ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวเข้ามาทุกที เราจึงอยากจะพาไปสถานที่เที่ยวธรรมชาติ สถานที่ ที่ระหว่างทางอาจสำคัญกว่าจุดหมาย "ภูสอยดาว" มีความสูง 1,633 ม. เป็นเขตพรมแดนธรรมชาติ ไทย-ลาว ตั้งอยูในจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยเราออกเดินทางกันแต่เช้าด้วยระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ - พิษณุโลก - อุตรดิตถ์ โดยระยะทางประมาณ 60 กิโลสุดท้ายจะเป็นถนนสวนเลน ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ เราเดินทางมาถึงที่อุทยานก็เกือบค่ำ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าพักที่บ้านพักอุทยานก่อนเดินขึ้นเขากันในพรุ่งนี้
เราตื่นขึ้นมาจัดกระเป๋ากันแต่เช้าเอาขนม กับมาม่าที่เตรียมมายัดใส่กระเป๋าจนเต็ม เข้าไปหาพี่เจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อลงทะเบียน หรือในกรณีที่ใครต้องการเช่าเต้นท์หรือต้องการลูกหาบ สามารถมาติดต่อได้ตรงนี้เลย หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปยังที่น้ำตกภูสอยดาวจุดเริ่มต้นค้นหาความว่างเปล่าของเรา
เราเอาเป้ขึ้นหลังเริ่มออกเดินอย่างไม่เร่งรีบ ระยะทางในป่า ทางชันขึ้นมากบ้างน้อยบ้างประมาณ 6.5 กิโลเมตร เราจึงไม่คิดที่จะเร่งตัวเองจนเกิน
ไปโดยในวันนี้เราจะเดินผ่านเช็คพ้อยต์หลักๆ 5 จุดก่อนจะถึงได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง เนินมรณะ
เดินเลียบน้ำตกมาไปในช่วงแรก จะมีการเดินข้ามฝั่งไปสลับไปสลับมา
เมื่อเดินมาถึงแต่ละเช็คพ้อยต์จะมีแคร่ไม้ ให้เราพักให้หายเหนื่อย
บรรยากาศสวยงามสองข้างทาง อากาศเริ่มเย็นความสงบเริ่มเข้ามาเยือน
ระหว่างทางเจอกิ้งก่าแสนสวย
เดินไปเรื่อยๆผ่าน ความเหนื่อยหอบครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็เดินมาถึงจุดสุดท้ายก่อนขึ้นไปที่ลานกางเต้นท์
ทางเดินสูงชันช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ไม่มีต้นไม่ใหญ่ ถ้าแดดออกคงจะร้อนมาก แต่เราขึ้นไปด้วยความ
รู้สึกเย็นสบาย ท้องฟ้าครึ้ม ใจเราปลอดโปร่งยิ่งนัก
เราเดินไปอีกไม่นาน แบกขาที่ปวดเมื่อยของเราขึ้นมาจนถึง ลานสนภูสอยดาว
ทางระหว่างเดินไปลานกางเต้นท์ ตอนหงอนนาคเริ่มบาน ต้นสนสูงใหญ่อากาศเย็นสบาย ช่างทำให้เราสบายใจและลืมเรื่องราวต่างๆไปเลย
เราเดินมาอีกไม่ไกลก็ถึงลานกางเต้นท์ วันนี้คนขึ้นมาพักผ่อนบนนี้กันค่อนข้างเยอะ เราหามุมเหมาะ ๆ
นั่งลงพักให้หายเมื่อยขา จัดการกางเต้นท์ ไปกดน้ำกรองที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ เอามาต้มมาม่าทำเรานำมาเพื่อรองท้อง
หลังจากท้องอิ่มเราก็เดินไปจุดรอบๆ นั่งลงที่ริมผาใกล้ๆจุดกางเต้นท์ ปล่อยใจให้ล่องลอยไป บางครั้ง
คำว่าความสุขแบบที่ไม่ต้องครอบครองอะไร อาจจะเป็นเช่นนี้ก็ได้
เดินไปเรื่อยๆ เจอจุดหน้าผาสวยงาม
เราเพลิดเพลินกับความว่างเปล่าและสวยงามจนลืมเวลาไป ฟ้าเริ่มมืด
กว่าเราจะรู้ตัวก็ใกล้มืด เวลาปาไป หกโมงนิดๆแล้ว เรารู้ตัวว่าต้องรีบพาตัวเองออกจากจุดนี้เนื่องจากเราเดินออกมาตัวเปล่า มีเพียงไฟจากมือถือเครื่องเดียวเท่านั้น
เราเดินไปเรื่อยๆด้วยความเร่งรีบก็มีการหลงทาง แต่เนื่องจากทางเดินเป็นหญ้าเตี้ยๆ และเรายังมองเห็นแสงไฟ จากลานกานเต้นท์ จึงทำให้ใจเราชื้นขึ้นมาบ้าง จนในที่สุดเราก็กับมาถึงลานกางเต้นท์ได้ เราหยิบถึงน้ำที่เช่ามาจากเจ้าหน้า เดินไปตักน้ำมาอาบเสร็จแล้ว ก็มานั่งพักผ่อนกันที่หน้าเต้นท์ ก่อนนำอาหารสำเร็จรูปต่างๆที่เตรียมมาออกมากินกันอย่างอร่อย แต่ก็นั่งได้อยู่ไม่นาน ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เราตัดสินใจแยกย้ายเข้าเต้นท์ ฝนไม่มีทีท่าจะหยุด ลมพัดแรงขึ้นจนเต้นท์เราโยกไปมา เรานอนมองแสงไฟของเต้นท์อื่นจนเผลอหลับไป
เราตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความงัวเงีย บรรยากาศข้างนอกตอนนี้ดูวุ่นวาย ฝนยังคงตกอยู่ ทุกคนดูเลอะเทอะ ไปด้วยโคลนที่ดีดขึ้นมาจากทางเดิน ตามความเร็วของฝีเท้า
ทุกคนพยายามไปออหลบฝนกัน บริเวณที่ทำการของเจ้าหน้าที่ เราเอาขนมปังและกาแฟที่เตรียมมา เพื่อเอามาทานร้องท้อง เสร็จแล้วไม่รอช้าที่จะเก็บเต้นท์และอุปกรณ์ต่างๆ ใส่เสื้อกันฝน เอาเป้ขึ้นหลัง เริ่มเดินทางออกจากลานกางเต้นท์
บรรยากาศตอนนี้สวยงามไปอีกแบบ ฝนที่ตกลงมาถึงแม้จะทำให้เราเปียกแต่ก็ทำให้ต้นไม้สดชื่นขึ้น
เราเริ่มเดินลงอย่างไม่เร่งรีบ ใช้เวลานานพอสมควรจนกว่าจะถึงน้ำตกด้านล่าง จับรถกระบะที่เจ้าหน้าที่ จะวนมารับเราเรื่อยๆ กลับไปที่อุทยาน เพื่ออาบน้ำอาบท่าและเตรียมตัวกลับกรุงเทพ กลับไปเจอกับสิ่งต่างๆ อีกครั้ง ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณความสวยงาม ความรู้สึกยิ่งใหญ่และว่างเปล่าที่ทำให้รู้สึกมีชีวิต ชีวาขึ้นอีกครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติมจากการเดินทางของผม
- ก่อนเดินขึ้นบริเวณน้ำตกภูสอยดาวจะมีข้าวหมูทอดขาย ให้เราเอาขึ้นไปกินได้
- บ้านพักของอุทยานไม่มีตู้เย็น เผื่อใครเอาของสดมา ต้องเอาไปฝากเจ้าหน้าที่แช่
- อย่าลืมจองมาก่อนผ่าน QUEQ เพราะถ้ามาวอร์คอินมาก็อาจจะเสียวๆแบบผมได้ เพราะแต่ละวันรับคนจำกัด
- ข้างบนตอนนี้มีตู้กรองน้ำแบบหยอดเหรียญแล้ว หรือแบบน้ำฝนฟรีก็ยังมีอยู่
[CR] ภูสอยดาว เดินเข้าป่า หาความว่างเปล่า
โดยเราออกเดินทางกันแต่เช้าด้วยระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ - พิษณุโลก - อุตรดิตถ์ โดยระยะทางประมาณ 60 กิโลสุดท้ายจะเป็นถนนสวนเลน ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ เราเดินทางมาถึงที่อุทยานก็เกือบค่ำ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าพักที่บ้านพักอุทยานก่อนเดินขึ้นเขากันในพรุ่งนี้
เราตื่นขึ้นมาจัดกระเป๋ากันแต่เช้าเอาขนม กับมาม่าที่เตรียมมายัดใส่กระเป๋าจนเต็ม เข้าไปหาพี่เจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อลงทะเบียน หรือในกรณีที่ใครต้องการเช่าเต้นท์หรือต้องการลูกหาบ สามารถมาติดต่อได้ตรงนี้เลย หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปยังที่น้ำตกภูสอยดาวจุดเริ่มต้นค้นหาความว่างเปล่าของเรา
เราเอาเป้ขึ้นหลังเริ่มออกเดินอย่างไม่เร่งรีบ ระยะทางในป่า ทางชันขึ้นมากบ้างน้อยบ้างประมาณ 6.5 กิโลเมตร เราจึงไม่คิดที่จะเร่งตัวเองจนเกิน
ไปโดยในวันนี้เราจะเดินผ่านเช็คพ้อยต์หลักๆ 5 จุดก่อนจะถึงได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง เนินมรณะ
เดินเลียบน้ำตกมาไปในช่วงแรก จะมีการเดินข้ามฝั่งไปสลับไปสลับมา
เมื่อเดินมาถึงแต่ละเช็คพ้อยต์จะมีแคร่ไม้ ให้เราพักให้หายเหนื่อย
บรรยากาศสวยงามสองข้างทาง อากาศเริ่มเย็นความสงบเริ่มเข้ามาเยือน
ระหว่างทางเจอกิ้งก่าแสนสวย
เดินไปเรื่อยๆผ่าน ความเหนื่อยหอบครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็เดินมาถึงจุดสุดท้ายก่อนขึ้นไปที่ลานกางเต้นท์
ทางเดินสูงชันช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ไม่มีต้นไม่ใหญ่ ถ้าแดดออกคงจะร้อนมาก แต่เราขึ้นไปด้วยความ
รู้สึกเย็นสบาย ท้องฟ้าครึ้ม ใจเราปลอดโปร่งยิ่งนัก
เราเดินไปอีกไม่นาน แบกขาที่ปวดเมื่อยของเราขึ้นมาจนถึง ลานสนภูสอยดาว
ทางระหว่างเดินไปลานกางเต้นท์ ตอนหงอนนาคเริ่มบาน ต้นสนสูงใหญ่อากาศเย็นสบาย ช่างทำให้เราสบายใจและลืมเรื่องราวต่างๆไปเลย
เราเดินมาอีกไม่ไกลก็ถึงลานกางเต้นท์ วันนี้คนขึ้นมาพักผ่อนบนนี้กันค่อนข้างเยอะ เราหามุมเหมาะ ๆ
นั่งลงพักให้หายเมื่อยขา จัดการกางเต้นท์ ไปกดน้ำกรองที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ เอามาต้มมาม่าทำเรานำมาเพื่อรองท้อง
หลังจากท้องอิ่มเราก็เดินไปจุดรอบๆ นั่งลงที่ริมผาใกล้ๆจุดกางเต้นท์ ปล่อยใจให้ล่องลอยไป บางครั้ง
คำว่าความสุขแบบที่ไม่ต้องครอบครองอะไร อาจจะเป็นเช่นนี้ก็ได้
เดินไปเรื่อยๆ เจอจุดหน้าผาสวยงาม
เราเพลิดเพลินกับความว่างเปล่าและสวยงามจนลืมเวลาไป ฟ้าเริ่มมืด
กว่าเราจะรู้ตัวก็ใกล้มืด เวลาปาไป หกโมงนิดๆแล้ว เรารู้ตัวว่าต้องรีบพาตัวเองออกจากจุดนี้เนื่องจากเราเดินออกมาตัวเปล่า มีเพียงไฟจากมือถือเครื่องเดียวเท่านั้น
เราเดินไปเรื่อยๆด้วยความเร่งรีบก็มีการหลงทาง แต่เนื่องจากทางเดินเป็นหญ้าเตี้ยๆ และเรายังมองเห็นแสงไฟ จากลานกานเต้นท์ จึงทำให้ใจเราชื้นขึ้นมาบ้าง จนในที่สุดเราก็กับมาถึงลานกางเต้นท์ได้ เราหยิบถึงน้ำที่เช่ามาจากเจ้าหน้า เดินไปตักน้ำมาอาบเสร็จแล้ว ก็มานั่งพักผ่อนกันที่หน้าเต้นท์ ก่อนนำอาหารสำเร็จรูปต่างๆที่เตรียมมาออกมากินกันอย่างอร่อย แต่ก็นั่งได้อยู่ไม่นาน ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เราตัดสินใจแยกย้ายเข้าเต้นท์ ฝนไม่มีทีท่าจะหยุด ลมพัดแรงขึ้นจนเต้นท์เราโยกไปมา เรานอนมองแสงไฟของเต้นท์อื่นจนเผลอหลับไป
เราตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความงัวเงีย บรรยากาศข้างนอกตอนนี้ดูวุ่นวาย ฝนยังคงตกอยู่ ทุกคนดูเลอะเทอะ ไปด้วยโคลนที่ดีดขึ้นมาจากทางเดิน ตามความเร็วของฝีเท้า
ทุกคนพยายามไปออหลบฝนกัน บริเวณที่ทำการของเจ้าหน้าที่ เราเอาขนมปังและกาแฟที่เตรียมมา เพื่อเอามาทานร้องท้อง เสร็จแล้วไม่รอช้าที่จะเก็บเต้นท์และอุปกรณ์ต่างๆ ใส่เสื้อกันฝน เอาเป้ขึ้นหลัง เริ่มเดินทางออกจากลานกางเต้นท์
บรรยากาศตอนนี้สวยงามไปอีกแบบ ฝนที่ตกลงมาถึงแม้จะทำให้เราเปียกแต่ก็ทำให้ต้นไม้สดชื่นขึ้น
เราเริ่มเดินลงอย่างไม่เร่งรีบ ใช้เวลานานพอสมควรจนกว่าจะถึงน้ำตกด้านล่าง จับรถกระบะที่เจ้าหน้าที่ จะวนมารับเราเรื่อยๆ กลับไปที่อุทยาน เพื่ออาบน้ำอาบท่าและเตรียมตัวกลับกรุงเทพ กลับไปเจอกับสิ่งต่างๆ อีกครั้ง ขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณความสวยงาม ความรู้สึกยิ่งใหญ่และว่างเปล่าที่ทำให้รู้สึกมีชีวิต ชีวาขึ้นอีกครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติมจากการเดินทางของผม
- ก่อนเดินขึ้นบริเวณน้ำตกภูสอยดาวจะมีข้าวหมูทอดขาย ให้เราเอาขึ้นไปกินได้
- บ้านพักของอุทยานไม่มีตู้เย็น เผื่อใครเอาของสดมา ต้องเอาไปฝากเจ้าหน้าที่แช่
- อย่าลืมจองมาก่อนผ่าน QUEQ เพราะถ้ามาวอร์คอินมาก็อาจจะเสียวๆแบบผมได้ เพราะแต่ละวันรับคนจำกัด
- ข้างบนตอนนี้มีตู้กรองน้ำแบบหยอดเหรียญแล้ว หรือแบบน้ำฝนฟรีก็ยังมีอยู่
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น