สิ่งที่ IT Support ควรทำและไม่ควรทำเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

จากการที่ผมได้อ่านกระทู้จำนวนมาก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับฝ่าย IT ซึ่งสรุปจากปัญหาของหลายๆท่านจะเป็นดังนี้

1.    งานครอบคลุมไปหมดตั้งแต่ซ่อมเครื่อง ไปจนถึงต่อเน็ตเวิร์ค เดินสายแลน รวมไปถึงเขียนโปรแกรม
2.    ค่าตอบแทนไม่ได้อย่างใจ

     ซึ่งพอ 2 ข้อนี้มาสรุปจริงๆแล้วก็คือ เงิน กับ งาน ไม่ถูกใจเรา ดังนั้นผมจึงใคร่ขอชี้แจงก่อน นายจ้างต้องการอะไรจากเรากันแน่
ซึ่งนายจ้างในที่นี้ก็คือตัวแทนของบริษัทนั่นเอง มีดังนี้ครับ

1.    เพิ่มยอดขาย แน่นอนที่สุด นายจ้างทุกคนต้องการยอดขาย เราจึงเห็นฝ่ายขายมักจะมีบทบาทสำคัญในบริษัท เสมอ

2.    ลดต้นทุน ปัจจุบันค่าแรงประเทศเราได้ปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะประเทศเรา
ก็ประกอบไปด้วยคนที่เหมือนๆกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ค่าครองชีพสูงขึ้นเพราะทุกอย่างมีต้นทุน เราไม่สามารถที่จะจ้าง
คนจำนวนมากมานั่งๆนอนๆ หรือไม่สร้างผลผลิตได้อีกต่อไป ทุกคนในบริษัท ต้องทำงานเหมือนกล้ามเนื้อที่จะนำพาบริษัทให้แข่งขันได้

3.    เพิ่มกำไร  มาจากการเพิ่มประสิทธิภาพ ขั้นตอนงานไหนที่ลดได้แล้วให้ประสิทธิผลเท่าเดิม หรือกระบวนการที่ใช้เวลาให้น้อยลง

เมื่อเรารู้แล้วว่าปัญหาของเราคืออะไร และนายจ้างต้องการอะไร เราจึงต้องมาดูก่อนว่าเพราะอะไร เราจึงต้องทำงานหลายหน้าที่
ที่เป็นเช่นนี้เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำหน้าที่เซ็ตอัพระบบเน็ตเวิร์คเสร็จ แล้วเราก็นั่งว่างๆ อะไรที่เป็นหน้าที่ใกล้เคียงกันเรา
ก็ควรจะทำด้วยความเต็มใจ ผมยกตัวอย่างนะครับ สมมุติว่า

มีเจ้าของไร่เขาจ้างเราเกี่ยวข้าว เราทำได้วันละ 10 ไร่ เป็นอย่างนี้มา 3 ปี
ต่อมาเจ้าของไร่ลงทุนซื้อรถเกี่ยวข้าวมาเป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งพอเราใช้รถเราสามารถทำงานทั้ง 10 ไร่จบได้ใน 1 ชั่วโมง
ถามว่าเขาใช้ให้เราทำงานนวดข้าวต่อ ซึ่งเราก็ไม่พอใจ แต่เราจะนั่งเฉยๆไปอีก 7 ชั่วโมงหรือเปล่า?

ที่ผมยกตัวอย่างมาก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามองมุมของเราว่า นายจ้างใช้งานเราหลายหน้าที่ จ่ายเงินเดือนเท่าเดิม
แต่นายจ้างมองในมุมว่า เขาต้องลงทุนซื้อเครื่องไม้เครื่องมือมา ขณะที่เรามีเวลามากขึ้น เราก็ควรจะช่วยเหลือเขาในหลายๆด้าน

ที่ผมเปรียบเทียบให้ดูก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันเครื่องมือดีๆที่ใช้ในการทำงาน IT มีเยอะมาก โปรแกรมดีๆ อย่าง MS SQL
ตั้งแต่ 2005-2014 มีรุ่นที่แจกฟรี ซึ่งรองรับฐานข้อมูลระดับ 10 G(อันนี้ผมถือว่ายอดมากนะครับ Database Engine
สามารถใช้ทำงานในองค์กรขนาดเล็กๆเอามาแจกฟรีกันเลย) อยากจะเขียนฟอร์มก็มีแจกฟรีอีกคือ visual studio express
นี่ยังไม่พูดถึง พวก Input data อีกนะครับ ปืนยิงบาร์โค๊ด ที่ทำให้การป้อนข้อมูลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เครื่องแสกนลายนิ้วมือ
ที่ทำให้การคิดระบบ Payroll สมัยก่อนที่ต้องใช้คนสามสี่คนในองค์กรขนาดใหญ่คิดตอนสิ้นเดือน ก็เหลือคนเดียวใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
นี่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัจจุบันมันมีเครื่องมือทาง IT ที่ทำให้งานด้านคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้นมากๆ

ดังนั้นผมจึงขอสรุปเทคนิคในทำยังไงให้เรามีความก้าวหน้าที่อาชีพ IT คำว่าก้าวหน้าในที่นี้คือโอกาสในการได้รับผลตอบแทนเพิ่ม
โดยเราต้องให้การทำงานเป็นไปในลักษณะการตอบสนองความต้องการของบริษัท คือเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพให้ได้กำไร
ทีนี้จะทำอย่างไรล่ะครับ ให้ไปขายของเหรอ ไม่แน่นอน ก่อนอื่นต้องเริ่มด้วยการทำให้งานปัญญาอ่อนหายไปก่อน

1.    อย่าเสียเวลาทำงานเดิมๆโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย - งานลง OS ซ้ำซาก อย่าให้ชาว IT ผู้น่ารักอย่างเราต้องมาใช้เวลาในชีวิต
ด้วยการลง OS ที่เครื่องเดิมบ่อยๆด้วยการทำงานที่ผิดพลาดของ User เช่นปิดเครื่องไม่ถูก, ดึงปลั๊กไฟออกกระทันหัน,
เอาโปรแกรมแปลกๆมาลงจนเครื่องรวน, ไฟดับ, ไวรัส, ตั้งค่าเครื่องจนสับสน, หา Grave accent ไม่เจอ ฯลฯ
ปัญหาพวกนี้คือค่าใช้จ่ายความไม่ฉลาดของเรา ต่อให้ทำจนขาดใจตายก็ไม่ได้ความดีเพิ่ม เพราะอะไร? เพราะบริษัท ไม่ได้เงิน
ไม่ได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจากการที่เราต้องมาแก้ปัญหาพวกนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือหาโปรแกรมล๊อกไดรว์จำพวก Deepfreeze มาติดตั้งซะ
จัดการเซ็ตเครื่องจนพอใจในตอนเริ่มต้น แล้วให้โปรแกรมทำงาน ส่วนHardware อย่าเห็นแก่ราคาจนเกินไป
เลือกของที่มีคุณภาพจะคุ้มค่ากว่า พวกสายแลนก็เลือกแบบที่เป็นพลาสติกหนาอย่างดี เขี้ยวตรงหัวแข็งแรงไม่หักเปราะง่าย
จะทำให้งานเราง่ายขึ้นเยอะ

2.    มุ่งเน้นพัฒนาระบบให้ตรง จปส.ของบริษัท -หลังจากเราทำข้อหนึ่งเสร็จไปแล้ว ก็จะมีเวลามากขึ้น เพราะเราทำงานแค่ครั้งเดียว
ใช่ไหมครับ งานจากนี้ไปจะเป็นเรื่องการพัฒนาเว็บไซต์(หากนายสั่งมา), การทำApplication ใหม่ๆเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทเช่น

    2.1การทำฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์การขาย คิดดูสิครับว่า ฐานข้อมูลบริษัทก็มีแล้ว
        เราเป็นฝ่ายไอทีสามารถสนับสนุนการขายได้โดยการวิเคราะห์สินค้าแต่ละกลุ่ม ก็แค่เขียนคิวรีเอามาประมวลผลออกเป็นรายงานที่สวยงาม
        นี่คือส่วนของเราในการสนับสนุนเพิ่มยอดขาย เปลี่ยนจากเซลล์ที่ต้องออกหาลูกค้าแบบสะเปะสะปะมาเป็นการโฟกัสกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย
        ที่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูล หรือหากดีกว่านั้นก็พัฒนาเว็บที่ช่วยสนับสนุนในการขายทั้งรับออเดอร์ , นำเสนอข้อมูลสินค้า ฯลฯ

    2.2การลดต้นทุน เราสามารถทำแบบจำลอง(Scenario) เพื่อสมมุติเหตุการณ์ เช่นในปีที่มีการปรับค่าแรงเป็น 300 หรือสูงกว่านั้น
        เราสามารถเสนอนายได้ว่า ต้องการแบบจำลองค่าใช้จ่ายไหม หากทำแล้วจะต้องเพิ่มลดคนด้านไหนเป็นหลัก
        มีหลายสถานการณ์มากๆเลยนะครับ ที่เราจะใช้เวลาเพื่อพัฒนาแบบจำลองพวกนี้

    2.3การเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลกำไรให้บริษัท ก็อาศัยฐานข้อมูลนี่อีกล่ะครับ อยากรู้อะไรก็ทำคิวรีไป
        ทำฟอร์มให้ฝ่ายต่างๆใช้งานได้ง่าย และใช้ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาเรา อย่าพยายามทำตัวเป็น User เอง เขาอยากได้ Report แบบไหน
       เราทำจัดให้รวมไปถึงฟอร์มให้ง่ายต่อการใช้งาน แล้วลงที่ตัว Server จากนั้นก็เขียนโปรแกรมเล็กๆให้เรียกจากเครื่องลูกข่ายที่เขาใช้
       เน้นนะครับ เราต้องทำหน้าที่เป็นคนสร้าง Application ให้ฝ่ายที่ต้องการเอาไปใช้ ไม่ใช่เป็นคนทำเสียเอง เพราะไม่อย่างนั้นเวลาของเรา
       ที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆจะหมดไป

สรุปแล้วก็คือว่า อย่าให้เวลาอันมีค่าของเราไปจมกับข้อหนึ่ง แต่ให้ไปอยู่ที่ข้อสองแทน เพราะมันเพิ่มผลผลิตให้องค์กร นั่นหมายถึงเรา
จะมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งเพิ่ม Chance ในการได้รับผลตอบแทน

          ประสบการณ์ของผมอาจเป็นสิ่งที่หลายๆคนรู้อยู่แล้วแต่ จปส. ที่ผมทำบทความนี้ขึ้นมาก็เพื่อชี้แนะแนวทาง IT รุ่นใหม่ๆ  
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราก็คือเวลา พยายามสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกๆคน ทำงานด้วยคุณภาพมาตรฐานชั้นหนึ่ง
เพราะมันจะลดเวลาที่เราต้องมาแก้ไขงานหยาบๆที่เราทำไป ส่วนเรื่องเงิน หากเรามีส่วนในการผลักดันให้บริษัท บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว
โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนสูงขึ้นก็มีแน่นอนครับ.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่