีนี้จำได้ว่าเห็นข่าวเจอเสือ แต่จำไม่ได้ว่าเจอที่อุทยานอะไรนะครับ ส่วนเดือนก่อนเห็นโพสต์คนไปเที่ยวภูกระดึง แล้วเจอกวางตัวใหญ่ออกมาเดินเล่นพอดี เดินแถวร้านอาหารบนนั้นนี่แหละ ล่าสุด เห็น
สมาชิกหมายเลข 6652492
ถ้าปิด "ภูกระดึง" ถาวรตลอดไป ใครจะได้รับผลกระทบ/เดือดร้อน มากที่สุด!?
ถ้าปิด ไม่ให้ท่องเที่ยว ให้เป็นผืนป่าอนุรักษ์อย่างเดียว - ช้างป่า ได้ประโยชน์ - แล้ว มนุษย์/ผู้คนในภาคส่วนใด ที่จะได้รับผลกระทบ เดือดร้อน มากที่สุด? ...นักท่องเที่ยว ว่าไง? ...เจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลอ
สมาชิกหมายเลข 6916554
ภูสอยดาว เดินเข้าป่า หาความว่างเปล่า
ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวเข้ามาทุกที เราจึงอยากจะพาไปสถานที่เที่ยวธรรมชาติ สถานที่ ที่ระหว่างทางอาจสำคัญกว่าจุดหมาย "ภูสอยดาว" มีความสูง 1,633 ม. เป็นเขตพรมแดนธรรมชาติ ไทย
watquik
สอบถามผู้ที่เคยไปเที่ยวภูสอยดาวค่ะ
มีคำถาม ดังนี้ ค่ะ 1. สำหรับผู้สูงอายุ (50-60 ) สามารถจะเดินทางไปดู ทุ่งดอกหงอนนนาค ที่อำเภอแน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ไหวไหมคะ 2. เรื่องเกี่ยวกับอาหาร การกิน ถ้าเรา พักที่บ้านพักอุทยาน แห่งชาติ ภูสอยด
สมาชิกหมายเลข 1148546
[บันทึกนักเดินทาง] 13-15 กรกฎา ‘66 ไปตามหาดอกไม้สีม่วงบนลานสน ณ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเดินป่าตามหาดอกไม้สีม่วง บนลานสนที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์กันค่ะ เราเพิ่งไปมาเมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ กรกฎาคม ที่ผ่านมานี่เอง พอขาค่อยๆ คลายความตึง ต้องมารี
เมื่อท้องฟ้ามาบรรจบกับท้องทะเล
ทริปภูสอยดาว...มิตรภาพความรักและเสียงหัวเราะ
ทริปนี้เป็นการรีวิวการเดินทางขึ้นไปภูสอยดาว ซึ่งภูสอยดาวตั้งอยู่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นทางขึ้นเขาที่โหดอันดับต้นๆของประเทศไทยด้วยระยะทาง 6.5 กิโลเมตร เราเดินทางกันในวันท
สมาชิกหมายเลข 1358318
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 38
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แบกเป้ปีนภูสอยดาว
=========================================
ได้เห็นรูปภูสอยดาวและดอกหงอนนาคแล้วก็คิดว่าอยากจะไปเห็นด้วยตา หาข้อมูลจากพันทิปและเวปของกรมอุทยานแห่งชาติ โทรไปสอบถามแล้วก็เก็บกระเป๋าไปเลยไม่ได้วางแผนและเตรียมตัวเลย มีข้อมูลแค่ว่าทางโหดมาก ด้านบนไม่มีอาหารขาย ทุกอย่างต้องขนไปเอง อืมทำใจระดับนึงแล้วนะว่าจะลำบาก ปกติไม่ค่อยชอบแบกอะไรไปเยอะ สมบัติติดตัวไปก็เลยมีแค่เป้ 1 ใบกับกระเป๋าใส่กล้องอีก 1 ใบ ออกเดินทางคืนวันที่ 7 กันยายน 2556
การเดินทางไปภูสอยดาว
พิกัดการเดินทาง: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โทรศัพท์ 055 436 001-2 ข้อมูลการเดินทางมีหลายเส้นทางมากที่อยู่ในเวปของอุทยานฯ และเวปท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น
1. ไปทางพิษณุโลก: เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก ควรกะเวลาให้ไปถึงประมาณตี 5 จากนั้นต่อรถไปอำเภอชาติตระการ และเมื่อถึงชาติตระการจะมีรถสองแถวไปที่อุทยานฯ แต่จะมีแค่เพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น รถออกไม่เกิน 9 โมงเช้า
2. ไปทางอุตรดิตถ์: เดินทางออกจากกรุงเทพฯไปลงที่สถานีขนส่งอุตรดิตถ์ ควรไปถึงไม่เกินตี 5 ครึ่ง จากนั้นต่อรถไปอำเภอน้ำปาด พอถึงน้ำปาดก็ต่อรถไปอุทยานฯ อีกที เราเลือกเส้นทางนี้ เพราะอยากไปอุตรดิตถ์ พอมาถึงน้ำปาดวันที่เราไปไม่มีรถโดยสารขึ้นอุทยานฯ แม่ค้าบอกให้เราโบกรถขนสับปะรดขึ้นไป แล้วให้เราเดินไปรอที่แยกทางขึ้นอุทยานฯ ตรงร้านขายของชำของอาจารย์ชาตรี ไปถึงเราก็แวะซื้อน้ำและถามทาง เขาบอกว่าให้รอรถโบกขึ้นได้ รอที่หน้าร้านได้เลย นั่งรอยาวนานมากสุดท้ายก็ได้เจ้าของร้านที่เป็นอาจารย์ที่คนแถวนี้นับถือช่วยเจรจาให้คนที่มาซื้อของเราขึ้นไปส่งในราคาแค่ 500 บาท (จากปกติที่คนอื่นบอกในเวป 1,500 - 2,500 บาท)
3. ทางจังหวัดเลย (ไม่ค่อยมีใครนิยมไปนัก): เดินทางไปลงที่อำเภอด่านซ้ายจังหวัดเลย จะมีรถโดยสารแค่เพชรประเสริฐทัวร์บริษัทเดียว ถ้าจำไม่ผิดออกจากกรุงเทพฯ 4 ทุ่มครึ่ง ไปถึงด่านซ้ายเกือบตี 5 จากนั้นให้รอรถสองแถวคันใหญ่ๆ ด่านซ้าย-นาแห้ว-นาเจริญ-บ้านร่มเกล้า และไปเหมารถขึ้นอุทยานฯ อีกที
เราเสียเวลาในการรอรถนานไปถึงที่ทำการอุทยานฯก็ 14.20 น. แล้วเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ขึ้น มองหน้าเราแล้วบอกว่า "พี่ว่าเราขึ้นไปไม่ทันมืดหรอก เจ้าหน้าที่ที่เดินปิดท้ายออกไปแล้ว เราคงเดินไม่ทันแน่" ตกลงเราได้พักด้านล่างก่อน 1 คืน อืม...ไม่ทันก็ได้ ไม่อยากแหกกฏใคร อุทยานฯไม่อนุญาตให้ขึ้นหลัง 14.00 น.
การได้พักด้านล่างก่อน 1 คืนทำให้เราได้นอนบ้านทั้งหลังที่พักได้อย่างน้อย 4 คนตามลำพัง เราได้บ้านสอยดาว 104/1 และได้รู้ว่า 600 บาทที่จ่ายไปเกินคุ้มมาก ที่พักกับจุดขึ้นภูสอยดาวห่างกัน 2 กิโลเมตร เราไม่มีรถมาเจ้าหน้าที่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งเรา
พอเข้าบ้านเราก็รื้ออุปกรณ์อาบน้ำออกมาไปไว้ในห้องน้ำ และล้างหน้าซะหน่อยก็หยิบโฟมและสบู่ออกมาวางนอกกระเป๋าอาบน้ำ โดยวางทั้งหมดที่กั้นส่วนแห้งกันส่วนเปียก แล้วเราก็ออกมาสำรวจบ้านต่อ สักพักได้ยินเสียงของหล่นในห้องน้ำก็เดินไปดูปรากฏว่าโฟมล้างหน้าหล่น เราก็หยิบขึ้นและวางที่เดิม ออกมาสักพักมีเสียงดังมาอีกแล้วรอบนี้เป็นขวดสบู่หล่นลงมา เราก็เก็บและวางที่เดิม ออกไปสำรวจด้านหลังบ้านพักได้ยินเสียงของหล่นอีกแล้วรอบนี้ดังกว่าทุกที เดินเข้าไปปรากฎว่าหล่นมาทั้งกระเป๋าเลย อุปกรณ์อาบน้ำหล่นลงมาหมด ก็เหมือนเดิมหยิบไว้ที่เดิม และยกมือไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ที่อยู่หลังที่ทำการอุทยานฯ (มองจากหน้าต่างห้องนอนเห็นชัดเจน) และทุกอย่างก็ไม่หล่นอีกเลย
หลังจากสำรวจที่พักก็ออกมาซนรอบๆ อุทยานฯ กันต่อ ใกล้ๆ บ้านพักเรา บ้านสอยดาว 104/1 มีดงดอกหงอนนาคย่อมๆ อยู่
เดินต่อไปชมวิวรอบๆ
มีธารน้ำที่ไหลมาจากด้านข้างบ้านพักเราและมาตรงจุดที่เป็นสะพานข้ามไปยังร้านค้าสวัสดิการ ที่ร้านนี้จะมีทุกอย่างทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่มในราคาปกติไม่มีบวกเพิ่มนะ แถมด้วยยังมีปั๊มหลอดสำหรับจำหน่ายน้ำมันด้วย
เดินต่อไปจะพบเรือนเพาะชำกล้าไม้ต่างๆ ใครนำรถมาเองและนำขยะของตนที่นำลงไปออกไปทิ้งที่อื่นที่มีการจัดการกับขยะดีกว่านี้จะได้รับกล้าไม้ไปเป็นที่ระลึกด้วย
เดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนนทางเข้าที่ทำการอุทยานฯ ก็ต้องถ้ายรูปป้ายสักหน่อย
ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ รออาทิตย์ตกดิน และแล้วก็ได้เวลาที่โปรดของเรา
พออาทิตย์ตกอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมาทันที เราก็รีบเดินกลับบ้านพัก เตรียมอาบน้ำและจัดการมื้อเย็น แต่พอถึงหน้าบ้านมาแขกมารออยู่ก่อนแล้ว เลยได้แวะทักทายกัน
ขณะอาบน้ำทำใจไว้นิดนึงเครื่องทำน้ำอุ่นที่นี่เป็นระบบแก๊ส อาบไปก็จะมีกลิ่นมาบ้าง อาบน้ำเสร็จอากาศเย็นมากขึ้น เราก็ออกมาเตรียมมื้อเย็นที่เตรียมมาจากร้านอาหารตามสั่งก่อนมาที่อุทยานฯ มื้อนี้เป็นข้าวผัดธรรมดานี่แหละ
พออิ่มแล้วก็ต้องรีบหนีเข้ามาในบ้านเพราะอากาศเริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้ายก็รีบนอนเอาแรง พร้อมสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา
เช้าวันรุ่งขึ้นออกมาเดินซนถ่ายรูปอีกแล้ว อากาศดีท้องฟ้าสดใสมาก
หลังจากออกไปสูอกาศแล้วก็กลับมาจัดการมื้อเช้าแบบสำเร็จรูปที่เตรียมไปพร้อมกาแฟฟรีจากบ้านพัก
พออิ่มแล้วก็เก็บกระเป๋า อาบน้ำ และไปจ่ายค่าที่พัก ขณะรอที่จะติดรถเจ้าหน้าที่ไปตรงจุดขึ้นภูสอยดาวก็เดินถ่ายรูปต่อ
หลังจากเคารพธงชาติเสร็จก็นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เจ้าหน้าที่มาที่จุดลงทะเบียนขึ้นภูสอยดาว มาถึงเป็นคนแรกพร้อมเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียนและจ่ายค่าเช่าเต้นท์ 250 บาท ที่รองนอน 20 บาท ถุงนอน 30 บาท มัดจำเต้นท์ 1,000 บาท ค่าเข้าอุทยานฯ 40 บาท เราจ้างลูกหาบนะเพราะรักสบาย ค่าจ้างลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท ขั้นต่ำ 20 กิโลกรัม กระเป๋าเรา 2 ใบและอุปกรณ์การนอนที่เช่าทั้งหมด และน้ำอีก 2 ขวดก็ 20 กิโลกรัมพอดี หลังจากลงทะเบียนเสร็จเราก็ไปหาเสบียงด้วยการซื้อข้าวผัดที่ร้านเดิม เตรียมขึ้นภูสอยดาว แต่ก่อนขึ้นก็ขอชักรูปที่น้ำตกภูสอยดาวก่อนนะ
ถึงเวลาออกเดินทางสักที เวลาดี 8.45 น. แวะไหว้ศาลที่อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนขึ้นบันไดเหล็ก
ไหว้เสร็จก็ออกเดินขึ้นบันไดเหล็กเลย ถึงเวลาปีนแล้ว
เดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เพราะมีแต่คนบอกว่าโหดเลยต้องเก็บแรงไว้บ้าง ถ่ายรูป ชมวิวไปเรื่อยๆ
พอเริ่มเดินก็เริ่มร้อนแล้วถอดเสื้อกันหนาวออก เหลือแค่เสื้อกล้ามแล้วก็ลุยต่อ
ทางเดินบางช่วงจะมีบันไดเหล็ก ถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าสร้างบันไดขึ้นในช่วงที่ต้องปีนไว้สำหรับช่วงที่องค์ภาเสด็จฯ เมื่อช่วงหลังวันแม่ปี 2552 ในช่วงฝนที่เราไปจะมีบางช่วงที่แฉะมาก เข้าใจเลยว่าทำไมเข้าให้ใส่รองเท้าพื้นหนา แต่เราดันมีแค่คอนเวิร์สแบบพื้นบางอีกโคลนซึมเข้ารองเท้าตั้งแต่เริ่มเดินได้ไม่นานนัก
แล้วเราก็มาถึงเนินส่งญาติ ใครไปต่อไม่ไหวมักจะขอกลับที่จุดนี้กัน (ถามเจ้าหน้าที่อีกละ)
ลุยต่อยังไม่เหนื่อยมากจะรีบพักไปใย
ผ่านมาอีกนิดก็เจอเนินปราบเซียน
เหงื่อไหลจนหัวเปียก ตัวเปียก กางเกงเปียกหมดแล้ว ทางโหดจริงๆ จนมาถึงเนินป่าก่อ
ลุยต่อไปอีกนิดก็จะเจอเนินเสือโคร่ง เรานั่งพักตรงนี้ 5 นาที เพราะมีลมเย็นๆมาพอดี
หลังจากเหงื่อเริ่มแห้งไปนิดนึงก็เดินต่อมายังเนินมรณะ
เนินมรณะทางสุดยอดมาก ลูกหาบเราตามมาทันที่เนินนี่ แล้วเขาก็นั่งพัก เราเดินต่อเพราะสนุก เริ่มเห็นวิวข้างทางแล้ว เริ่มสนุกกับทุกอย่างรอบตัว
สนุกจนเพลินก็ถึงลานสนแล้ว
สนุกถ่ายรูปจนเพลินลูกหาบของเรา "อ๊อฟ" หน้าโหดมากแต่นิสัยดีสุดๆ เดินแซงเราไปลิ่วเชียว