จริงๆฐานะของผมจะอยู่ใน Scanlator มากกว่าเพราะผมแปลแต่มังงะ แต่เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายเดียวกันและหลายๆคนคุ้นเคยกับคำว่า Fansub มากกว่าจึงขอเรียกตัวเองว่า Fansubber ในที่นี้ และขอแท็กทั้งการ์ตูนและอนิเมะเพราะสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งการ์ตูนและอนิเมะ
จุดเริ่มต้นของคำว่า fansub ของผมนั้นเริ่มมาจากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วผมได้มีโอกาสอ่านโดจินแปลไทยของ Pia Carrot (ภาค 2 และเป็นโดจินสว่างไม่ H ตอนสั้นๆ) ซึ่งผมก็รู้สึกประทับใจมากจนจำได้ถึงบัดนี้ ในตอนนั้นผมยังเด็กและไม่เข้าใจคำว่า fansub ซึ่งผมก็มารู้เอาตอนที่ขึ้นมหาฯลัย ก็รู้สึกประทับใจในจุดมุ่งหมายของ fansub และอยากจะทำเช่นนั้นบ้าง
"ช่วยในการเผยแพร่ และหยุดการเผยแพร่เมื่อเรื่องนั้นๆมีลิขสิทธิ์ในประเทศตนเอง" นั่นคือทั้งหมดของคำว่า fansub ซึ่งถ้าให้บอกตามตรงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นเลยสักนิดเพราะเค้าผลิตสื่อมาเพื่อให้คนในประเทศเค้าเสพอยู่แล้ว ตลาดที่เค้ามองอยู่แค่ภายในประเทศไม่ได้มองว่าจะต้องขายต่อให้กับต่างประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันสิ่งที่บางคนทำมันเกินขอบเขตที่ว่าไปไกลลิบ กลายเป็นการใช้ fansub เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง รวมไปถึงการที่ผู้เสพเข้าใจว่า fansub = ดูฟรี โดยที่ไม่มองจุดประสงค์ของ fansub ที่ทำเพื่อการเผยแพร่ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้ ณ ตอนนี้ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นมองว่า fansub = เว็บเถื่อน ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียกับพวกเค้าไปแล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในฐานะที่ผมเองก็เป็น fansubber คนหนึ่ง
fansub ไม่ใช่สักแต่จะแปลและแจกจ่ายอย่างเดียว แต่ต้องรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์น้อยที่สุด หากแต่ทุกวันนี้มีคนบางกลุ่ม(ซึ่งดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ)นอกจากจะไม่หยุดแจกจ่ายแล้ว ขนาดผู้นำเข้าลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องไปตักเตือนยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร(มีกัดกลับด้วยซ้ำ) เพราะสำหรับพวกเค้า "ผลประโยชน์" มันสำคัญกว่า "จุดมุ่งหมายของ fansub" ซึ่งพอคนจำพวกนี้มีเยอะเข้าๆ เปิดกันหลายเว็บเข้า ทางญี่ปุ่นรวมไปถึงคนที่มองดูอยู่ก็จะเห็นภาพแบบเหมารวมว่า fansub = เว็บเถื่อน ไปซะยังงั้น แต่ก็อย่างว่าเพราะสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง fansub กับเว็บเถื่อนก็เห็นจะมีแค่ "หยุด" หรือ "ไม่หยุด" เท่านั้น
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้เข้าไปในห้องพักอาจารย์ เห็นอาจารย์คนนึงกำลังนั่งอ่าน Akame ga Kill ในเว็บเถื่อนเว็บหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เคยแปลตอน 1-10 ซึ่งก็หยุดแปลไปเพราะในตอนนั้น SIC ได้ประกาศลิขสิทธิ์แล้ว แต่พวกเว็บเถื่อนก็ยังเอามาทำต่อจากผมจนถึงทุกวันนี้ และอาจารย์ท่านที่กำลังเปิดอ่านอยู่นั้น สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ N1 แต่อาจารย์ก็ยังเลือกที่จะอ่านในเว็บเถื่อนทั้งที่ถ้าเอาจริงแล้วอาจารย์อาจจะอ่านจากต้นฉบับได้อย่างสบาย ในตอนนั้นผมรู้สึกจุกในลำคอ ในหัวก็เกิดคำถามขึ้นว่า "นี่หรือคือผลพวงจากการกระทำของเรา?" "นี่คือสิ่งที่เราอยากจะให้มันเป็น?" แม้ในงานแปลของผมทุกตอนจะบอกว่าให้หยุดแจกจ่ายเมื่อมีลิขสิทธิ์ในประเทศและแนะนำให้สนับสนุนของลิขสิทธิ์กัน ถึงผมจะหยุดแปลก็จะมีคนที่จ้องจะใช้งานแปลเพื่อผลประโยชน์มาทำต่ออยู่ดี ผมไม่กล้าถามอาจารย์ว่าได้ซื้อรวมเล่มของ SIC บ้างหรือเปล่าซึ่งบอกตามตรงเลยว่าผมกลัวในคำตอบของอาจารย์ ผมกลัวว่าคำตอบของอาจารย์จะเป็นการย้ำเตือนว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเว็บเถื่อน ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดหลายปีมันจะเป็นแค่การเพ้อเจ้อไปเองของผม
สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่า fansub เป็นสิ่งที่ดี หรือต้องการจะยก fansub ให้สูงกว่าเว็บเถื่อน หากแต่ทุกวันนี้การกระทำที่เกินเลยไม่รู้จักหยุดของคนบางกลุ่มได้ทำให้ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่นต้องดำเนินการกวาดล้างเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหลายอย่างจริงจัง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นจะใช้โอกาสนี้เปิดช่องทางแบบ official ให้ชาวต่างชาติสามารถเสพสื่ออนิเมะและมังงะในญี่ปุ่นได้อย่างทั่วถึง ซึ่งหากทำได้เช่นนั้นจริงจุดมุ่งหมายของ fansub ที่ทำเพื่อเผยแพร่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป(ซึ่งจริงๆมันก็ไม่จำเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่รู้จะเขียนยังไงดีน่ะนะ) และ fansub ก็จะหายไปตามกาลเวลาเอง หลังจากนั้นก็คงเหลือแต่พวกเว็บเถื่อนที่ต้องจัดการต่อไปซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต
จากใจ Fansubber คนหนึ่ง
จุดเริ่มต้นของคำว่า fansub ของผมนั้นเริ่มมาจากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วผมได้มีโอกาสอ่านโดจินแปลไทยของ Pia Carrot (ภาค 2 และเป็นโดจินสว่างไม่ H ตอนสั้นๆ) ซึ่งผมก็รู้สึกประทับใจมากจนจำได้ถึงบัดนี้ ในตอนนั้นผมยังเด็กและไม่เข้าใจคำว่า fansub ซึ่งผมก็มารู้เอาตอนที่ขึ้นมหาฯลัย ก็รู้สึกประทับใจในจุดมุ่งหมายของ fansub และอยากจะทำเช่นนั้นบ้าง
"ช่วยในการเผยแพร่ และหยุดการเผยแพร่เมื่อเรื่องนั้นๆมีลิขสิทธิ์ในประเทศตนเอง" นั่นคือทั้งหมดของคำว่า fansub ซึ่งถ้าให้บอกตามตรงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นเลยสักนิดเพราะเค้าผลิตสื่อมาเพื่อให้คนในประเทศเค้าเสพอยู่แล้ว ตลาดที่เค้ามองอยู่แค่ภายในประเทศไม่ได้มองว่าจะต้องขายต่อให้กับต่างประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันสิ่งที่บางคนทำมันเกินขอบเขตที่ว่าไปไกลลิบ กลายเป็นการใช้ fansub เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง รวมไปถึงการที่ผู้เสพเข้าใจว่า fansub = ดูฟรี โดยที่ไม่มองจุดประสงค์ของ fansub ที่ทำเพื่อการเผยแพร่ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้ ณ ตอนนี้ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นมองว่า fansub = เว็บเถื่อน ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียกับพวกเค้าไปแล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในฐานะที่ผมเองก็เป็น fansubber คนหนึ่ง
fansub ไม่ใช่สักแต่จะแปลและแจกจ่ายอย่างเดียว แต่ต้องรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์น้อยที่สุด หากแต่ทุกวันนี้มีคนบางกลุ่ม(ซึ่งดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ)นอกจากจะไม่หยุดแจกจ่ายแล้ว ขนาดผู้นำเข้าลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องไปตักเตือนยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร(มีกัดกลับด้วยซ้ำ) เพราะสำหรับพวกเค้า "ผลประโยชน์" มันสำคัญกว่า "จุดมุ่งหมายของ fansub" ซึ่งพอคนจำพวกนี้มีเยอะเข้าๆ เปิดกันหลายเว็บเข้า ทางญี่ปุ่นรวมไปถึงคนที่มองดูอยู่ก็จะเห็นภาพแบบเหมารวมว่า fansub = เว็บเถื่อน ไปซะยังงั้น แต่ก็อย่างว่าเพราะสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง fansub กับเว็บเถื่อนก็เห็นจะมีแค่ "หยุด" หรือ "ไม่หยุด" เท่านั้น
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้เข้าไปในห้องพักอาจารย์ เห็นอาจารย์คนนึงกำลังนั่งอ่าน Akame ga Kill ในเว็บเถื่อนเว็บหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เคยแปลตอน 1-10 ซึ่งก็หยุดแปลไปเพราะในตอนนั้น SIC ได้ประกาศลิขสิทธิ์แล้ว แต่พวกเว็บเถื่อนก็ยังเอามาทำต่อจากผมจนถึงทุกวันนี้ และอาจารย์ท่านที่กำลังเปิดอ่านอยู่นั้น สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ N1 แต่อาจารย์ก็ยังเลือกที่จะอ่านในเว็บเถื่อนทั้งที่ถ้าเอาจริงแล้วอาจารย์อาจจะอ่านจากต้นฉบับได้อย่างสบาย ในตอนนั้นผมรู้สึกจุกในลำคอ ในหัวก็เกิดคำถามขึ้นว่า "นี่หรือคือผลพวงจากการกระทำของเรา?" "นี่คือสิ่งที่เราอยากจะให้มันเป็น?" แม้ในงานแปลของผมทุกตอนจะบอกว่าให้หยุดแจกจ่ายเมื่อมีลิขสิทธิ์ในประเทศและแนะนำให้สนับสนุนของลิขสิทธิ์กัน ถึงผมจะหยุดแปลก็จะมีคนที่จ้องจะใช้งานแปลเพื่อผลประโยชน์มาทำต่ออยู่ดี ผมไม่กล้าถามอาจารย์ว่าได้ซื้อรวมเล่มของ SIC บ้างหรือเปล่าซึ่งบอกตามตรงเลยว่าผมกลัวในคำตอบของอาจารย์ ผมกลัวว่าคำตอบของอาจารย์จะเป็นการย้ำเตือนว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเว็บเถื่อน ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดหลายปีมันจะเป็นแค่การเพ้อเจ้อไปเองของผม
สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่า fansub เป็นสิ่งที่ดี หรือต้องการจะยก fansub ให้สูงกว่าเว็บเถื่อน หากแต่ทุกวันนี้การกระทำที่เกินเลยไม่รู้จักหยุดของคนบางกลุ่มได้ทำให้ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่นต้องดำเนินการกวาดล้างเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหลายอย่างจริงจัง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากทางเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่นจะใช้โอกาสนี้เปิดช่องทางแบบ official ให้ชาวต่างชาติสามารถเสพสื่ออนิเมะและมังงะในญี่ปุ่นได้อย่างทั่วถึง ซึ่งหากทำได้เช่นนั้นจริงจุดมุ่งหมายของ fansub ที่ทำเพื่อเผยแพร่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป(ซึ่งจริงๆมันก็ไม่จำเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่รู้จะเขียนยังไงดีน่ะนะ) และ fansub ก็จะหายไปตามกาลเวลาเอง หลังจากนั้นก็คงเหลือแต่พวกเว็บเถื่อนที่ต้องจัดการต่อไปซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต