บันทึกการเดินทาง (ภูสอยดาว 28-30 ก.ค. 2560)
ความคิดที่จะขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวของผมและเพื่อน ๆ เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว!!! 555+
เนื่องจากเวลาหรือสภาพร่างกายความพร้อมอะไรต่าง ๆ เลยยังไม่ได้ขึ้นสักที ยิ่งปล่อยไว้นานก็คงจะไม่ได้ขึ้นสักที
จนเมื่อช่วงประมาณปลายเดือน มิ.ย. 2560 อยู่ ๆ ก็นึกอยากไปขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง จึงคิดชวนเพื่อน ๆ อีกที
ทริปนี้จึงรวบรวมคนได้ทั้งหมด 4 คนด้วยกัน
เตรียมความพร้อม
พวกเรามีเวลาเตรียมความพร้อมด้านร่างกายประมาณ 1 เดือนเต็ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการวิ่งนิด ๆ หน่อย ๆ
ปฐมบทของการเดินทาง
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยส่วนตัว ตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืน เดินทางเรื่อย ๆ แวะซื้อของกินมั่ง แวะนอนมั่ง จนมา ถึงตลาดชาติตระการก็เวลา ประมาณ 7:30 น. จากนั้นก็แวะกินข้าวและซื้อของกันที่ตลาด และเริ่มเดินทางต่อตอนเวลาประมาณ 8:30 น. เส้นทางระหว่างตลาดชาติตระการถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวสวยงามมาก เป็นวิวหมอกจาง ๆ กับภูเขาไปตลอดทาง มองแล้วรู้สึกสบายตามาก ๆ พวกเราถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเวลา 9:30 น. เมื่อถึงที่ทำการอุทยานก็ทำการติดต่อกางเต็นท์และจัดเตรียมของเพื่อที่จะจ้างลูกหาบ เตรียมน้ำและอาหารกินระหว่างทางเดิน แล้วนั่งรถของอุทยานต่อไปยังน้ำตกภูสอยดาว
บทที่ 1 เริ่มออกเดินทางจากน้ำตกภูสอยดาวสู่ยอดลานสนสามใบ
ถึงแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว น้ำตกภูสอยดาว ได้เริ่มต้นเดินทางกันจริง ๆ สักที (คึกครื้นมาก ค่อนข้างมั่นใจในความฟิตว่าเตรียมตัวมาดีพอตัว 55555555 เดี๋ยวได้รู้กัน)
เริ่มออกเดินทางเวลาประมาณ 10:40 น.
*** สิ่งที่ทำเป็นต้องเตรียมไประหว่างเดินทางก็จะมี น้ำ อาหาร ชุดกันฝน กระเป๋าควรเป็นแบบที่กันน้ำได้ หรือว่าจะซื้อที่คลุมกันน้ำมาใส่ก็ได้ และที่สำคัญอย่าได้ลืมรองเท้าที่ดอกยางกันลื่นดี ๆ กันเลยทีเดียวเชียว เพราะว่ามันลื่นมาก
เริ่มเดินมาได้ประมาณเกือบ 500-700 เมตร ก็ถึง "สามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่" (ต้นไม้ขนาดใหญ่ 3 ชนิด คือ ไทร ตะแบกแดง และลำพูป่า ที่อยู่คู่ป่ามาเนิ่นนาน) ยังมีแรงอยู่เสียงดังกันได้อยู่สบาย ๆ เดินไปถ่ายรูปไป ถามลูกหาบว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะกว่าจะเนินส่งญาติ อีกไกลเลยเจอเนินสไลนู้นถึงจะเป็นเนินส่งญาติ
เดินต่อมาสักพักระหว่างทางก็จะมีฝนตกเป็นช่วง ๆ อยู่ตลอดยังดีหน่อยที่ไม่ได้ตกหนักเท่าไหร่ ทางเดินมันก็จะค่อนข้างลำบาก ลื่น ๆ หน่อย บวกกับเมื่อคืนฝนตกหนักพอดี
ระหว่างก็เจอคนเดินสวนลงมาพอสมควร แต่ละคนก็ให้กำลังใจกันดี ๆ ทั้งนั้น บอกอีกไกลมาก นี่เพิ่งขึ้นมาได้นิดเดียวเอง (น้ำตาจะไหลสำหรับกำลังใจ)
บทที่ 2 เนินส่งญาติ
และแล้วก็ถึงจนได้เนินแรก “เนินส่งญาติ”(มาส่งกันไกลเหมือนกันนะเนี่ย) GPS ของนาฬิกาผมที่จับได้ประมาณ 1.8 กิโลเมตร ซึ่งคิดว่าน่าต่างจากระยะทางที่ทางอุทยานวัดเล็กน้อย(ของอุทยาน 1.6 กิโลเมตร) แวะกินน้ำถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักนิสนึง
ต่อจากเนินส่งญาติสักพักก็รู้แล้วว่าที่เค้าบอกว่าเนินสไลด์มันเป็นอย่างไง สไลด์อย่างที่เค้าว่าจริง ๆ เห็นลูกหาบบอกว่าช่วงนี้เดินลำบากที่สุดในรอบ 20 ปี เลยทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ผมว่ามันก็เอาเรื่องพอสมควรเลยนะ
จากดินสไลด์ ก็ลุยน้ำต่อเลยจ้า ได้ล้างรองเท้าไปด้วยเลย (จริง ๆ แล้วมันมีทางให้เลือกระหว่างเดินอ้อมกับลุยน้ำตก แต่ว่าลูกหาบแนะนำเราว่าให้ลุยน้ำตกไปเลยดีกว่าเร็วกว่า)
หลังจากผ่านลุยน้ำไปก็จะเป็นช่วงที่ค่อนข้างชันยาว เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป (เริ่มไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปกันเท่าไหร่ อิอิ)
บทที่ 3 เนินปราบเซียน
เดินต่อมาเรื่อย ๆ อีกสักพักก็มาถึงเนินปราบเซียน (2.3 กิโลเมตร) มันปราบเซียนสมชื่อจริง ๆ (เริ่มหอบและมีเสียงบ่นเบา ๆ กูมาทำอะไรที่นี่ว่ะ 5555+) ซึ่งระยะทางจะไม่ห่างจากเนินส่งญาติมากเท่าไหร่ แต่ว่าทางก็ชันและลื่นอยู่เหมือนกัน (หน้าตาแต่ละคนเริ่มแย่ ^___^) นั่งเล่นนั่งคุยกันสักพัก ได้คุยเพื่อนร่วมทางกลุ่มนึงผู้หญิงเค้ายังแบกกันคนละ 14 – 15 กิโลกรัม!!!! โห สุดยอดมากกกก (ขนาดฟิต ๆ อย่างพวกเราคนละสิบโล นี่ก็แย่แล้ว 5555+)
อ่าห์ ขอสูดอากาศพักเหนื่อยซะหน่อย
พ้นจากเนินปราบเซียนไปได้สัก 1 กิโลเมตร ก็แวะกินข้าวเติมพลังกันก่อน ก่อนที่จะหมดแรงไม่มีแรงเดินไปต่อ
บทที่ 4 เนินป่าก่อ
มาได้ประมาณครึ่งจากแล้วเว้ยยยยยยยยย(เนินป่าก่อ 3.2 กิโลเมตร) ระยะทางจากเนินปราบเซียนถึงเนินป่าก่อ จะห่างกันไกลสุดแต่จะไม่ชันมากเท่าไหร่ เนินนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทางลาด แต่ก็ไปเพิ่มเป็นระยะทางที่ยาวเหมือนกัน ส่วนใหญ่ของเนินนี้จะเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ ร่มรื่นตลอดทาง
ส่วนใหญ่ลูกหาบเค้าก็จะมาแวะกินข้าวกันที่เนินนี้ ซึ่งมันจะสะดวกหน่อยเพราะมีแคร่ไม้ไผ่สำวางสัมภาระต่าง ๆ ได้
บทที่ 5 เนินเสือโคร่ง
เนินเสือโคร่ง

(4.7 กิโลเมตร) เมื่อมาถึงจุดนี้ สารภาพเลยว่าแย่มากขาเริ่มจะยกไม่ไหว ไหล่เริ่มหนักไปหมด ไม่อยากจะแบกกระเป๋าต่อแล้ว เห็นเค้ารีวิวเนินนี้ไม่ชันมาก อาจจะเป็นความล้าสะสมที่มันมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำไงได้เมื่อเริ่มเดินมาแล้วก็ต้องต่อให้ถึงที่สุด
จริงแล้ว ๆ ตรงนี้ถ้าวันไหนฟ้าเปิดก็จะได้เห็นความชันของเนินมรณะว่ามันสูงชันแค่ไหน แต่วันนี้ฟ้าปิดหมอกมาเต็มก็เลยไม่มีโอกาสได้เห็นความชันของเนินมรณะจากจุด ๆ นี้
ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็พร้อมลุยกันต่อ หนทางอีกไม่ไกล แต่ใจกับร่างกายมันเริ่มอ่อนแรง มันโหดจริง ๆ นะเออ
ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ (จริง ๆ พักเหนื่อยแหละ)
บทที่ 6 เนินมรณะ
เนินมรณะ (4.9 กิโลเมตร) ห่างจากเนินเสือโคร่งไม่มากนัก ใกล้จุดพิชิตภูสอยดาวเข้าไปทุกที กำลังใจมาเต็มแต่กำลังกายก็กำลังจะหมดลงไปทุกที ขอฮึดสู้เฮือกสุดท้าย เอ้า 1.... 2.... 3..... ลุยยยยยยยยยยยยยย!!!!
หลังจาดฮึดสู้เฮือกสุดท้ายได้ 5 นาที 5555+ นั่งมันตรงนี้ทางเดินแหละว่ะ เนินมรณะนี่มันโหดจริง ๆ อาจเป็นเพราะว่ามันความล้าสะสมมาหลายเนินแล้วด้วย บวกกับความชันของเนินมรณะที่มันชันมากจริง ๆ
ลุกขึ้นสู้ต่ออีกสักครั้ง บอกกับตัวเองใกล้ถึงแล้ว ๆ สู้ ๆ
พักชมวิวอีกสักหน่อย จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมากอีกที่นึง แต่ถ้าเดินลงถ่ายรูปมันก็น่าหวาดเสียวเพราะด้านข้างและด้านหน้านั้นเป็นเหวลึก เสียดายที่เรามาช่วงนี้ฟ้าไม่เปิดจึงเห็นหมอกขาว ๆ เต็มไปหมด จะว่าไปมันสวยแบบหมอก ๆ เหมือนกันนะ 5555+
หลังจากพ้นจากทางชันมาก็พอเดินได้เรื่อย ๆ พร้อมกับฟ้าก็เริ่มครึ้มอีกที แต่คราวนี้ฝนน่าจะมาชุดใหญ่อยู่นะเนี่ย
ในที่สุดฝนชุดใหญ่ก็มาต้อนรับพวกเราตอนจะถึงจุดพิชิตภูสอยดาวแล้ว ได้ใช้ชุดกันฝนที่เตรียมมาจากบ้านสักที แต่ว่าชุดกันฝนที่อุตส่าเตรียมมาอย่างดี แค่สวมธรรมดามันก็ขาดซะแล้ว เป็นเหตุทำให้น้อง ไอโฟน 5 ที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปี ต้องเปลี่ยนใหม่ซะแล้ว ยังดีทิ้งไว้สัก 2-3 วันแล้วยังกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม
บทที่ 7 ลานสน จุดพิชิตภูสอยดาว ลานกางเต็นท์
เห้ย ๆ ๆ ๆ ถึงแล้ววววววววววววววววว จุดพิชิตภูสอยดาว(5.7 กิโลเมตร) ดีใจมาก ๆ น้ำตาจะไหล มันช่างสุดยอดจริง ๆ
ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกซะหน่อย “ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว 1,633 เมตร จากน้ำทะเล” หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมานาน
ฝนตกก็สดชื่นนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ
จากจุด ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาวเดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึง “ลานกางเต็นท์” แล้ว
ถึงจุดหมาย “ลานกางเต็นท์” เวลาประมาณ 16:00 น. รวมทั้งหมดก็ใช้เวลาไปประมาณ 5 โมงหน่อย ๆ วันนี้คนถือว่าเยอะเพราะสมควร เพราะว่าเป็นวันหยุดยาวด้วย ฝนก็ตกด้วย ที่กางเต็นท์ก็เลยมีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ หลังจากหาที่กางเต็นท์เสร็จ ก็อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็นอนเลย เป็นอันจบไปหนึ่งวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ห้องน้ำที่นี่จะไม่มีก๊อกน้ำให้นะครับ จะมีกาละมังกับขันน้ำให้เช่า แล้วเวลาจะเข้าห้องน้ำแต่ละทีก็ต้องไปตักน้ำที่ลำธาร ก็ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ดี ตอนที่ผมไปอาบน้ำวันแรกฟอกสบู่เสร็จ ล้างน้ำได้แค่ 3 ขันน้ำหมด ที่ตัวยังลื่นสบู่อยู่เลย เลยต้องตัดสินใจใช้เช็ดตัวแล้วออกมาเลย พอออกมาถามเพื่อนทุกคนก็ใช้วิธีเดียวกันกับผมเนี่ย 5555+ (คิดว่ากลุ่มอื่น ๆ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก)
[CR] ไดอารี่ เรื่องเล่านักเดินทาง @ภูสอยดาว (Rains is coming)
ความคิดที่จะขึ้นสู่ยอดภูสอยดาวของผมและเพื่อน ๆ เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว!!! 555+
เนื่องจากเวลาหรือสภาพร่างกายความพร้อมอะไรต่าง ๆ เลยยังไม่ได้ขึ้นสักที ยิ่งปล่อยไว้นานก็คงจะไม่ได้ขึ้นสักที
จนเมื่อช่วงประมาณปลายเดือน มิ.ย. 2560 อยู่ ๆ ก็นึกอยากไปขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง จึงคิดชวนเพื่อน ๆ อีกที
ทริปนี้จึงรวบรวมคนได้ทั้งหมด 4 คนด้วยกัน
เตรียมความพร้อม
พวกเรามีเวลาเตรียมความพร้อมด้านร่างกายประมาณ 1 เดือนเต็ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการวิ่งนิด ๆ หน่อย ๆ
ปฐมบทของการเดินทาง
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยส่วนตัว ตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืน เดินทางเรื่อย ๆ แวะซื้อของกินมั่ง แวะนอนมั่ง จนมา ถึงตลาดชาติตระการก็เวลา ประมาณ 7:30 น. จากนั้นก็แวะกินข้าวและซื้อของกันที่ตลาด และเริ่มเดินทางต่อตอนเวลาประมาณ 8:30 น. เส้นทางระหว่างตลาดชาติตระการถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวสวยงามมาก เป็นวิวหมอกจาง ๆ กับภูเขาไปตลอดทาง มองแล้วรู้สึกสบายตามาก ๆ พวกเราถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเวลา 9:30 น. เมื่อถึงที่ทำการอุทยานก็ทำการติดต่อกางเต็นท์และจัดเตรียมของเพื่อที่จะจ้างลูกหาบ เตรียมน้ำและอาหารกินระหว่างทางเดิน แล้วนั่งรถของอุทยานต่อไปยังน้ำตกภูสอยดาว
บทที่ 1 เริ่มออกเดินทางจากน้ำตกภูสอยดาวสู่ยอดลานสนสามใบ
ถึงแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว น้ำตกภูสอยดาว ได้เริ่มต้นเดินทางกันจริง ๆ สักที (คึกครื้นมาก ค่อนข้างมั่นใจในความฟิตว่าเตรียมตัวมาดีพอตัว 55555555 เดี๋ยวได้รู้กัน)
เริ่มออกเดินทางเวลาประมาณ 10:40 น.
*** สิ่งที่ทำเป็นต้องเตรียมไประหว่างเดินทางก็จะมี น้ำ อาหาร ชุดกันฝน กระเป๋าควรเป็นแบบที่กันน้ำได้ หรือว่าจะซื้อที่คลุมกันน้ำมาใส่ก็ได้ และที่สำคัญอย่าได้ลืมรองเท้าที่ดอกยางกันลื่นดี ๆ กันเลยทีเดียวเชียว เพราะว่ามันลื่นมาก
เริ่มเดินมาได้ประมาณเกือบ 500-700 เมตร ก็ถึง "สามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่" (ต้นไม้ขนาดใหญ่ 3 ชนิด คือ ไทร ตะแบกแดง และลำพูป่า ที่อยู่คู่ป่ามาเนิ่นนาน) ยังมีแรงอยู่เสียงดังกันได้อยู่สบาย ๆ เดินไปถ่ายรูปไป ถามลูกหาบว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะกว่าจะเนินส่งญาติ อีกไกลเลยเจอเนินสไลนู้นถึงจะเป็นเนินส่งญาติ
เดินต่อมาสักพักระหว่างทางก็จะมีฝนตกเป็นช่วง ๆ อยู่ตลอดยังดีหน่อยที่ไม่ได้ตกหนักเท่าไหร่ ทางเดินมันก็จะค่อนข้างลำบาก ลื่น ๆ หน่อย บวกกับเมื่อคืนฝนตกหนักพอดี
ระหว่างก็เจอคนเดินสวนลงมาพอสมควร แต่ละคนก็ให้กำลังใจกันดี ๆ ทั้งนั้น บอกอีกไกลมาก นี่เพิ่งขึ้นมาได้นิดเดียวเอง (น้ำตาจะไหลสำหรับกำลังใจ)
บทที่ 2 เนินส่งญาติ
และแล้วก็ถึงจนได้เนินแรก “เนินส่งญาติ”(มาส่งกันไกลเหมือนกันนะเนี่ย) GPS ของนาฬิกาผมที่จับได้ประมาณ 1.8 กิโลเมตร ซึ่งคิดว่าน่าต่างจากระยะทางที่ทางอุทยานวัดเล็กน้อย(ของอุทยาน 1.6 กิโลเมตร) แวะกินน้ำถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักนิสนึง
ต่อจากเนินส่งญาติสักพักก็รู้แล้วว่าที่เค้าบอกว่าเนินสไลด์มันเป็นอย่างไง สไลด์อย่างที่เค้าว่าจริง ๆ เห็นลูกหาบบอกว่าช่วงนี้เดินลำบากที่สุดในรอบ 20 ปี เลยทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ผมว่ามันก็เอาเรื่องพอสมควรเลยนะ
จากดินสไลด์ ก็ลุยน้ำต่อเลยจ้า ได้ล้างรองเท้าไปด้วยเลย (จริง ๆ แล้วมันมีทางให้เลือกระหว่างเดินอ้อมกับลุยน้ำตก แต่ว่าลูกหาบแนะนำเราว่าให้ลุยน้ำตกไปเลยดีกว่าเร็วกว่า)
หลังจากผ่านลุยน้ำไปก็จะเป็นช่วงที่ค่อนข้างชันยาว เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป (เริ่มไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปกันเท่าไหร่ อิอิ)
บทที่ 3 เนินปราบเซียน
เดินต่อมาเรื่อย ๆ อีกสักพักก็มาถึงเนินปราบเซียน (2.3 กิโลเมตร) มันปราบเซียนสมชื่อจริง ๆ (เริ่มหอบและมีเสียงบ่นเบา ๆ กูมาทำอะไรที่นี่ว่ะ 5555+) ซึ่งระยะทางจะไม่ห่างจากเนินส่งญาติมากเท่าไหร่ แต่ว่าทางก็ชันและลื่นอยู่เหมือนกัน (หน้าตาแต่ละคนเริ่มแย่ ^___^) นั่งเล่นนั่งคุยกันสักพัก ได้คุยเพื่อนร่วมทางกลุ่มนึงผู้หญิงเค้ายังแบกกันคนละ 14 – 15 กิโลกรัม!!!! โห สุดยอดมากกกก (ขนาดฟิต ๆ อย่างพวกเราคนละสิบโล นี่ก็แย่แล้ว 5555+)
อ่าห์ ขอสูดอากาศพักเหนื่อยซะหน่อย
พ้นจากเนินปราบเซียนไปได้สัก 1 กิโลเมตร ก็แวะกินข้าวเติมพลังกันก่อน ก่อนที่จะหมดแรงไม่มีแรงเดินไปต่อ
บทที่ 4 เนินป่าก่อ
มาได้ประมาณครึ่งจากแล้วเว้ยยยยยยยยย(เนินป่าก่อ 3.2 กิโลเมตร) ระยะทางจากเนินปราบเซียนถึงเนินป่าก่อ จะห่างกันไกลสุดแต่จะไม่ชันมากเท่าไหร่ เนินนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทางลาด แต่ก็ไปเพิ่มเป็นระยะทางที่ยาวเหมือนกัน ส่วนใหญ่ของเนินนี้จะเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ ร่มรื่นตลอดทาง
ส่วนใหญ่ลูกหาบเค้าก็จะมาแวะกินข้าวกันที่เนินนี้ ซึ่งมันจะสะดวกหน่อยเพราะมีแคร่ไม้ไผ่สำวางสัมภาระต่าง ๆ ได้
บทที่ 5 เนินเสือโคร่ง
เนินเสือโคร่ง
จริงแล้ว ๆ ตรงนี้ถ้าวันไหนฟ้าเปิดก็จะได้เห็นความชันของเนินมรณะว่ามันสูงชันแค่ไหน แต่วันนี้ฟ้าปิดหมอกมาเต็มก็เลยไม่มีโอกาสได้เห็นความชันของเนินมรณะจากจุด ๆ นี้
ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็พร้อมลุยกันต่อ หนทางอีกไม่ไกล แต่ใจกับร่างกายมันเริ่มอ่อนแรง มันโหดจริง ๆ นะเออ
ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ (จริง ๆ พักเหนื่อยแหละ)
บทที่ 6 เนินมรณะ
เนินมรณะ (4.9 กิโลเมตร) ห่างจากเนินเสือโคร่งไม่มากนัก ใกล้จุดพิชิตภูสอยดาวเข้าไปทุกที กำลังใจมาเต็มแต่กำลังกายก็กำลังจะหมดลงไปทุกที ขอฮึดสู้เฮือกสุดท้าย เอ้า 1.... 2.... 3..... ลุยยยยยยยยยยยยยย!!!!
หลังจาดฮึดสู้เฮือกสุดท้ายได้ 5 นาที 5555+ นั่งมันตรงนี้ทางเดินแหละว่ะ เนินมรณะนี่มันโหดจริง ๆ อาจเป็นเพราะว่ามันความล้าสะสมมาหลายเนินแล้วด้วย บวกกับความชันของเนินมรณะที่มันชันมากจริง ๆ
ลุกขึ้นสู้ต่ออีกสักครั้ง บอกกับตัวเองใกล้ถึงแล้ว ๆ สู้ ๆ
พักชมวิวอีกสักหน่อย จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมากอีกที่นึง แต่ถ้าเดินลงถ่ายรูปมันก็น่าหวาดเสียวเพราะด้านข้างและด้านหน้านั้นเป็นเหวลึก เสียดายที่เรามาช่วงนี้ฟ้าไม่เปิดจึงเห็นหมอกขาว ๆ เต็มไปหมด จะว่าไปมันสวยแบบหมอก ๆ เหมือนกันนะ 5555+
หลังจากพ้นจากทางชันมาก็พอเดินได้เรื่อย ๆ พร้อมกับฟ้าก็เริ่มครึ้มอีกที แต่คราวนี้ฝนน่าจะมาชุดใหญ่อยู่นะเนี่ย
ในที่สุดฝนชุดใหญ่ก็มาต้อนรับพวกเราตอนจะถึงจุดพิชิตภูสอยดาวแล้ว ได้ใช้ชุดกันฝนที่เตรียมมาจากบ้านสักที แต่ว่าชุดกันฝนที่อุตส่าเตรียมมาอย่างดี แค่สวมธรรมดามันก็ขาดซะแล้ว เป็นเหตุทำให้น้อง ไอโฟน 5 ที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปี ต้องเปลี่ยนใหม่ซะแล้ว ยังดีทิ้งไว้สัก 2-3 วันแล้วยังกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม
บทที่ 7 ลานสน จุดพิชิตภูสอยดาว ลานกางเต็นท์
เห้ย ๆ ๆ ๆ ถึงแล้ววววววววววววววววว จุดพิชิตภูสอยดาว(5.7 กิโลเมตร) ดีใจมาก ๆ น้ำตาจะไหล มันช่างสุดยอดจริง ๆ
ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกซะหน่อย “ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว 1,633 เมตร จากน้ำทะเล” หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมานาน
ฝนตกก็สดชื่นนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ
จากจุด ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาวเดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึง “ลานกางเต็นท์” แล้ว
ถึงจุดหมาย “ลานกางเต็นท์” เวลาประมาณ 16:00 น. รวมทั้งหมดก็ใช้เวลาไปประมาณ 5 โมงหน่อย ๆ วันนี้คนถือว่าเยอะเพราะสมควร เพราะว่าเป็นวันหยุดยาวด้วย ฝนก็ตกด้วย ที่กางเต็นท์ก็เลยมีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ หลังจากหาที่กางเต็นท์เสร็จ ก็อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็นอนเลย เป็นอันจบไปหนึ่งวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้