แบ่งปันวิธีทำใจ(เชิงบวก) หลังจากเลิกกับแฟน

พอดีว่าผมไปตอบกระทู้นึงในพันธ์ทิพย์ เกี่ยวกับวิธีการทำใจ
แล้วรู้สึกว่า วิธีของผมอาจจะเป็นประโยชน์กับบางคนที่ประสบปัญหา หรืออยู่ในสถานะการณ์ช่วงรักษาใจอยู่
เลยอยากเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ลองอ่านและนำไปใช้กันนะฮะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าผมจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ด้วยวิธีนี้ก็จริง มันก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีเหล่านี้จะใช้ได้ผลกับทุกคนนะฮะ
เพราะผมก็ยังตระหนักว่า แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันไป ทั้งความคิด ความรู้สึก รวมถึงสถานะการณ์ที่กำลังเผชิญ ซึ่งก็อาจมีบางคนไม่ชอบวิธีการของผมก็เป็นได้นะ ผมไม่แน่ใจ
(แต่ผมเชื่อในศักยภาพมนุษย์ในตัวทุกคนนะ ว่าถึงแม้เราจะอ่อนแอบ้างในบางครั้ง และอาจมีความเข้มแข็งเพียงน้อยนิด
แต่นั่นมันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้เราผ่านมันไปได้)

ผมคบมา 8 ปี ตอนนี้เลิกกันไปจะ 6 เดือนละฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทำใจหายดีได้ตอน 2 เดือนแรก ช่วงเดือนที่ 3-5 เหงามากถึงจะตัดใจได้แล้ว แต่ยังเหงาอยู่
และเพิ่งชินกับความโสดเมื่อไม่นานมานี้ (ตอนนี้กลับมารู้สึกเป็นปกติ มีความสุขดีแล้วฮะ ถึงจะยังโสดอยู่ก็ตาม)

วิธีของผมคือการมองไปข้างหน้า ด้วยมุมมองเชิงบวกฮะ
อันดับแรก ผมทำความเข้าใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นก่อน เพื่อเคลียร์สิ่งที่ค้างคาใจ และยอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้น
หลังจากนั้นก็ค่อยๆ วางแผน มองอนาคตตัวเอง

- ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพื่อเหตุผลบางอย่าง และมันจะนำพาเราไปสู่บางอย่าง เช่น ที่เขาหรือเทอจากไปก็เพื่อเปิดทางให้คนที่ใช่สำหรับเราจริงๆ เข้ามา หรืออาจทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เมื่อมันผ่านพ้นมาแล้ว เช่นหน้าที่การงาน การพัฒนาตัวเอง การรู้จักใครสักคน หรือการเรียนรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญในชีวิต บางครั้งเรามองมันในวันนี้เราอาจจะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพื่ออะไร จนกระทั่งเวลาผ่านไป แล้วเรามองย้อนกลับไป จะเห็นว่าอะไรคือเหตุผลของมัน ฉะนั้นจงมั่นใจครับว่ามันเกิดขึ้นเพื่อนำพาเราไปเจออะไรบางอย่างที่สำคัญกับเราในอนาคตอย่างแน่นอน

- ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพื่อเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน เช่น การเสียสละ การสูญเสีย ความเสียใจ การจากลา ถ้ามันไม่เกิด บอกตรงๆ ว่าผมคงไม่รู้จักเรื่องพวกนี้ เพราะเทอเป็นแฟนคนแรกที่คบกันตั้งแต่ ม.ต้น จนจบมหาวิทยาลัย และเริ่มทำงาน มีกันมาตลอด 8 ปี
"เราไม่สามารถแก้ไข เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่เลือกที่จะมองมันในมุมมองที่ต่างออกไปได้" อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ แต่เราเป็นเหมือนนักเรียนที่เรียนรู้จากสิ่งที่มันเกิดขึ้นต่างหาก อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ว่า เค้าไม่ใช่ และอาจรู้จักตัวเองมากขึ้น ว่าคนแบบไหนที่ใช่สำหรับเรา จริงอยู่ว่าเค้าอาจเคยเป็นคนที่ใช่ แต่สำหรับเค้าล่ะ เราใช่หรือเปล่าในวันนี้ เพราะสิ่งมีชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยุ่ตลอดเวลา

- ถ้าเธอคือคนที่ไม่ใช่ ทำอย่างไรก็ไม่ใช่ จบกันตรงนี้ ดีกว่าไปไกลกว่านี้ เช่น แต่งงานมีลูกแล้ว เพิ่งมารู้ว่าไม่ใช่ มันดีต่อทั้งเราและเค้าที่จะได้มีโอกาสเจอคนที่ใช่กว่า เพราะคนที่ใช่จะให้ความสำคัญในสิ่งเดียวกับเรา ไม่ได้บอกว่าเหมือนเรา แต่เรื่องที่เราให้ความสำคัญ เค้าจะให้ความสำคัญกับมันเช่นกัน การคบใครสักคน สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าอย่าไปหวังว่าคบกันไปแล้วเค้าจะเปลี่ยนเป็นแบบที่ใช่ เพราะมันจะไม่สบายใจและไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ทั้ง 2 ฝ่าย ต่อให้เค้าไม่มีคนใหม่ วันนึงก็ต้องจากกันไปอยู่ดี ถ้าเค้าไม่ใช่ มันจะมีเหตุให้จากกัน

- ให้อภัย ความรักคือการเสียสละ ผมถามตัวเองว่าที่ผ่านมารักเค้าจริงหรือเปล่า ถ้ารักจริง เรายอมได้มั้ย ที่จะเสียสละเพื่อแลกกับความสุขของเค้า จริงอยู่ว่าเค้าอาจทำให้เราเจ็บ หรือผิดหวัง แต่นั่นคือสิ่งที่เราเลือกเองไม่ใช่หรอ ที่จะเชื่อใจเค้า เปิดใจที่จะรักเค้าตั้งแต่วันแรกที่เค้าเดินเข้ามาในชีวิต หรือเดินเข้าไปในชีวิตเค้า ผมเชื่อว่าวันนั้นทั้งเราและเค้าก็คงไม่คิดว่ามันจะจบลงแบบนี้ เพราะเราทั้งคู่ไม่รู้อนาคต ไม่มีใครตั้งใจให้มันเกิดขึ้น เมื่อเป็นอย่างนั้น เมื่อเราตัดสินใจเลือกเองในวันนั้นเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้วให้ได้

- ไม่โกรธ ไม่เกลียด แต่ขอบคุณ คนทั่วไปมักจดจำความทรงจำสุดท้ายที่เค้าทำให้เราเจ็บ แล้วคิดซ้ำไปซ้ำมาถึงอดีต พยายามหาคำตอบว่ามันคืออะไร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันคือความรักตลอดมา สำหรับผมแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องโกรธหรือเกลียดคนที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ผมมีความสุข เคยให้กำลังใจ เคยใช้ชีวิตและเวลาร่วมกันมาโดยตลอด เคยอยู่ข้างๆ ในวันที่แย่ที่สุด ในวันที่เราไม่มีใคร มันมีแต่ความรู้สึกขอบคุณ ทำไมเราต้องโกรธคนๆ นั้นด้วยล่ะ แค่เพราะวันนี้เค้าจำเป็นต้องจากไปน่ะหรอ? สิ่งที่เค้าเคยพยายามทำมามันไม่เคยมีค่า มีความหมายกับเราเลยหรอ?

- โฟกัสที่เป้าหมายในชีวิต และการพัฒนาตัวเอง จิงอยู่ว่าวันนั้นแผนทั้งชีวิตที่วางไว้กับเค้านั้น พังหมด ไม่เหลืออะไร และหนทางที่จะไปต่อดูมืดมน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่แล้วยังงัยล่ะ? มันก็แค่เปลี่ยนเส้นทาง เหมือนกับกลับรถในที่มืด ที่เราไม่มีแผนที่ ไม่รู้ทางไป เห็นแต่ถนนข้างหน้าไม่กี่เมตร เราอยากจะเห็นทางทั้งหมดที่เราจะไป แต่ในความเป็นจริงเมื่อเราขับรถไปเรื่อยๆ ทางที่จะไปจะปรากฏให้เห็นเรื่อยๆ แม้จะเห็นแค่ไม่กี่เมตรข้างหน้า แต่ก็ไปถึงปลายทางได้ไม่ใช่หรอ? ผมวางแผนชีวิตตัวเองใหม่ อยากจะเป็นคนแบบไหน มีชีวิตยังงัย วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง เมื่อมีเป้าหมาย วิธีการก็จะตามมา

- เขียนลักษณะคนที่เราคิดว่าเค้าน่าจะเป็นคนที่ใช่ สำหรับผม ผมเป็นคนที่หวั่นไหว ชอบคนง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาทำร้ายเรา หรือเราไปทำร้ายใคร เพราะความเหงา ผมเลยเขียนสเปคคนที่ใช่เพื่อป้องกันเรื่องพวกนั้น เวลาเจอคนที่ชอบ แต่มาดูในลิสท์แล้ว ไม่ใช่ ก็จะปล่อยผ่าน และเข้าใจทันทีว่าเค้าไม่ใช่ ผมแบ่งเป็นลักษณะที่เธอคนนั้นจำเป็นต้องมี (เพื่อที่จะเข้ากันได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทั้งคู่เป็น) และลักษณะที่มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร (เพราะความเป็นจริงคนเราไม่เพอร์เฟ็คอย่างที่คิดไปซะทุกอย่าง) ลักษณะที่จำเป็น เช่น เป็นคนเปิดกว้างทางความคิด ไม่ Ego จัด ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน (ส่วนใหญ่เป็นลักษณะทางทัศนคติ ความคิด) ลักษณะที่มีก็ดีไม่มีก็ได้ เช่น ผิวขาว สาวแว่น ชอบอ่านหนังสือ ชอบดูหนัง รักดนตรี บลาๆ (ผมยกตัวอย่างของผมนะ ของคนอื่นอาจแตกต่างกันไป)

- เอาชนะความเหงา ผมพยายามทำในสิ่งที่ตอนมีแฟนไม่เคยทำคนเดียว เช่น ไปดูหนัง กินข้าว เที่ยวคนเดียว แรกๆ ก็ยังเหงาอยู่บ้าง แต่ก็ทำได้ และค้นพบว่าเราก็อยู่ได้ พอทำมาสักพักจนถึงตอนนี้ก็เริ่มชินกับความโสดละ จากที่พยายามหา พยายามรอใครสักคนที่จะเข้ามา ก็กลายเป็น มีไม่มีก็แล้วแต่ มีแล้วไม่ใช่ บางทีไม่มีจะดีกว่า ตอนนั้นไปดูหนังก็หวังจะเจอใครสักคน ไปร้านหนังสือก็หวัง อยุ่บน BTS MRT ก็หวัง มองหาตลอด แต่ตอนนี้ไม่หวังแล้ว อยู่คนเดียวได้แล้ว

- ถามตัวเองว่าพร้อมกับความสัมพันธ์ใหม่มั้ย ผมไม่ใช่ผู้ชายที่เพรียบพร้อม ไม่ใช่คนหล่อ ดูดี การศึกษาสูง ร่ำรวยอะไร เป็นคนธรรมดาทั่วไป ถามตัวเองว่าถ้ามีคนเข้ามาตอนนี้ เราพร้อมจะดูแลเค้า ทำให้เค้ามีความสุขมั้ย มีเวลาให้มั้ย เค้าจะชอบเรามั้ย ถ้าคุณมีสเปคที่คาดหวังสูงแค่ไหน คุณก็ต้องกลับมาดูตัวเองว่าเค้าจะเอาคุณมั้ย จริงอยู่ว่าความรักมันอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ต่างคนต่างความคิดกัน เราไม่รู้ว่าเค้าสนหรือไม่สน การทำให้เกินความคาดหวังจึงน่าจะดีกว่าสำหรับผม ผมพยายามหันมาดูแล ลงทุนกับตัวเองมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อเอาไปพัฒนาตัวเอง เพราะรู้ว่าถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไป มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง "เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิต อนาคตเราไม่ได้ ถ้าเราไม่เปลี่ยนสิ่งที่เราทำอยู่ในทุกวันนี้" ผมไม่ได้โลภอยากรวยมากมายอะไร แต่อยากมีเงินพอที่จะทำให้คนที่เข้ามามีความสุข ไม่ใช่เข้ามาแล้วต้องมาลำบาก อยากดูดีเพื่อให้คนๆ นั้นภูมิใจที่มีแฟนเป็นผม พยายามเตรียมตัวเองให้พร้อมในสักวันนึงถ้าจะมีคนเข้ามา หรือต่อให้ไม่มีใครเข้ามา ผมก็ยังได้พัฒนาตัวเอง และก้าวไปข้างหน้า

- อ่านหนังสือ สำหรับผม แนวคิดเชิงบวกต่างๆ มาจากหนังสือ มันทำให้เห็นมุมมมองของชีวิตที่แตกต่างออกไป บางครั้งการยึดติดกับมุมมองของตัวเองมันก็ทำให้เราหาทางออกไม่เจอ ยังคงรู้สึกเดิมๆ เป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การรับรู้เปิดรับมุมมองที่แตกต่าง บางครั้งก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจบางอย่าง ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น

สุดท้ายนี้ เราจะไม่ได้อะไรจากมันเลยถ้าเรามัวจมปรัก เสียเวลากับความเสียใจมากเกินไป นานเกินไป "ความรักไม่มีทางล้มเหลว" ผมเชื่ออย่างนั้น เราให้เพราะเราอยากให้ ให้เพื่อเค้ามีความสุข แล้วเค้าก็มีความสุขในวันนั้นที่เราทำให้แล้ว ทำไมเราถึงยังบอกว่ามันล้มเหลวอีกหละ ในเมื่อเราได้ทำสิ่งที่เราอยากทำไปแล้ว จริงๆ แล้ว แค่ชีวิตนี้ได้เกิดมา เจอคนที่ตรงกับแบบที่เราชอบอย่างเขาหรือเทอคนนั้น และได้ใช้เวลาร่วมกันมันก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้วไม่ใช่หรอ? สำหรับชีวิตคนธรรมดาๆ คนนึง

ทั้งนี้ทั้งนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่จบไปนะฮะ คนอื่นอาจเห็นและเรียนรู้ต่างกันไป เพราะเราอาจเรียนคนละหลักสูตร
ดังนั้นมันจึงเป็น คหสต. นะฮะ

ปล. ผมคิดว่าการมองแง่ลบ เชิงลบ การทำสิ่งที่เป็นลบ อะไรพวกนั้น มันไม่อาจส่งผลทางบวกได้ สุดท้ายเราเองที่จะทุกข์ และไปไม่พ้นจากมันสักที (หรืออาจจะพ้น แต่ต้องสูญเสีย ตัดความสัมพันธ์กันไปเลย)
ปล.2 ทุกวันนี้ผมยังคงเป็นเพื่อนกับเธอยู่ แม้เราทั้งคู่จะโสด และไม่มีใคร แต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอของผมมันเปลี่ยนไปแล้ว ยังคงมีความหวังดีให้ แต่ไม่รู้สึกเกินกว่าเพื่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่