ขอความเห็นเพื่อนๆ ชาว พันทิป และมนุษย์เงินเดือนทุกท่าน
ยุคสมัย ปัจจุบันจะเรียกกันว่า ยุคของวัตถุนิยม คนเราจะต้องแสวงหา แต่ตัววัตถุที่จะมาปรนเปรอความสะดวกสบายให้กับตัวเอง
เป็นยุคแห่งการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุ มาครอบครองเป็นของตัวเอง ปากกัดตีนถีบ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอน เข้ากะ
ใช้แรงงานเพื่อแลกเป็นเงิน เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ ไปแลกกับวัตถุ นั่นเอง ซึ่งนั่งคิดไปคิดมาแล้ว ชีวิตคนเรานี่ สมัยนี้ ทำงานยิ่งกว่า ทาส
กันเลยทีเดียว ทำให้สังคมในปัจจุบันความเป็นอยู่ ค่อนข้างลำบากมากขึ้น นอนน้อยลง ทำงานเยอะขึ้น นำเรื่องงานมาคิดที่บ้าน บางวันนอน
ก็ไม่ค่อยจะหลับ เพราะทั้งหนี้ที่ตัวเองไปกู้เขามา และยังต้องอนาคต ของบุตร ธิดา ที่ตัวเองได้บรรจงปั้นขึ้นมาอีก คิดอีก ก็คิดอีก คิดๆๆๆ
ตั้งแต่เรียนจบมาเนี่ย เคยได้พักผ่อนบ้างไหม บางคนไม่เคยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เรียนจบ ก็ต้องหางานทำ (เพราะเป็น Collection เรียนมามีงานทำ ต้องทำงาน)
พอทำงานสักระยะ ก็อยากได้สิ่งอำนวยความสะดวก สบายแก่ตน ก็เกิดหนี้ก้อนแรกขึ้น (เปรียบเหมือน กาว ) จะออกจากงานก็ไม่ได้ เพราะมีหนี้บังคับ
อยู่ ตลอดจนไปถึงหนี้ ก้อน สอง .. ก้อน สาม ทำงานกันยันเกษียนเลยล่ะกัน สรุปชีวิตคนเรา ก็เหมือนหมากที่กำหนดให้เดินไว้แล้ว
ตั้งแต่เรียน อนุบาล จนจบ ป.ตรี ป โท.....เอก ก็แล้วแต่ ตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ จนอายุ 23 ปี(เกือบครึ่งชีวิต) อยู่กับการเรียน เพื่อที่จะเอามาทำงาน หาเงิน
เงินเดือน 15,000 บาท (ตามนโยบาย รัฐบาล) เมื่อมาคิดคำนวนดู ค่าห้องเช่า 4,000 ค่ากินค่าเที่ยว 8,000 ค่าอื่นๆ หมดพอดี
ตกลงที่เรียนมาตั้งเยอะ เพื่อจะมาทำงานกินเงินเดือน ให้พออยู่ พอกินไปวันๆ (โบนัสออก ถอยรถยนต์) แค่นี้ จนเกษียน ก็จบชีวิตลงด้วย โรค จากการทำงาน
โรคจากการกิน (ลงพุงเพราะเบียร์) โดยบางคนยังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย ตั้งแต่เริ่มเรียน จนถึงวัยทำงาน และเกษียน ยังต้องทำงานเลี้ยงหลาน
นี่แหละครับทางเดินของมนุษย์ ยุค สังคมนิยมวัตถุ และวงจรชีวิตที่ปฏิบัติกันมา (เรียนจบทำงาน) นอกเสียจากบางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และแตกต่าง
ที่จะไม่เดินไปตามเส้นทางนี้ (ฉีกแนว) ซึ่งคนเหล่านี้มีน้อย มาก ซึ่งเขาจะหลุดจากวงจรเหล่านี้ และใช้ชีวิตอย่างที่เขาจะเป็น
และเป็นคนกำหนดมันเอง
ปล. ความคิดสะท้อนสังคม
เป็นไปตามยุคสมัย (วัตถุนิยม)
ยุคสมัย ปัจจุบันจะเรียกกันว่า ยุคของวัตถุนิยม คนเราจะต้องแสวงหา แต่ตัววัตถุที่จะมาปรนเปรอความสะดวกสบายให้กับตัวเอง
เป็นยุคแห่งการแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุ มาครอบครองเป็นของตัวเอง ปากกัดตีนถีบ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ อดหลับอดนอน เข้ากะ
ใช้แรงงานเพื่อแลกเป็นเงิน เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ ไปแลกกับวัตถุ นั่นเอง ซึ่งนั่งคิดไปคิดมาแล้ว ชีวิตคนเรานี่ สมัยนี้ ทำงานยิ่งกว่า ทาส
กันเลยทีเดียว ทำให้สังคมในปัจจุบันความเป็นอยู่ ค่อนข้างลำบากมากขึ้น นอนน้อยลง ทำงานเยอะขึ้น นำเรื่องงานมาคิดที่บ้าน บางวันนอน
ก็ไม่ค่อยจะหลับ เพราะทั้งหนี้ที่ตัวเองไปกู้เขามา และยังต้องอนาคต ของบุตร ธิดา ที่ตัวเองได้บรรจงปั้นขึ้นมาอีก คิดอีก ก็คิดอีก คิดๆๆๆ
ตั้งแต่เรียนจบมาเนี่ย เคยได้พักผ่อนบ้างไหม บางคนไม่เคยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เรียนจบ ก็ต้องหางานทำ (เพราะเป็น Collection เรียนมามีงานทำ ต้องทำงาน)
พอทำงานสักระยะ ก็อยากได้สิ่งอำนวยความสะดวก สบายแก่ตน ก็เกิดหนี้ก้อนแรกขึ้น (เปรียบเหมือน กาว ) จะออกจากงานก็ไม่ได้ เพราะมีหนี้บังคับ
อยู่ ตลอดจนไปถึงหนี้ ก้อน สอง .. ก้อน สาม ทำงานกันยันเกษียนเลยล่ะกัน สรุปชีวิตคนเรา ก็เหมือนหมากที่กำหนดให้เดินไว้แล้ว
ตั้งแต่เรียน อนุบาล จนจบ ป.ตรี ป โท.....เอก ก็แล้วแต่ ตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ จนอายุ 23 ปี(เกือบครึ่งชีวิต) อยู่กับการเรียน เพื่อที่จะเอามาทำงาน หาเงิน
เงินเดือน 15,000 บาท (ตามนโยบาย รัฐบาล) เมื่อมาคิดคำนวนดู ค่าห้องเช่า 4,000 ค่ากินค่าเที่ยว 8,000 ค่าอื่นๆ หมดพอดี
ตกลงที่เรียนมาตั้งเยอะ เพื่อจะมาทำงานกินเงินเดือน ให้พออยู่ พอกินไปวันๆ (โบนัสออก ถอยรถยนต์) แค่นี้ จนเกษียน ก็จบชีวิตลงด้วย โรค จากการทำงาน
โรคจากการกิน (ลงพุงเพราะเบียร์) โดยบางคนยังไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย ตั้งแต่เริ่มเรียน จนถึงวัยทำงาน และเกษียน ยังต้องทำงานเลี้ยงหลาน
นี่แหละครับทางเดินของมนุษย์ ยุค สังคมนิยมวัตถุ และวงจรชีวิตที่ปฏิบัติกันมา (เรียนจบทำงาน) นอกเสียจากบางคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และแตกต่าง
ที่จะไม่เดินไปตามเส้นทางนี้ (ฉีกแนว) ซึ่งคนเหล่านี้มีน้อย มาก ซึ่งเขาจะหลุดจากวงจรเหล่านี้ และใช้ชีวิตอย่างที่เขาจะเป็น
และเป็นคนกำหนดมันเอง
ปล. ความคิดสะท้อนสังคม