พอเข้าหน้าฝนทีไรมันจะต้องมีเหตุและมีเวลาให้ออกปั่นจักรยานทัวริ่งเสียทุกที
ช่วงหน้าร้อนก็มักจะไม่ค่อยว่างๆ พอฝนเริ่มมา ฟ้าเริ่มครึ้ม เมฆตั้งเค้าทีไรได้เรื่องทุกทุกที
คราวนี้พยายามวางแผนการเดินทางให้รัดกุมที่สุด ไปไม่ไกลมาก เอาแค่ไปเยี่มชมนครวัต ที่เสียมเรียบ
แล้วก็ปั่นกลับบ้าน ระยะทางไม่ไกลมาก ไป/กลับ ก็ประมาณ 600 กม ใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน
รวมเวลาที่เที่ยมชมความสวยงามของปราสาทในเมืองพระนคร ก็น่าจะพอสมควร
นครวัต นั้น อาร์โนลด์ เจ.ทอยน์บี นักประวัติศสาสตร์ เคยกล่าวว่า
"see Ankor Wat, and die" คือ ต้องเห็นนครวัตเสียก่อนแล้วค่อยตาย (จะได้ไม่เสียชาติเกิด)
แต่สำหรับผมแล้วรอดตายมา 3 ครั้ง คราวนี้เป็นการไปชมครั้งที่ 4 ก็หวังว่ากลับมาแล้ว
ยังคงมีชีวิตอยู่นะ ครับ
ผมเดินทางไปนครวัตครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2535 หลังจากสงครามในเขมรสงบลงพอสมควร
เนื่องจากสหประชาชาติได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาเพื่อจัดการเลือกตั้ง
ในคราวนั้น เดินทางไปกับคณะของนักวิชาการไทยหลายท่าน ที่พักยังไม่มี
ต้องอาศัยนอนที่ศาลวัดตำหนักในเมืองเสียมเรียบ
ในปีนั้น ถนนยังเป็นถนนดิน สภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ระยะทางจากปอยเปตถึงเสียมเรียบ
ประมาณ 140 กม แต่ต้องใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ แปดโมงครึ่ง ไปถึงวัดตำหนักก็เวลาเกือบๆ 4 ทุ่ม
รถทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวยังไม่มี มีรถโดยสารที่ดัดแปลงมาจากรถบรรทุกยี่ห้อ Desoto
ไม่มีหม้อน้ำ แต่มีถังน้ำอยู่บนหลังคารถ มีเด็กคนหนึ่งคอยกรอกน้ำไปตามท่อเพื่อระบายความร้อน
พอน้ำหมดก็จอดรถแล้วตักน้ำจากลำห้วยข้างทางมาเติมใส่ถัง
แต่ปัจจุบัน ถนนหนทางจากชายแดนไทยไปถึงเสียมเรียบดีขึ้นมาก และเป็นถนนสายหลักที่
ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้เป็นเส้นทางเพื่อเยี่ยมชมปราสาทหินที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้
การเดินทางของผมคราวนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะ การเดินทางแต่ละช่วง เพื่อนร่วมทางเปลี่ยนไป
มีเพิ่มจำนวนและมีลดจำนวน จนเหลือเดินทางคนเดียว แล้วก็กลับมามีเพื่อนร่วมทางอีกจนกระทั่งจบทริป
บันทึกการเดินทางคราวนี้อาจจะค่อนข้างยาว
แต่ละช่วงของการเดินทางมีความสนุกและน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป
ลองติดตามอ่านดูครับ
สองแรงน่องกับร่องตูด : ปั่นจักรยานทางไกล นนทบุรีไปเสียมเรียบ เลียบน้ำโขง ย้อนมาโคราช
ช่วงหน้าร้อนก็มักจะไม่ค่อยว่างๆ พอฝนเริ่มมา ฟ้าเริ่มครึ้ม เมฆตั้งเค้าทีไรได้เรื่องทุกทุกที
คราวนี้พยายามวางแผนการเดินทางให้รัดกุมที่สุด ไปไม่ไกลมาก เอาแค่ไปเยี่มชมนครวัต ที่เสียมเรียบ
แล้วก็ปั่นกลับบ้าน ระยะทางไม่ไกลมาก ไป/กลับ ก็ประมาณ 600 กม ใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน
รวมเวลาที่เที่ยมชมความสวยงามของปราสาทในเมืองพระนคร ก็น่าจะพอสมควร
นครวัต นั้น อาร์โนลด์ เจ.ทอยน์บี นักประวัติศสาสตร์ เคยกล่าวว่า
"see Ankor Wat, and die" คือ ต้องเห็นนครวัตเสียก่อนแล้วค่อยตาย (จะได้ไม่เสียชาติเกิด)
แต่สำหรับผมแล้วรอดตายมา 3 ครั้ง คราวนี้เป็นการไปชมครั้งที่ 4 ก็หวังว่ากลับมาแล้ว
ยังคงมีชีวิตอยู่นะ ครับ
ผมเดินทางไปนครวัตครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2535 หลังจากสงครามในเขมรสงบลงพอสมควร
เนื่องจากสหประชาชาติได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาเพื่อจัดการเลือกตั้ง
ในคราวนั้น เดินทางไปกับคณะของนักวิชาการไทยหลายท่าน ที่พักยังไม่มี
ต้องอาศัยนอนที่ศาลวัดตำหนักในเมืองเสียมเรียบ
ในปีนั้น ถนนยังเป็นถนนดิน สภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ระยะทางจากปอยเปตถึงเสียมเรียบ
ประมาณ 140 กม แต่ต้องใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ แปดโมงครึ่ง ไปถึงวัดตำหนักก็เวลาเกือบๆ 4 ทุ่ม
รถทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวยังไม่มี มีรถโดยสารที่ดัดแปลงมาจากรถบรรทุกยี่ห้อ Desoto
ไม่มีหม้อน้ำ แต่มีถังน้ำอยู่บนหลังคารถ มีเด็กคนหนึ่งคอยกรอกน้ำไปตามท่อเพื่อระบายความร้อน
พอน้ำหมดก็จอดรถแล้วตักน้ำจากลำห้วยข้างทางมาเติมใส่ถัง
แต่ปัจจุบัน ถนนหนทางจากชายแดนไทยไปถึงเสียมเรียบดีขึ้นมาก และเป็นถนนสายหลักที่
ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้เป็นเส้นทางเพื่อเยี่ยมชมปราสาทหินที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้
การเดินทางของผมคราวนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะ การเดินทางแต่ละช่วง เพื่อนร่วมทางเปลี่ยนไป
มีเพิ่มจำนวนและมีลดจำนวน จนเหลือเดินทางคนเดียว แล้วก็กลับมามีเพื่อนร่วมทางอีกจนกระทั่งจบทริป
บันทึกการเดินทางคราวนี้อาจจะค่อนข้างยาว
แต่ละช่วงของการเดินทางมีความสนุกและน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป
ลองติดตามอ่านดูครับ