ชีวิตเปลี่ยนไปหลังจากที่หมอแจ้งอย่างมั่นคงและมั่นใจ คุณเป็นเบาหวานแน่นอนครับ
ห่ะ 'ไรนะหมอ หนูไม่กินหวาน กาแฟยังกินกาแฟดำเล้ย กับข้าวออกหวานยังแทบ
ทิ้ง น้ำตาลใส่ก๋วยเตี๋ยว กินกันเข้าไปได้งัยฟระ เคยคิดว่าชาตินี้เบาหวานไม่กล้ำกรายแน่นอน
หมอเลยต่อ หมอก็งง คุณอายุน้อยแล้วผอมๆด้วย เป็นได้งัย
พอเล่าให้คุณเพื่อนที่ทำงานอยู่รพ.ที่เชี่ยวชาญเบาหวานฟัง มันสั่งให้มาหาsecond opinion โดยดร่วนเนื่องจากฟังคุณหมอรพ.ดังพูดแล้ว ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเบาหวานเท่าไหร
อีนี้ก็กำลังมึนๆ เป็นได้งัยฟระ เกิดอะไรขึ้นเลยแล่นไปหา second opinion หลังจากการตรวจและfollow upและการคุยหลายต่อหลายครั้ง หมอสรุปว่า คุณเป็นเบาหวานแบบ 1 หรือ type 1 diabetese
ห่ะ เบาหวานมีกี่แบบคะหมอ เกิดมาไม่เคยรู้มันไม่ได้มีแบบเดียวเรอะ
คุณหมอก็ดีใจหาย ใช้เวลานานนั่งอธิบายให้ฟังว่าคืออะไรอย่างไร
หลักๆเบาหวานมีสามแบบ แบบ1 แบบ2 และเบาหวานคนท้อง แบบ2 คือแบบที่คนทั่วไปเป็นกัน กินเยอะ กินหวานมากไป อ้วน เริ่มดื้ออินซูลิน
ส่วนแบบ 1จะมีประมาณ5% ของคนที่เป็นเบาหวานจะเป็นลักษณะนี้ สาเหตุไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะร่างกายเห็นตัวสร้างอินซูลินเป็นศัตรูเลยทำลายมันซะ ตับอ่อนเลยไม่สามารถสร้างีอินซูลินไปจับน้ำตาลเพื่อแปลงเป็นพลังงาน น้ำตาลเลยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดกลายเป็นเบาหวานไป ส่วนใหญ่แบบ1นี้จะเกิดกับเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยรุ่น (แก่ๆอย่างนี้ไม่น่าเจอ หมอคงคิดแต่พูดอย่างถนอมน้ำใจว่าไม่ค่อยเจอในผู้ใหญ่นะครับ)
ที่เวินเว้อมาคือแค่อยากจะบอกให้คนหลายคนเข้าใจถึงเบาหวานแบบ 1มากยิ่งขึ้น เบาหวานแบบ1นั้นร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ต้องฉีดอินซูลินเพื่อไปทดแทนเท่านั้น วันๆต้องเจาะเลือดอย่างต่ำวันละ 4ครั้ง เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อจะได้ดูว่าต้องฉีดอินซูลินก่อนกินข้าวมากน้อยแค่ไหน มากไปก็น้ำตาลตก จะตายเอา น้อยไปก็จับน้ำตาลที่กินไปได้ไม่หมด เมาน้ำตาลอีก มึนหัว เหนื่อยอีก (แป้งก็เปลี่ยนเป็นน้ำตาลจ้ะ ไม่ได้หาเรื่องกินขนมให้น้ำตาลขึ้น) อาการความรุนแรงมันมากกว่าแบบ2มาก
ครั้งแรกที่รู้และหมอฟันธงว่าเป็นแบบ1 ก็เข้าไปหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ว่ามันคืออะไรอย่างไร ปรากฏว่าแทบจะไม่มีใครพูดถึงในรายละเอียดเลย แค่บอกว่ามันต่างจากแบบสองอย่างไร ต้องเข้าไปหาตามเว็บของอเมริกา (โชคดีที่ภาษาปะกิตดีพอที่จะอ่านจะฟังได้รู้เรื่อง) ซึ่งมีข้อมูลละเอียด บอกถึงวิธีการปฏิบัติตัว สันนิษฐานว่าเกิดจากอะไร ของไทยจะเว็บองกรเบาหวานยังไม่มีเล้ย
หลายๆคนสงสาร กลัวเมื่อเห็นเราเอาเข็มจิ้มพุง จิ้มขาเพื่อฉีดอินซูลิน แต่ชินแล้วจ้ะ เป็นมาได้สองปีครึ่งละ แรกๆหมอยังให้กินแค่ยา ครึ่งปีถัดมา ยาเอาไม่อยู่ ต้องจิ้มอย่างเดียวละ ตอนนี้สบ้าย รักที่ตรวจเลือดกะอินซูลินยิ่งกว่าสามี ไปไหนไปกันตลอด แต่ก็ยังแอบๆเจาะเลือด ฉีดอินซูลินไม่ให้คนอื่นเห็นเพราะกลัวคนไม่คุ้นเป็นลมตายเมื่อเห็นเลือด เห็นเข็ม
ได้แต่หวังนะว่าพวกองค์กรสุขภาพ เบาหวานทั้งหลายจะมีความรู้เรื่องเบาหวานแบบ1 พอที่จะแจ้งและทำให้คนเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ไม่เคยเจอใครที่เป็น type 1เหมือนเราเลย คงมีน้อยมากจิงๆ
แต่จะเป็นแบบ1หรือแบบ2 ก็สู้ๆนะคะ เราต้องอยู่กับมันไปอีกนานนน ^^
ชีวิตที่เปลี่ยนไปกับเบาหวานแบบที่คุณคงไม่เคยได้ยิน
ห่ะ 'ไรนะหมอ หนูไม่กินหวาน กาแฟยังกินกาแฟดำเล้ย กับข้าวออกหวานยังแทบทิ้ง น้ำตาลใส่ก๋วยเตี๋ยว กินกันเข้าไปได้งัยฟระ เคยคิดว่าชาตินี้เบาหวานไม่กล้ำกรายแน่นอน
หมอเลยต่อ หมอก็งง คุณอายุน้อยแล้วผอมๆด้วย เป็นได้งัย
พอเล่าให้คุณเพื่อนที่ทำงานอยู่รพ.ที่เชี่ยวชาญเบาหวานฟัง มันสั่งให้มาหาsecond opinion โดยดร่วนเนื่องจากฟังคุณหมอรพ.ดังพูดแล้ว ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเบาหวานเท่าไหร
อีนี้ก็กำลังมึนๆ เป็นได้งัยฟระ เกิดอะไรขึ้นเลยแล่นไปหา second opinion หลังจากการตรวจและfollow upและการคุยหลายต่อหลายครั้ง หมอสรุปว่า คุณเป็นเบาหวานแบบ 1 หรือ type 1 diabetese
ห่ะ เบาหวานมีกี่แบบคะหมอ เกิดมาไม่เคยรู้มันไม่ได้มีแบบเดียวเรอะ
คุณหมอก็ดีใจหาย ใช้เวลานานนั่งอธิบายให้ฟังว่าคืออะไรอย่างไร
หลักๆเบาหวานมีสามแบบ แบบ1 แบบ2 และเบาหวานคนท้อง แบบ2 คือแบบที่คนทั่วไปเป็นกัน กินเยอะ กินหวานมากไป อ้วน เริ่มดื้ออินซูลิน
ส่วนแบบ 1จะมีประมาณ5% ของคนที่เป็นเบาหวานจะเป็นลักษณะนี้ สาเหตุไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะร่างกายเห็นตัวสร้างอินซูลินเป็นศัตรูเลยทำลายมันซะ ตับอ่อนเลยไม่สามารถสร้างีอินซูลินไปจับน้ำตาลเพื่อแปลงเป็นพลังงาน น้ำตาลเลยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดกลายเป็นเบาหวานไป ส่วนใหญ่แบบ1นี้จะเกิดกับเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงวัยรุ่น (แก่ๆอย่างนี้ไม่น่าเจอ หมอคงคิดแต่พูดอย่างถนอมน้ำใจว่าไม่ค่อยเจอในผู้ใหญ่นะครับ)
ที่เวินเว้อมาคือแค่อยากจะบอกให้คนหลายคนเข้าใจถึงเบาหวานแบบ 1มากยิ่งขึ้น เบาหวานแบบ1นั้นร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ต้องฉีดอินซูลินเพื่อไปทดแทนเท่านั้น วันๆต้องเจาะเลือดอย่างต่ำวันละ 4ครั้ง เพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อจะได้ดูว่าต้องฉีดอินซูลินก่อนกินข้าวมากน้อยแค่ไหน มากไปก็น้ำตาลตก จะตายเอา น้อยไปก็จับน้ำตาลที่กินไปได้ไม่หมด เมาน้ำตาลอีก มึนหัว เหนื่อยอีก (แป้งก็เปลี่ยนเป็นน้ำตาลจ้ะ ไม่ได้หาเรื่องกินขนมให้น้ำตาลขึ้น) อาการความรุนแรงมันมากกว่าแบบ2มาก
ครั้งแรกที่รู้และหมอฟันธงว่าเป็นแบบ1 ก็เข้าไปหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ว่ามันคืออะไรอย่างไร ปรากฏว่าแทบจะไม่มีใครพูดถึงในรายละเอียดเลย แค่บอกว่ามันต่างจากแบบสองอย่างไร ต้องเข้าไปหาตามเว็บของอเมริกา (โชคดีที่ภาษาปะกิตดีพอที่จะอ่านจะฟังได้รู้เรื่อง) ซึ่งมีข้อมูลละเอียด บอกถึงวิธีการปฏิบัติตัว สันนิษฐานว่าเกิดจากอะไร ของไทยจะเว็บองกรเบาหวานยังไม่มีเล้ย
หลายๆคนสงสาร กลัวเมื่อเห็นเราเอาเข็มจิ้มพุง จิ้มขาเพื่อฉีดอินซูลิน แต่ชินแล้วจ้ะ เป็นมาได้สองปีครึ่งละ แรกๆหมอยังให้กินแค่ยา ครึ่งปีถัดมา ยาเอาไม่อยู่ ต้องจิ้มอย่างเดียวละ ตอนนี้สบ้าย รักที่ตรวจเลือดกะอินซูลินยิ่งกว่าสามี ไปไหนไปกันตลอด แต่ก็ยังแอบๆเจาะเลือด ฉีดอินซูลินไม่ให้คนอื่นเห็นเพราะกลัวคนไม่คุ้นเป็นลมตายเมื่อเห็นเลือด เห็นเข็ม
ได้แต่หวังนะว่าพวกองค์กรสุขภาพ เบาหวานทั้งหลายจะมีความรู้เรื่องเบาหวานแบบ1 พอที่จะแจ้งและทำให้คนเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ไม่เคยเจอใครที่เป็น type 1เหมือนเราเลย คงมีน้อยมากจิงๆ
แต่จะเป็นแบบ1หรือแบบ2 ก็สู้ๆนะคะ เราต้องอยู่กับมันไปอีกนานนน ^^