สไตน์ แอมไรน์เป็นเมืองเล็กๆทีมีเสน่ห์มาก พอข้ามแม่น้ำไรน์จากเขตเหมืองใหม่
เข้าไปในเขตหมูบ้านโบราณแห่งนี้ เหมือนหลุดเข้าไปหมู่บ้านขนมปังในนิทานเลยทีเดียว
ข้ามสะพานนี้ไปก็จะถึงตัวเมืองแล้วคะ
ในปี คศ. 1007 จักรพรรดิเฮนรี่ที่สองย้ายเมืองเซนต์จอร์จแออบี้ มาที่ สไตน์ แอมไรน์เพื่อที่จะเสริมสร้างสถานะทางการทหารของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากเมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากมีถนนและแม่น้ำสายหลักเส้นทางบรรจบกัน ตั้งแต่นั้นสไตน์ แอมไรน์ก็กลายเป็นเมืองที่เฟื่องฟูและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว
สไตน์ แอมไรน์เป็นเมืองแรกที่ได้รับรางวัล Wakker ในด้านการดูแลรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมในปี 1972 โดยผู้มอบรางวัลนี้ได้กล่าวยกย่องว่า สไตน์ แอมไรน์เป็นเมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนใคร หรือไม่มีใครเหมือนเลยในสวิตเซอร์แลนด์เอง หรือแม้กระทั่งในยุโรปทั้งหมดก็ตาม ก็หายากมากที่จะมีใครเหมือน ทั้งยังกล่าวด้วยว่า เมืองแห่งนี้ได้ถูกดูแลรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
ต้นไม้เค้ายังดูโบราณเหมือนในนิทานเลยคะ
เห็นด้วยมากๆกับคำกล่าวข้างท้ายนี้ เพราะเราก็สงสัยมากว่า เมืองนี้อายุกว่าร้อยๆปีแล้ว ทำไมพอเราเดินเข้าไป มันช่างดูสมบูรณ์แบบมาก แทบไม่เห็นซากปรักหักพังเลย มันก็คงมีบ้างที่ผุกร่อนตามกาลเวลา แต่เค้าดูแลซ่อมแซมได้เนียนมาก ยิ่งตอนที่เราไป ซึ่งเป็นตอนเช้าตรู่ที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนักมีแค่เรากับเพื่อน และคณะทัวร์อีก 1 กลุ่มที่มากับไกด์ พอสวนกลับกลุ่มนั้นก็ไม่มีใครแล้ว เรากับเพื่อนต่างคนต่างเดิน ในขณะที่เดินไปมาตามซอกหลืบต่างๆคนเดียว ด้วยความที่ตึกราม ของเมืองนี้ แลดูโบราณมาก จู่ๆ ก็มีภาพผู้หญิงชาวยุโรปสมัยก่อน สวมเสื้อผ้าสีตุ่นๆ เดินไปมาสวนกับเราในเมืองแห่งนี้เลยทีเดียว ออกแนวหลอนนิดๆนะ แต่ภาพมันออกมาเองเลย ห้ามไม่ได้จริงๆ
เริ่มต้นเมืองนี้ด้วยอารมณ์บ้านขนมปังในนิทาน แต่ออกจากเมืองนี้ด้วยอารมณ์เมืองโบราณผีสิง ..บรื้ออ
Facebook page:
https://www.facebook.com/theworldasiseeitbyjung
Stein am Rhein เมืองบ้านขนมปังในนิทาน
เข้าไปในเขตหมูบ้านโบราณแห่งนี้ เหมือนหลุดเข้าไปหมู่บ้านขนมปังในนิทานเลยทีเดียว
ข้ามสะพานนี้ไปก็จะถึงตัวเมืองแล้วคะ
ในปี คศ. 1007 จักรพรรดิเฮนรี่ที่สองย้ายเมืองเซนต์จอร์จแออบี้ มาที่ สไตน์ แอมไรน์เพื่อที่จะเสริมสร้างสถานะทางการทหารของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากเมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากมีถนนและแม่น้ำสายหลักเส้นทางบรรจบกัน ตั้งแต่นั้นสไตน์ แอมไรน์ก็กลายเป็นเมืองที่เฟื่องฟูและเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว
สไตน์ แอมไรน์เป็นเมืองแรกที่ได้รับรางวัล Wakker ในด้านการดูแลรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมในปี 1972 โดยผู้มอบรางวัลนี้ได้กล่าวยกย่องว่า สไตน์ แอมไรน์เป็นเมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนใคร หรือไม่มีใครเหมือนเลยในสวิตเซอร์แลนด์เอง หรือแม้กระทั่งในยุโรปทั้งหมดก็ตาม ก็หายากมากที่จะมีใครเหมือน ทั้งยังกล่าวด้วยว่า เมืองแห่งนี้ได้ถูกดูแลรักษาไว้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
ต้นไม้เค้ายังดูโบราณเหมือนในนิทานเลยคะ
เห็นด้วยมากๆกับคำกล่าวข้างท้ายนี้ เพราะเราก็สงสัยมากว่า เมืองนี้อายุกว่าร้อยๆปีแล้ว ทำไมพอเราเดินเข้าไป มันช่างดูสมบูรณ์แบบมาก แทบไม่เห็นซากปรักหักพังเลย มันก็คงมีบ้างที่ผุกร่อนตามกาลเวลา แต่เค้าดูแลซ่อมแซมได้เนียนมาก ยิ่งตอนที่เราไป ซึ่งเป็นตอนเช้าตรู่ที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนักมีแค่เรากับเพื่อน และคณะทัวร์อีก 1 กลุ่มที่มากับไกด์ พอสวนกลับกลุ่มนั้นก็ไม่มีใครแล้ว เรากับเพื่อนต่างคนต่างเดิน ในขณะที่เดินไปมาตามซอกหลืบต่างๆคนเดียว ด้วยความที่ตึกราม ของเมืองนี้ แลดูโบราณมาก จู่ๆ ก็มีภาพผู้หญิงชาวยุโรปสมัยก่อน สวมเสื้อผ้าสีตุ่นๆ เดินไปมาสวนกับเราในเมืองแห่งนี้เลยทีเดียว ออกแนวหลอนนิดๆนะ แต่ภาพมันออกมาเองเลย ห้ามไม่ได้จริงๆ
เริ่มต้นเมืองนี้ด้วยอารมณ์บ้านขนมปังในนิทาน แต่ออกจากเมืองนี้ด้วยอารมณ์เมืองโบราณผีสิง ..บรื้ออ
Facebook page:
https://www.facebook.com/theworldasiseeitbyjung