ฮือฮาบัณฑิตสาวมธ. ยึดอาชีพ‘ชาวนา’ เผื่อเป็นแรงบัลดาลใจให้มนุษย์เงินเดือนทุกคนครับ

กระทู้สนทนา
http://www.thairath.co.th/content/440747



ยึดหลักพอเพียง ผุดศูนย์เรียนรู้

สุดฮือฮาบัณฑิตสาวคนสวยวัย 24 ปี เรียนจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินตามฝันกลับบ้านเมืองเลยเป็นสาวชาวนา ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง นำเรื่องราวเกร็ดชีวิตลงในทวิตเตอร์ มีผู้เข้าไปชมจำนวนมาก ทีมข่าวบุกถึงบ้านพิสูจน์ข้อเท็จจริง พบเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี กำลังดำนาบนเนื้อที่ 8 ไร่ ส่วนบริเวณบ้านเนื้อที่อีกราว 7 ไร่ ปลูกสร้างรีสอร์ตหลายหลัง กับอาคารศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียง เผยหลังเรียนจบกลับบ้านทันทีเพื่อมาตามล่าความฝัน “อยากเป็นเกษตรกรชาวนา” ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เดินตามแนวพระราชดำริในหลวง จนประสบความสำเร็จเกินคาด

ตามที่ได้มีทวิตเตอร์ชื่อ @INUUDD โพสต์ข้อความว่า “ชาวนาสวยน่ารักที่สุดในประเทศไทย จบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลับมาทำนาที่ภูเรือเรือนไม้รีสอร์ต” จนเป็นที่ฮือฮามีจำนวนผู้คนเข้าชมในทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจข้อมูลในอำเภอภูเรือ จ.เลย จนทราบว่าบุคคลดังกล่าวมีตัวตนจริงและสวยน่ารักด้วยวัยเพียง 24 ปี ตามที่ร่ำลือชื่อ น.ส.จิตชนก หรือน้องหนูดี ต๊ะวิชัย อายุ 24 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ.2555 เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางอุบล ต๊ะวิชัย อายุ 59 ปี อดีตข้าราชการครู และเป็นเจ้าของร้านอาหารและรีสอร์ตชื่อดังชื่อ “ภูเรือเรือนไม้รีสอร์ต”

หลังทราบเบาะแส ต่อมาเช้าวันที่ 2 ส.ค.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูตัวจริง เมื่อไปถึงพบนางอุบล ต๊ะวิชัย มารดา น.ส.จิตชนก หรือน้องหนูดี อดีตข้าราชการครู ออกมาต้อนรับพร้อมพาไปพบ น.ส. จิตชนกลูกสาวกำลังดำนาอยู่ที่แปลงนาด้านหลังรีสอร์ต จากการสังเกตบริเวณบ้านพบว่า มีเนื้อที่ขนาดใหญ่ราว 15 ไร่ โดยด้านหน้าเปิดเป็นร้านอาหารและรีสอร์ตหลายสิบห้อง ส่วนด้านหลังรีสอร์ตพบมีการปลูกแปลงข้าวกว่า 8 ไร่ และพื้นที่ทำการเกษตรประเภท ผักสวนครัว โรงสีข้าว ยุ้งข้าว และอาคารไม้เก่าเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียง

พอเดินไปถึงแปลงนา เมื่อ น.ส.จิตชนก พบเห็นผู้สื่อข่าวได้ละมือจากการดำนา มาต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยรูปร่างหน้าตาสะสวย พร้อมเล่าความเป็นมาว่า ตนเป็นลูกคนเดียวของคุณแม่อุบล ต๊ะวิชัย อดีตข้าราชการครู ร.ร.ภูเรือวิทยา ส่วนคุณพ่อเสียไปแล้ว จบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ.2555 เมื่อจบการศึกษาแล้วได้กลับมาบ้าน มาตามล่าความฝันของตนเองที่ต้องการเป็นเกษตรกรชาวนา ตามพระราชดำริของในหลวง เกษตรพอเพียง โดยที่มีคุณแม่คอยเป็นกำลังใจและเป็นที่ปรึกษา คอยชี้แนะว่าควรจะเริ่มต้นตรงไหน เรียนผิดเรียนถูกด้วยตนเอง จนปัจจุบันถือว่าประสบความสำเร็จเหลือเพียงศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงเท่านั้น

สาวบัณฑิตชาวนากล่าวด้วยว่า ตลอดเวลาที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ จิตใจคิดถึงที่นี่ ที่เป็นบ้านเกิด และความสุขแท้จริงของเราคือที่นี่ ความรู้ความสามารถที่เรียนมาสามารถนำมาสอนน้องๆนักเรียนที่นี่ได้ จึงเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ ถึงทฤษฎีเกษตรพอเพียง ทำอย่างไร เรียนผิด เรียนถูก สั่งสมประสบการณ์ก็เริ่มรู้ จึงได้เอาพื้นที่แปลงนาว่างเปล่า 8 ไร่ มาทำการปลูกข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวไรซ์เบอรี่ จนประสบความสำเร็จ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี แต่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทน จนข้าวที่ปลูกไว้กินเองได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก ก็แบ่งให้ชาวบ้านไปกินและส่วนหนึ่งบรรจุถุงขาย โดยไม่ได้หวังกำไร เพียงแต่อยากให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักวิถีชีวิตพื้นบ้าน ที่เรามีดี แต่ไม่เอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และยังมีพื้นที่ว่างส่วนหนึ่งปลูกผักสวนครัวไว้กินกันเอง ทุกอย่างเป็นการเริ่มต้นและน้อมนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับหลักเกษตรพอเพียง จนจำมาตลอด

น.ส.จิตชนกกล่าวอีกว่า ส่วนศูนย์การเรียนรู้เป็นอาคารไม้เก่า นำมาปรับปรุงให้ดูดี ไว้เป็นที่เรียนรู้วิถีชีวิตคนไทยเมืองเลย การเป็นอยู่ ภาษาที่พูด ว่าอดีตที่ผ่านมาปู่ย่า ตายายของเรา ดำรงชีวิตมาอย่างไร ซึ่งสำเร็จไปแล้วกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในศูนย์เรียนรู้นั้นมีสิ่งของเก่าที่เด็กรุ่นใหม่แทบจะไม่เคยเห็นแล้ว เช่น เครื่องโม่ข้าว ที่ทำมาจากไม้ไผ่และดินเหนียว ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก และอุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์การจับปลาต่างๆ ทุกวันนี้จะมีหน่วยงาน และน้องๆนักเรียนในเขตอำเภอภูเรือ มาดูมาเยี่ยมศูนย์การเรียนรู้ แต่ก็ไม่มากนัก เพราะศูนย์การเรียนรู้ของเราไม่ได้ประชาสัมพันธ์เท่าไหร่ อาศัยคนที่เคยมาดูบอกต่อๆกันไป

สาวบัณฑิตชาวนากล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นหนึ่งที่มีคนถามมามากว่า ทำไมจบจากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ไม่หางานดีๆทำที่กรุงเทพฯ มาหมกมุ่นทำนาอยู่ที่นี่ทำไม ได้ก็ไม่คุ้ม ความเจริญก็ไม่มีเท่ากรุงเทพฯ ก็บอกแล้วว่าเราเป็นตัวของเรา จิตใจอยู่ที่นี่ใจเราอยู่ที่นี่ และนี่คือบ้านของเรา ใช้ชีวิตวิถีพอเพียงตามที่ในหลวงเคยสอน แค่นี้เราก็มีความสุขมากแล้ว ส่วนอายุปีนี้เพิ่ง 24 ปี น่าจะใช้ชีวิตคนในเมือง เทคโนโลยี ในสังคมคนเมือง เหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ มันก็ไม่ใช่ตัวตนของเราเอง เราก็เอาความรู้ที่เรียนมาถ่ายทอด สอนเด็กรุ่นน้อง ให้รักความเป็นคนไทยเมืองเลย ภาษาของเรา และวิถีชีวิตที่พอเพียงของคนไทยเมืองเลย ที่นี่บ้านเรามีอะไรอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ ไม่เคยเรียน แต่เราได้เห็น และเราไม่เคยนำมันมาใช้เป็นประโยชน์กัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่