Psychological Thriller เป็นหนังระทึกขวัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางความคิด จิตใจ ลักษณะพฤติกรรม อารมณ์ของตัวละครโดยตรง
โดย 10 เรื่องนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมจาก 20 เรื่องด้านล่าง สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วก็ไม่ควรพลาด
Pi (1998), Lost Highway (1997), Insomnia (1997), A Perfect Murder (1998), Dead Again (1991), Basic Instinct (1992), Twin Peaks: Fire Walk with Me (1992), The Hand That Rocks the Cradle (1992), Instinct (1999) เเละeXistenZ (1999)
• The Silence of the Lambs (1991)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Clarice Starling เอฟบีไอสาวดาวรุ่ง ที่ถูก Jack Crawford ผู้เป็นหัวหน้าส่งไปพบกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่เป็นจิตแพทย์ Dr. Hannibal Lecter เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ ตรรกะ ลักษณะการฆ่าที่จะช่วยเป็นเบาะแสในการหาตัวคนร้ายในคดี Buffalo Bill สำหรับเรื่องนี้เป็นต้นแบบของหนังทริลเลอร์ที่เน้นบทสนทนา ชิงไหวชิงพริบ โดยไม่ต้องพึ่งฉากสยอง ฉากแอ๊คชั่นอะไรมากมาย แต่ทำออกมาลงตัวสุดๆ หาที่เปรียบได้ยากมากๆ อีกทั้งยังการันด้วย 5 รางวัลใหญ่ออสการ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Best Picture
• Following (1998)
หนังเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มตกงาน ที่หาเรื่องทำฆ่าเวลาโดยการสะกดรอยตามผู้อื่น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้ว Cobb ก็เป็นชายอีกหนึ่งคนที่ถูกติดตาม และก็บังเอิญไปรู้ทันเขา ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสร่วมงานกัน โดยในท้ายที่สุดเรื่องราวก็กลับตาลปัตร พลิกผันอย่างไม่มีใครคาดคิด สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังเปิดตัวของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นหนังต้นทุนต่ำ ถ่ายทำแบบภาพขาวดำ ซึ่งส่วนของบทหนังค่อนข้างทำได้ดีมากๆ บทพูดฉลาดบ่งบอกถึงตัวตนของตัวละครได้ดี และที่สำคัญเทคนิคการตัดต่อหนังแปลกใหม่ล้ำหน้าแบบสุดๆ ซึ่งนั่นก็เป็นต้นแบบของหนังขึ้นหิ้งอย่าง Memento
• Arlington Road (1999)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Michael Faraday อาจารย์มหาลัย ที่สงสัยพฤติกรรมของเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Oliver Lang ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปยังเหตุก่อการร้าย โดยเขาได้สืบค้นประวัติ และก็พบเรื่องไม่ชอบมาพากลมากมาย เป็นหนังที่มีการเดินเรื่องน่าติดตาม ตัวหนังจะค่อยๆทวีความเข้มข้น ลุ้นระทึกมากขึ้น พร้อมไปกับปมปริศนาก็จะค่อยๆถูกคลี่คลาย ด้านนักแสดงอย่าง Tim Robbins ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นได้ดีกับบทนิ่งๆ สภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ที่สำคัญฉาก Climax ของหนัง ซึ่งทำออกมาได้เหนือความคาดหมาย และช็อคคนดูแบบสุดๆ
• Cape Fear (1991)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Max Cady ชายที่เพิ่งพ้นโทษ หลังจากติดคุกมานานถึง 14 ในคดีข่มขืน โดยเขาออกติดตาม รังควานชีวิตของ Sam Bowden ทนายของเขาในคดีนั้น ที่คิดว่าเป็นเหตุสำคัญในการติดคุกของเขา เป็นหนังที่เน้นหนักไปทางด้านอารมณ์ การสร้างความผวา ความหวาดกลัว โดยเนื้อหาจะยิ่งเข้มข้น และหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆพร้อมไปกับการกระทำของตัวละครที่ยิ่งทวีความรุนแรง อีกทั้งยังได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Robert De Niro ที่เล่นได้จิตสุดๆ ทั้งสีหน้าและแววตา พร้อมกับฉาก Climax ที่ทำได้ระทึก และทรงพลังมากๆ
• Se7en (1995)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Somerset และ Mills สองตำรวจที่กำลังสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่อง จากคดีการตายของเหยื่อ 7 ราย ที่มีลักษณะฆ่าแตกต่างกัน แต่มีบางจุดที่เกี่ยวข้องกันและสามารถเชื่องโยงไปยังคำสอนจากพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ที่ว่าด้วยเรื่องบาป 7 ประการ ที่อาจเป็นเหตุจูงใจของคนร้าย และช่วยนำไปสู่การจับตัว โดยหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่า เป็นหนังทริลเลอร์สืบสวนที่สร้างชื่อให้กับ David Fincher ทั้งการเดินเรื่องที่น่าติดตาม จังหวะการใส่ปมที่ลงตัวได้จังหวะ บรรยากาศหม่นๆตามแบบฉบับหนังทริลเลอร์ และส่วนของนักแสดงก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งฉาก Climax ซึ่งเป็นหนึ่งใน Surprise Ending ที่น่าจดจำมากที่สุด
• Primal Fear (1996)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Aaron เด็กหนุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ในคดีฆาตกรรมบาทหลวงผู้เป็นที่เลี่ยมใสของคนในเมือง เมื่อ Martin Vail ทนายชื่อดังทราบถึงคดีนี้ ก็ออกตัวรับเป็นทนายให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น เพื่อหวังว่าจะโยงไปสู่เรื่องราวอันไม่ชอบมาพากลของบุคคลชั้นสูง แต่เมื่อเรื่องราวนั้นใกล้จะสิ้นสุดลง ความจริงอันน่าตกตะลึงก็ถูกเปิดเผย สำหรับเรื่องนี้พล็อตเรื่องโดยรวมอาจไม่ค่อยมีอะไรมากมาย แต่เดินเรื่องได้น่าติดตาม มีเรื่องราวซับซ้อนกว่าที่คิด เหตุการณ์พลิกผันอยู่ตลอด จนกระทั่ง Cilamax ของหนังเรียกได้ว่าหักมุมแบบสุดๆ อีกทั้งยังเป็นผลงานในฐานะนักแสดงเรื่องแรกของ Edward Norton ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้เข้าชิงออสการ์ในสาขาสมทบชาย
• Perfect Blue (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Mima Kirigoe นักร้องสาวไอดอลชื่อดัง ที่ประกาศเลิกเป็นนักร้องบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเธอ และจะหันไปเอาดีด้านการแสดงแบบเต็มตัว แต่แล้วการตัดสินใจครั้งนี้กลับไม่เป็นที่พึงพอใจอย่างมากสำหรับแฟนคลับบางกลุ่ม ที่พยายามจะติดตามเธอไปทุกที่ พร้อมกับขู่ว่าจะเอาชีวิตเธอ นับได้ว่าเป็นหนังทริลเลอร์ของญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้มีมากๆ ตั้งแต่การตัดต่อ เทคนิคการเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ และสามารถเล่นกับประเด็นทางจิตวิทยาออกมาได้อย่างหนักหน่วง อีกทั้งหนังยังได้หยิบประเด็นของคนที่คลั่งไคล้เหล่าไอดอล ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางญี่ปุ่นเองก็กำลังประสบอยู่ ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
• Misery (1990)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Paul Sheldon นักเขียนนิยายชื่อดัง ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างการขับรถ เพื่อที่จะนำต้นฉบับของนิยายเล่มใหม่ ที่เขาทุ่มเวลาเขียนเป็นเดือนๆไปส่งให้กับตัวแทนของเขา ซึ่งอุบัติเหตุนั้นเขาได้รับความช่วยเหลือ Annie Wilkes แฟนนิยายตัวยงของเขา แต่นั่นก็เป็นเพียงความโชคดีอันน้อยนิด ในความโชคร้ายครั้งใหญ่ที่เขาต้องเผชิญ สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังทริลเลอร์ที่มี Impact ต่ออารมณ์ของคนดูเป็นอย่างมาก เพราะตลอดทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลุ้นระทึก และหวาดเสียว โดยปัจจัยที่ส่งผลต่ออารมณ์เหล่านั้นมากที่สุดก็คือ การแสดงของ Kathy Bates ที่เล่นได้โรคจิตสุดๆ ตีบทแตกเป็นเสี่ยงๆ จนทำให้เธอได้ออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงมาครอง
• The Game (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Nicholas นักธุรกิจใหญ่ ผู้ประสบความสำเร็จในด้านการงาน มีฐานะร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่โต แต่เหมือนว่าชีวิตเขาจะดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร และในวันเกิดครบรอบ 48 ปี น้องชายของเขา Conrad ก็มอบของขวัญชิ้นสำคัญให้ ซึ่งแฝงไว้ด้วยอันตรายแบบที่เขาไม่เคยคาดคิด เป็นหนังที่มีพล๊อตเรื่องน่าสนใจ และมีความซับซ้อนอยู่ในตัว ซึ่งยากต่อการคาดเดาล่วงหน้า มีหลายประเด็นให้ชวนไขว้เขว อีกทั้งยังเดินเรื่องได้น่าติดตามลุ้นระทึก ตื่นเต้นไปตลอดทั้งเรื่อง และที่สำคัญยังมีฉาก Climax ซึ่งเรียกได้ว่าหักมุมแบบสุดๆ เพราะหนังเองเดินเรื่องให้เราเชื่ออีกแบบหนึ่ง แต่จบออกมาชนิดที่ว่าเกินความคาดหมายอย่างน่าเหลือเชื่อ
• Funny Games (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับชีวิตของครอบครัว Ann ผู้เป็นภรรยา พร้อมกับสามีและลูกของเธอ ที่ออกเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักต่างอากาศในเขตนอกเมืองและเมื่อไปถึงที่หมาย ครอบครัวของเธอก็ได้พบกับ Paul และPeter สองชายหนุ่มปริศนาที่เข้ามาขอไข่ไก่สี่ฟอง ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแห่งหายนะครั้งใหญ่ของครอบครัวเธอ เป็นหนังที่แฝงไว้ด้วยความตลกร้าย และสามารถเล่นกับอารมณ์หดหู่ กดดัน และสิ้นหวังของคนดูได้ดีมากๆ เสมือนกับว่าเรากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับตัวละคร ซึ่งในจุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับบทพูดที่ทำออกมาได้ค่อนข้างฉลาด บวกกับการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาของเหล่าผู้มาเยือนที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/Criticalme
[CR] หนังทริลเลอร์เชิงจิตวิทยายอดเยี่ยมแห่งยุค 90’s
Psychological Thriller เป็นหนังระทึกขวัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางความคิด จิตใจ ลักษณะพฤติกรรม อารมณ์ของตัวละครโดยตรง
โดย 10 เรื่องนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมจาก 20 เรื่องด้านล่าง สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วก็ไม่ควรพลาด
Pi (1998), Lost Highway (1997), Insomnia (1997), A Perfect Murder (1998), Dead Again (1991), Basic Instinct (1992), Twin Peaks: Fire Walk with Me (1992), The Hand That Rocks the Cradle (1992), Instinct (1999) เเละeXistenZ (1999)
• The Silence of the Lambs (1991)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Clarice Starling เอฟบีไอสาวดาวรุ่ง ที่ถูก Jack Crawford ผู้เป็นหัวหน้าส่งไปพบกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่เป็นจิตแพทย์ Dr. Hannibal Lecter เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ ตรรกะ ลักษณะการฆ่าที่จะช่วยเป็นเบาะแสในการหาตัวคนร้ายในคดี Buffalo Bill สำหรับเรื่องนี้เป็นต้นแบบของหนังทริลเลอร์ที่เน้นบทสนทนา ชิงไหวชิงพริบ โดยไม่ต้องพึ่งฉากสยอง ฉากแอ๊คชั่นอะไรมากมาย แต่ทำออกมาลงตัวสุดๆ หาที่เปรียบได้ยากมากๆ อีกทั้งยังการันด้วย 5 รางวัลใหญ่ออสการ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Best Picture
• Following (1998)
หนังเล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มตกงาน ที่หาเรื่องทำฆ่าเวลาโดยการสะกดรอยตามผู้อื่น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้ว Cobb ก็เป็นชายอีกหนึ่งคนที่ถูกติดตาม และก็บังเอิญไปรู้ทันเขา ทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสร่วมงานกัน โดยในท้ายที่สุดเรื่องราวก็กลับตาลปัตร พลิกผันอย่างไม่มีใครคาดคิด สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังเปิดตัวของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นหนังต้นทุนต่ำ ถ่ายทำแบบภาพขาวดำ ซึ่งส่วนของบทหนังค่อนข้างทำได้ดีมากๆ บทพูดฉลาดบ่งบอกถึงตัวตนของตัวละครได้ดี และที่สำคัญเทคนิคการตัดต่อหนังแปลกใหม่ล้ำหน้าแบบสุดๆ ซึ่งนั่นก็เป็นต้นแบบของหนังขึ้นหิ้งอย่าง Memento
• Arlington Road (1999)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Michael Faraday อาจารย์มหาลัย ที่สงสัยพฤติกรรมของเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Oliver Lang ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปยังเหตุก่อการร้าย โดยเขาได้สืบค้นประวัติ และก็พบเรื่องไม่ชอบมาพากลมากมาย เป็นหนังที่มีการเดินเรื่องน่าติดตาม ตัวหนังจะค่อยๆทวีความเข้มข้น ลุ้นระทึกมากขึ้น พร้อมไปกับปมปริศนาก็จะค่อยๆถูกคลี่คลาย ด้านนักแสดงอย่าง Tim Robbins ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นได้ดีกับบทนิ่งๆ สภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ที่สำคัญฉาก Climax ของหนัง ซึ่งทำออกมาได้เหนือความคาดหมาย และช็อคคนดูแบบสุดๆ
• Cape Fear (1991)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Max Cady ชายที่เพิ่งพ้นโทษ หลังจากติดคุกมานานถึง 14 ในคดีข่มขืน โดยเขาออกติดตาม รังควานชีวิตของ Sam Bowden ทนายของเขาในคดีนั้น ที่คิดว่าเป็นเหตุสำคัญในการติดคุกของเขา เป็นหนังที่เน้นหนักไปทางด้านอารมณ์ การสร้างความผวา ความหวาดกลัว โดยเนื้อหาจะยิ่งเข้มข้น และหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆพร้อมไปกับการกระทำของตัวละครที่ยิ่งทวีความรุนแรง อีกทั้งยังได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Robert De Niro ที่เล่นได้จิตสุดๆ ทั้งสีหน้าและแววตา พร้อมกับฉาก Climax ที่ทำได้ระทึก และทรงพลังมากๆ
• Se7en (1995)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Somerset และ Mills สองตำรวจที่กำลังสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่อง จากคดีการตายของเหยื่อ 7 ราย ที่มีลักษณะฆ่าแตกต่างกัน แต่มีบางจุดที่เกี่ยวข้องกันและสามารถเชื่องโยงไปยังคำสอนจากพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ที่ว่าด้วยเรื่องบาป 7 ประการ ที่อาจเป็นเหตุจูงใจของคนร้าย และช่วยนำไปสู่การจับตัว โดยหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่า เป็นหนังทริลเลอร์สืบสวนที่สร้างชื่อให้กับ David Fincher ทั้งการเดินเรื่องที่น่าติดตาม จังหวะการใส่ปมที่ลงตัวได้จังหวะ บรรยากาศหม่นๆตามแบบฉบับหนังทริลเลอร์ และส่วนของนักแสดงก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งฉาก Climax ซึ่งเป็นหนึ่งใน Surprise Ending ที่น่าจดจำมากที่สุด
• Primal Fear (1996)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Aaron เด็กหนุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ในคดีฆาตกรรมบาทหลวงผู้เป็นที่เลี่ยมใสของคนในเมือง เมื่อ Martin Vail ทนายชื่อดังทราบถึงคดีนี้ ก็ออกตัวรับเป็นทนายให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น เพื่อหวังว่าจะโยงไปสู่เรื่องราวอันไม่ชอบมาพากลของบุคคลชั้นสูง แต่เมื่อเรื่องราวนั้นใกล้จะสิ้นสุดลง ความจริงอันน่าตกตะลึงก็ถูกเปิดเผย สำหรับเรื่องนี้พล็อตเรื่องโดยรวมอาจไม่ค่อยมีอะไรมากมาย แต่เดินเรื่องได้น่าติดตาม มีเรื่องราวซับซ้อนกว่าที่คิด เหตุการณ์พลิกผันอยู่ตลอด จนกระทั่ง Cilamax ของหนังเรียกได้ว่าหักมุมแบบสุดๆ อีกทั้งยังเป็นผลงานในฐานะนักแสดงเรื่องแรกของ Edward Norton ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้เข้าชิงออสการ์ในสาขาสมทบชาย
• Perfect Blue (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Mima Kirigoe นักร้องสาวไอดอลชื่อดัง ที่ประกาศเลิกเป็นนักร้องบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเธอ และจะหันไปเอาดีด้านการแสดงแบบเต็มตัว แต่แล้วการตัดสินใจครั้งนี้กลับไม่เป็นที่พึงพอใจอย่างมากสำหรับแฟนคลับบางกลุ่ม ที่พยายามจะติดตามเธอไปทุกที่ พร้อมกับขู่ว่าจะเอาชีวิตเธอ นับได้ว่าเป็นหนังทริลเลอร์ของญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้มีมากๆ ตั้งแต่การตัดต่อ เทคนิคการเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ และสามารถเล่นกับประเด็นทางจิตวิทยาออกมาได้อย่างหนักหน่วง อีกทั้งหนังยังได้หยิบประเด็นของคนที่คลั่งไคล้เหล่าไอดอล ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางญี่ปุ่นเองก็กำลังประสบอยู่ ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
• Misery (1990)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Paul Sheldon นักเขียนนิยายชื่อดัง ที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างการขับรถ เพื่อที่จะนำต้นฉบับของนิยายเล่มใหม่ ที่เขาทุ่มเวลาเขียนเป็นเดือนๆไปส่งให้กับตัวแทนของเขา ซึ่งอุบัติเหตุนั้นเขาได้รับความช่วยเหลือ Annie Wilkes แฟนนิยายตัวยงของเขา แต่นั่นก็เป็นเพียงความโชคดีอันน้อยนิด ในความโชคร้ายครั้งใหญ่ที่เขาต้องเผชิญ สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังทริลเลอร์ที่มี Impact ต่ออารมณ์ของคนดูเป็นอย่างมาก เพราะตลอดทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลุ้นระทึก และหวาดเสียว โดยปัจจัยที่ส่งผลต่ออารมณ์เหล่านั้นมากที่สุดก็คือ การแสดงของ Kathy Bates ที่เล่นได้โรคจิตสุดๆ ตีบทแตกเป็นเสี่ยงๆ จนทำให้เธอได้ออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงมาครอง
• The Game (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับ Nicholas นักธุรกิจใหญ่ ผู้ประสบความสำเร็จในด้านการงาน มีฐานะร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่โต แต่เหมือนว่าชีวิตเขาจะดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร และในวันเกิดครบรอบ 48 ปี น้องชายของเขา Conrad ก็มอบของขวัญชิ้นสำคัญให้ ซึ่งแฝงไว้ด้วยอันตรายแบบที่เขาไม่เคยคาดคิด เป็นหนังที่มีพล๊อตเรื่องน่าสนใจ และมีความซับซ้อนอยู่ในตัว ซึ่งยากต่อการคาดเดาล่วงหน้า มีหลายประเด็นให้ชวนไขว้เขว อีกทั้งยังเดินเรื่องได้น่าติดตามลุ้นระทึก ตื่นเต้นไปตลอดทั้งเรื่อง และที่สำคัญยังมีฉาก Climax ซึ่งเรียกได้ว่าหักมุมแบบสุดๆ เพราะหนังเองเดินเรื่องให้เราเชื่ออีกแบบหนึ่ง แต่จบออกมาชนิดที่ว่าเกินความคาดหมายอย่างน่าเหลือเชื่อ
• Funny Games (1997)
หนังเล่าเกี่ยวกับชีวิตของครอบครัว Ann ผู้เป็นภรรยา พร้อมกับสามีและลูกของเธอ ที่ออกเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักต่างอากาศในเขตนอกเมืองและเมื่อไปถึงที่หมาย ครอบครัวของเธอก็ได้พบกับ Paul และPeter สองชายหนุ่มปริศนาที่เข้ามาขอไข่ไก่สี่ฟอง ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแห่งหายนะครั้งใหญ่ของครอบครัวเธอ เป็นหนังที่แฝงไว้ด้วยความตลกร้าย และสามารถเล่นกับอารมณ์หดหู่ กดดัน และสิ้นหวังของคนดูได้ดีมากๆ เสมือนกับว่าเรากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับตัวละคร ซึ่งในจุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับบทพูดที่ทำออกมาได้ค่อนข้างฉลาด บวกกับการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาของเหล่าผู้มาเยือนที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ติดตามข่าวสารอื่นๆได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/Criticalme