ท่านทั้งหลายที่บอกว่าตัวเป็นชาวพุทธ เข้าใจคำสอนพระศาสดากันแค่ไหนน้อ...รู้หรือเปล่าว่าเหตุที่ทำให้ศาสนาไม่เป็นหนึ่งเดียวเพราะอะไร?
การศึกษาคำสอน ไม่ใช่จะเฉพาะเจาะจงที่พระ ฆราวาสเองก็จำเป็นต้องศึกษาอย่างยิ่ง
ลักษณะคำสอนของพระศาสดาหลายเรื่องอาจเข้าใจยาก และหากอ่านจากพระสูตร ผู้ใหม่จะงงๆ เพราะนั่นคือคำสอนที่ตรัสกับคนที่จะเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด 500 รูป การสื่อสารย่อมแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
เหมือนสูตร E = mc 2 ของไอน์สไตน์ จะมีสักกี่คนที่เห็นสูตรนี้แล้วเข้าใจหากไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน แต่...ก็มีสูตรที่ทำได้จริง และสามารถศึกษากันได้ และน้อยคนนักจะเข้าใจ ยิ่งไม่ศึกษาเลยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจ เช่นเดียวกันกับคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" หากไม่ศึกษาไม่มีพื้นฐานทางธรรมก็ไม่อาจเข้าใจได้เองเช่นกัน นี่คือสูตรที่ใช้หลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีความละเอียดแยบคาย ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ง่าย แต่ก็สามารถศึกษาทำความเข้าใจได้ (ก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน)
ต้องอาศัยขอคำอธิบายกับผู้ที่รู้ตรงกับพระศาสดา บางอย่างก็อาจตีความผิดได้ เพราะฉะนั้นให้ทำใจกลางๆ ไว้ และพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ให้คงพระสูตรไว้ เพราะในกาลต่อไป การตีความบางเรื่องอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ เมื่อมีผู้ค้นพบพระสูตรบางเรื่องที่เป็นสิ่งช่วยคลี่คลายคำสอนบางเรื่องที่ยังไม่กระจ่างชัด
แต่ยุคสมัยนี้ มีคนศึกษาและอ่านพระสูตรมากขึ้น เนื่องจากมีเทคโนฯ การสื่อสารที่ทันสมัย ทำให้มีการพูดคุยทำความเข้าใจได้ดีขึ้น
แต่...ก็ใช่ว่าการศึกษาธรรมะจะเป็นไปตามสมควรแก่ชาวพุทธ ฆราวาสส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นหน้าที่ของพระ แต่...ต้องเข้าใจความจริงด้วยว่า แม้แต่พระที่อาจบวชมาหลายพรรษา ก็ใช่ว่าจะศึกษาและเข้าใจคำสอนของพระศาสดาได้ตามสมควรนะ พระหลายรูปยังไม่เข้าใจอริยสัจสี่ แต่สวดมนต์ให้พร เวลาใส่บาตรงานบุญคล่อง แต่เอาเข้าจริงไม่ค่อยรู้คำแปลหรือความหมายในสิ่งที่สวดเท่าที่ควรจะเป็น นี่ก็เหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ศาสนาเสื่อมได้
ขนาดคนยุคปัจจุบัน มีการสื่อสารทันสมัย มีความรู้มากขึ้น ก็ยังมีน้อยคนที่ศึกษาทำความเข้าใจธรรมะ พระไตรปิฎกตามวัดต่างๆ ใส่ตู้ไว้ตั้งโชว์ นึกซิ ย้อนไปในอดีต เอาแค่ร้อยปีพอ หนังสือคำสอนของศาสดามีน้อยมาก แล้วพระหลายรูปก็อ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ การจะเข้าคำสอนพระศาสดาได้ดีตรงจริงนั้นย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่ๆ แต่พระศาสดาก็เคยตรัสสอนไว้ว่า แม้เข้าใจคำสอนท่านสักบท ก็ย่อมได้ประโยชน์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอหากต้องการบอกสอนผู้อื่น
คนในอดีตอาศัยศึกษาธรรมะจากอาจารย์ตัวเอง และต่างก็อยู่กันกระจัดกระจาย มีมากอาจารย์ที่ถ่ายทอดกันตามภูมิรู้ของตัวที่สืบทอดต่อๆ กันมา บางเรื่องหรือหลายเรื่องด้วยซ้ำที่ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดาอย่างแท้จริง แต่หลายเรื่องก็ทำตามกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ละที่ก็สอนต่างกันบ้างเหมือนกันบ้าง นี่ก็คือเหตุสำคัญอีกเช่นกันที่ทำให้ศาสนาเสื่อม
อย่างเช่นมีหลายที่สอนว่าวิญญานเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งพระศาสดาไม่เคยสอนอย่างนั้นเลย และชาวพุทธหลายคนก็ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ และยังพากันเข้าใจว่าวิญญานเวียนว่ายตายเกิดตามที่คนโบราณสืบทอดกันมา
พวกเราชาวพุทธยังไม่เข้าใจธรรมะของพระศาสดากันตามสมควร และยังมีพระหลายรูปหรือโยมบางคนแอบใช้ศาสนาหากินกับความไม่รู้ของญาติโยมกันอยู่มาก
ไม่มีพระรูปไหนกล้าพอและมีหน้าที่โดยตรงที่จะสนใจตั้งใจจริงแก้ไขสิ่งผิด เพราะพระไม่ดีหลายรูปมีกำลังมากกว่า พระที่ว่าดีก็ยังยึดติดในคำสอนของอาจารย์ตัวเองโดยลืมว่าแท้จริง ใครคืออาจารย์ของศาสนาพุทธ จึงทำให้มีกลุ่มลูกศิษย์ยึดติดแต่อาจารย์ตัวเองลืมคำสอนอาจารย์ที่แท้จริง คือพระพุทธเจ้าเลย ต่างยกตนข่มท่าน ตามที่มีให้เห็นได้ในปัจจุบัน และนี่ก็เป็นปัญหาสำคัญอีกที่ทำให้ศาสนาเสื่อม ซึ่งพระศาสดาตรัสเตือนสอนสั่งไว้แล้วเมื่อสองพันกว่าปี เหล่าสาวกหลายคนก็ไม่ยอมคิดไตร่ตรองตาม และสร้างปัญหาความเสื่อมของศาสนาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อไรหนอ...ชาวพุทธจะตาสว่างและทำในสิ่งที่ถูกต้องตรงจริงตามคำสอนของพระศาสดา ทิ้งความอคติเดิมๆ หรือมิจฉาทิฎฐิ ในการยึดติดคำอาจารย์ตัวเอง ที่เปรียบเหมือนดาบสองคม คอยทำให้พระสัทธรรมเสื่อมไม่ตรงตามจริง
อาจารย์ชาวพุทธที่แท้จริงมีได้คนเดียวเท่านั้นคือ"พระพุทธเจ้า" ถูกผิดก็ต้องว่ากันตามหลักฐานคำสอนของพระศาสดา
หากพระมีความระอายต่อบาปบ้างก็จะดีมากๆ เลิกใช้ศาสนาหากินแบบผิดๆ บ้าง
ให้ความรู้ตามคำสอนของพระศาสดาจริงๆ ความเสียหายจะไม่มีในศาสนาแน่นอน
ชาวพุทธที่ศรัทธาต่อพระศาสดาจริงๆ ท่านจะลุกขึ้นสู้กับความผิดที่มีต่อศาสนากันได้เมื่อไรน้อ....
ใครมีกำลัง ศักยะภาพ ชวนๆ กันบ้างนะ อย่าปล่อยให้มารมาใช้ศาสนาหากินในทางผิด และถ่ายทอดสิ่งผิดๆ เพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ใส่ตัว
ทำให้ชาวพุทธผู้มีความไม่รู้ หลงงมงายตาม และพลอยทำลายศาสนาไปด้วย
ตื่นๆ เถิดชาวพุทธเอ้ย...!!!
ชาวพุทธเอ้ย...ท่านกำลังทำอะไรต่อศาสนาอยู่?
การศึกษาคำสอน ไม่ใช่จะเฉพาะเจาะจงที่พระ ฆราวาสเองก็จำเป็นต้องศึกษาอย่างยิ่ง
ลักษณะคำสอนของพระศาสดาหลายเรื่องอาจเข้าใจยาก และหากอ่านจากพระสูตร ผู้ใหม่จะงงๆ เพราะนั่นคือคำสอนที่ตรัสกับคนที่จะเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด 500 รูป การสื่อสารย่อมแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
เหมือนสูตร E = mc 2 ของไอน์สไตน์ จะมีสักกี่คนที่เห็นสูตรนี้แล้วเข้าใจหากไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อน แต่...ก็มีสูตรที่ทำได้จริง และสามารถศึกษากันได้ และน้อยคนนักจะเข้าใจ ยิ่งไม่ศึกษาเลยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจ เช่นเดียวกันกับคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" หากไม่ศึกษาไม่มีพื้นฐานทางธรรมก็ไม่อาจเข้าใจได้เองเช่นกัน นี่คือสูตรที่ใช้หลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีความละเอียดแยบคาย ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ง่าย แต่ก็สามารถศึกษาทำความเข้าใจได้ (ก็แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน)
ต้องอาศัยขอคำอธิบายกับผู้ที่รู้ตรงกับพระศาสดา บางอย่างก็อาจตีความผิดได้ เพราะฉะนั้นให้ทำใจกลางๆ ไว้ และพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ให้คงพระสูตรไว้ เพราะในกาลต่อไป การตีความบางเรื่องอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ เมื่อมีผู้ค้นพบพระสูตรบางเรื่องที่เป็นสิ่งช่วยคลี่คลายคำสอนบางเรื่องที่ยังไม่กระจ่างชัด
แต่ยุคสมัยนี้ มีคนศึกษาและอ่านพระสูตรมากขึ้น เนื่องจากมีเทคโนฯ การสื่อสารที่ทันสมัย ทำให้มีการพูดคุยทำความเข้าใจได้ดีขึ้น
แต่...ก็ใช่ว่าการศึกษาธรรมะจะเป็นไปตามสมควรแก่ชาวพุทธ ฆราวาสส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นหน้าที่ของพระ แต่...ต้องเข้าใจความจริงด้วยว่า แม้แต่พระที่อาจบวชมาหลายพรรษา ก็ใช่ว่าจะศึกษาและเข้าใจคำสอนของพระศาสดาได้ตามสมควรนะ พระหลายรูปยังไม่เข้าใจอริยสัจสี่ แต่สวดมนต์ให้พร เวลาใส่บาตรงานบุญคล่อง แต่เอาเข้าจริงไม่ค่อยรู้คำแปลหรือความหมายในสิ่งที่สวดเท่าที่ควรจะเป็น นี่ก็เหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ศาสนาเสื่อมได้
ขนาดคนยุคปัจจุบัน มีการสื่อสารทันสมัย มีความรู้มากขึ้น ก็ยังมีน้อยคนที่ศึกษาทำความเข้าใจธรรมะ พระไตรปิฎกตามวัดต่างๆ ใส่ตู้ไว้ตั้งโชว์ นึกซิ ย้อนไปในอดีต เอาแค่ร้อยปีพอ หนังสือคำสอนของศาสดามีน้อยมาก แล้วพระหลายรูปก็อ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ การจะเข้าคำสอนพระศาสดาได้ดีตรงจริงนั้นย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่ๆ แต่พระศาสดาก็เคยตรัสสอนไว้ว่า แม้เข้าใจคำสอนท่านสักบท ก็ย่อมได้ประโยชน์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอหากต้องการบอกสอนผู้อื่น
คนในอดีตอาศัยศึกษาธรรมะจากอาจารย์ตัวเอง และต่างก็อยู่กันกระจัดกระจาย มีมากอาจารย์ที่ถ่ายทอดกันตามภูมิรู้ของตัวที่สืบทอดต่อๆ กันมา บางเรื่องหรือหลายเรื่องด้วยซ้ำที่ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดาอย่างแท้จริง แต่หลายเรื่องก็ทำตามกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ละที่ก็สอนต่างกันบ้างเหมือนกันบ้าง นี่ก็คือเหตุสำคัญอีกเช่นกันที่ทำให้ศาสนาเสื่อม
อย่างเช่นมีหลายที่สอนว่าวิญญานเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งพระศาสดาไม่เคยสอนอย่างนั้นเลย และชาวพุทธหลายคนก็ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ และยังพากันเข้าใจว่าวิญญานเวียนว่ายตายเกิดตามที่คนโบราณสืบทอดกันมา
พวกเราชาวพุทธยังไม่เข้าใจธรรมะของพระศาสดากันตามสมควร และยังมีพระหลายรูปหรือโยมบางคนแอบใช้ศาสนาหากินกับความไม่รู้ของญาติโยมกันอยู่มาก
ไม่มีพระรูปไหนกล้าพอและมีหน้าที่โดยตรงที่จะสนใจตั้งใจจริงแก้ไขสิ่งผิด เพราะพระไม่ดีหลายรูปมีกำลังมากกว่า พระที่ว่าดีก็ยังยึดติดในคำสอนของอาจารย์ตัวเองโดยลืมว่าแท้จริง ใครคืออาจารย์ของศาสนาพุทธ จึงทำให้มีกลุ่มลูกศิษย์ยึดติดแต่อาจารย์ตัวเองลืมคำสอนอาจารย์ที่แท้จริง คือพระพุทธเจ้าเลย ต่างยกตนข่มท่าน ตามที่มีให้เห็นได้ในปัจจุบัน และนี่ก็เป็นปัญหาสำคัญอีกที่ทำให้ศาสนาเสื่อม ซึ่งพระศาสดาตรัสเตือนสอนสั่งไว้แล้วเมื่อสองพันกว่าปี เหล่าสาวกหลายคนก็ไม่ยอมคิดไตร่ตรองตาม และสร้างปัญหาความเสื่อมของศาสนาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อไรหนอ...ชาวพุทธจะตาสว่างและทำในสิ่งที่ถูกต้องตรงจริงตามคำสอนของพระศาสดา ทิ้งความอคติเดิมๆ หรือมิจฉาทิฎฐิ ในการยึดติดคำอาจารย์ตัวเอง ที่เปรียบเหมือนดาบสองคม คอยทำให้พระสัทธรรมเสื่อมไม่ตรงตามจริง
อาจารย์ชาวพุทธที่แท้จริงมีได้คนเดียวเท่านั้นคือ"พระพุทธเจ้า" ถูกผิดก็ต้องว่ากันตามหลักฐานคำสอนของพระศาสดา
หากพระมีความระอายต่อบาปบ้างก็จะดีมากๆ เลิกใช้ศาสนาหากินแบบผิดๆ บ้าง
ให้ความรู้ตามคำสอนของพระศาสดาจริงๆ ความเสียหายจะไม่มีในศาสนาแน่นอน
ชาวพุทธที่ศรัทธาต่อพระศาสดาจริงๆ ท่านจะลุกขึ้นสู้กับความผิดที่มีต่อศาสนากันได้เมื่อไรน้อ....
ใครมีกำลัง ศักยะภาพ ชวนๆ กันบ้างนะ อย่าปล่อยให้มารมาใช้ศาสนาหากินในทางผิด และถ่ายทอดสิ่งผิดๆ เพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ใส่ตัว
ทำให้ชาวพุทธผู้มีความไม่รู้ หลงงมงายตาม และพลอยทำลายศาสนาไปด้วย
ตื่นๆ เถิดชาวพุทธเอ้ย...!!!