โสดร่วมสมัย เทรนด์ใหม่ของสาวในเมือง

กระทู้สนทนา
เห็นทุกคนชอบตั้งกระทู้ถามเรื่องความโสดกันเยอะ บังเอิญไปเจอบทความน่าสนใจมาคะ เลยขอเอามาโพสให้เพื่อนๆอ่านกันนะคะเผื่อจะมีประโยชน์คะ^^

คำว่า รอเป็นคำสั้น ๆ แต่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอ เคยรู้สึกไหมว่าคุณเกิดมาเพื่อรอใครสักคน? (จากรักที่รอคอย)
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้าคุณป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับความรู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือเปล่าว่าชีวิตฉันอ้างว้างเหลือเกิน ท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อมแต่ฉันกลับเหงาและเปล่าเปลี่ยวเบื้องลึกของหัวใจเหลือเกิน ใช่แล้วนั่นเป็นเพราะฉันเป็น " สาวโสด!" ถ้าใช่ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดอ่านเรื่องนี้


โสดร่วมสมัย


คนส่วนใหญ่อาจเคยได้ยินคำว่า วรรณกรรมร่วมสมัย ศิลปะร่วมสมัยหรือดนตรีร่วมสมัยกันมาบ้างแล้ว แต่คงไม่เคยมีใครได้ยินคำว่า "โสดร่วมสมัย"กันมาก่อนเป็นแน่

โสดร่วมสมัยหรือ Contemporary Position เป็นคำที่ใช้เรียกถึงความเป็นสาวโสดในเมืองใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา คำว่า "โสด"เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เราจะเห็นได้ทั่วไป แต่ยังไม่เคยมีใครทำการศึกษาสถานภาพและปรากฎการณ์ตลอดจนผลที่เกิดจากความโสดของสาวไทยในเมืองใหญ่อย่างจริงจัง


"โสดร่วมสมัย"จะแบ่งลักษณะของปรากฎการณ์และสถานภาพของผู้หญิงโสดของไทยได้ 4 ลักษณะคือ..

1. เป็นกลุ่มสาวโสดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หมายความว่า ช่วงเวลาของสาวโสดกับสังคมปัจจุบันแต่ละช่วงมักกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10-15 ปีไม่ว่าสาวโสดนั้นจะมีแนวคิดในเรื่องของความโสดประเภทใดก็ตามก็ถือว่าเป็นโสดร่วมสมัยเหมือนกัน

         2. มีแนวความคิดของ 'คนโสด' เหมือนกัน ซึ่งอาจปรากฎได้แม้ต่างสมัยกัน เช่น แนวคิดโสดสุขใสซาบซ่าหรือแนวคิดโสดสนิท ไม่ได้ผิดตรงไหน ในสมัยของคนเจนเนอเรชั่นบูมเมอร์สกับสมัยคนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ เป็นต้น

         3. เป็นสาวโสดที่มีแนวคิดก้าวหน้าและมีผลกระทบในทางสร้างสรรค์แก่สังคม

         4. ลักษณะสาวโสดไทย ที่พิจารณาจากลักษณะแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมหลังจากรับอิทธิพลจากแนวคิดของสาวโสดในตะวันตก เช่น แนวคิดการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก

โสดนี้มีที่มา



ไม่ว่าขณะนี้ คุณกำลังเป็นโสดซ่อนกิ๊ก โสดภาคบังคับ โสดสนิทไม่ติดใจโสดรอได้ โสดเพ้อฝัน โสดซาบซ่า ทั้งหมดนี้ถือว่าคุณมีสถานภาพเป็นสาวโสดเหมือนกันหมดในสังคมสมัยก่อนส่วนใหญ่มองผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานในเชิงลบสมัยนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่คำที่ใช้เรียกสาวโสดก็ยังไม่เปลี่ยน เช่น ขึ้นคานสาวทึนทึก สาวแก่ ยัยป้าค้างหิ้ง ฯลฯ ในภาษาอังกฤษสาวโสดจะใช้คำว่า Single เป็นคำเรียกกลาง ๆ แต่อีกสองคำคือ Spinster และ OldMaid แปลว่า สาวทึนทึก หรือสาวแก่จะมีความหมายแฝงเป็นเชิงลบและแสดงการดูถูกสาวโสดว่า เป็นผู้ที่ไม่ได้ถูกเลือกในขณะที่หนุ่มโสด ภาษาอังกฤษใช้คำว่า 'Bachelor' มีความหมายในแง่บวกทำนองว่าเป็นหนุ่มรักอิสระ รักสนุก ไม่ชอบผูกมัด และมีทางเลือก

ในขณะที่คำศัพท์แสลงของชาวออซซี่ที่ใกล้เคียงในการเรียกสาวโสดก็คือ'Left on the shelf' ความหมายจะใกล้เคียงกับคำว่า 'ขึ้นคาน' หมายถึง เหลืออยู่บนหิ้ง หรือชั้นวางของ

ส่วนคำว่า ขึ้นคาน ของไทย เป็นสำนวนหมายถึงหญิงที่มีอายุเลยวัยสาว (ไม่ได้บอกว่าตั้งแต่อายุเท่าไหร่) แต่ยังไม่ได้แต่งงานมีนัยตำหนิ เพราะโบราณจะนิยมให้ผู้หญิงแต่งงานจะได้มีคนดูแลปกป้องและไม่โดดเดี่ยวส่วนที่มาของคำว่าขึ้นคาน ขุนวิจิตรมาตรา ปราชญ์ภาษาไทย ได้แสดงอรรถาธิบายไว้ว่ามาจากการเรียกเรือที่ยกขึ้นพาดไว้บนคานเพื่อซ่อมรอยรั่ว ในตอนนั้นเรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ค้างเติ่งอยู่บนคาน จึงมีการนำคำว่าขึ้นคานมาเรียกสตรีผู้ถึงวัยมีสามีแล้วแต่ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้นมีคู่เปรียบเป็นเหมือนกับเรือที่อยู่บนคาน

โสดในเมืองใหญ่


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีคำเรียกสาวโสดว่าขึ้นคานให้ได้ยินอยู่เป็นประจำแต่จากผลการสำรวจพบว่า ผู้หญิงไทยยุคใหม่ร้อยละ 98 มองว่าการขึ้นคานไม่ใช่สิ่งที่แปลกอีกต่อไปจากข้อมูลยังพบว่า ผู้หญิงสมัยนี้จะแต่งงานก็ต่อเมื่อมีความพร้อมทางสถานะทางสังคมเช่น มีตำแหน่งหน้าทีการงานที่ดี มีความพร้อมทางด้านการเงินและมีความพร้อมทั้งในครอบครัวของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายทำให้ผู้หญิงคิดว่าอายุที่เหมาะสมที่ตนเองถึงวัยอันสมควรและพร้อมจะแต่งงานคืออายุประมาณ 26-30 ปีและถ้าเลยอายุช่วงนี้ไปผู้หญิงเกือบร้อยละ 90 จะเริ่มกังวลว่าตนเองจะขึ้นคานแต่ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลผู้หญิงยุคใหม่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะสามารถที่จะหาเลี้ยงและพึ่งพาตนเองได้และถ้าไม่สามารถหาผู้ชายที่ดี ๆ ได้ก็อยู่เป็นโสดดีกว่า

ทุกวันนี้คนเมืองใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวเมืองในกรุงเทพมหานคร กำลังปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับ 'คติเมือง' หรือ Urbanism เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่าง'ปัจเจกนิยม' โดยอาศัยอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความเจริญทางวัตถุและความหลากหลายของวัฒนธรรมที่ถาโถมเข้ามา

จากงานวิจัยของ บ.นาโน เซิร์ช จำกัด พบว่า ผู้หญิงไทยในกรุงเทพฯ ร้อยละ 41 ยังครองชีวิตโสดอยู่ แบ่งช่วงอายุออกเป็น 2 ช่วงคืออายุ 25-35 ปี ร้อยละ 50 และอายุ 36-45ปี ร้อยละ 50 สัดส่วนเท่ากันและที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอยู่ถึงร้อยละ 95.5 และทำงานอาชีพพนักงานบริษัทเอกชนร้อยละ 78.5

ส่วนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนโสดจึงเป็นที่น่าจับตาของธุรกิจหลาย ๆ ประเภท เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ตัดสินใจได้ง่ายกว่า จากการศึกษาพบว่าสาวโสดร้อยละ 55 มีการถือบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ ในขณะที่สาวโสดร้อยละ 67 รู้สึกดีกับการใช้ชีวิตโสดส่วนอีกร้อยละ 33 ไม่รู้สึกดีหรือไม่ชอบชีวิตโสด

โสดขึ้นคาน

ถึงแม้สาวไทยที่ยังโสดอยู่จะมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นในทุกวันนี้แต่สาวโสดก็ยังคงต้องฝ่าฟันกับทัศนคติและความเชื่อของคนทั่วไปที่มีอคติกับคนโสดอยู่ดี

คนส่วนใหญ่มักเรียกหรือสร้างสถานการณ์ทำให้คนที่ยังโสดอยู่ กลายเป็นเรื่องราวฮาเรี่ยราดขำขันกระจายกันสนุกปาก ขณะที่เจ้าตัว 'คนโสด' เอง กลับคิดว่ามันเป็น 'ตลกร้าย' ที่แฝงการเหยียดสถานภาพเราอาจคุ้นเคยกับเรื่องการเหยียดสีผิว เหยียดชนชั้น กันมาพอสมควรแต่การเหยียดสถานภาพของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในการเรียกร้องสิทธิกันอย่างจริงจัง

         "อายุป่านนี้ทำไมยังไม่แต่งงาน""เมื่อไหร่จะลงจากคาน" "ไม่มีใครเอาเหรอ" ฯลฯคำถามเหล่านี้กลายเป็นคำถามต้องห้ามแสลงใจสาวโสด ที่คนส่วนใหญ่มักถามซ้ำ ๆ ซาก ๆกับผู้หญิงที่ถึงวัยแต่งงาน (แต่จริง ๆ แล้วไม่มีมาตรฐานไม่ใช่หรือว่าต้องอายุเท่าไหร่จึงควรแต่งงาน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) แต่ก็ยังไม่ได้แต่ง
ในขณะที่ 1 ใน 3 ของสาวโสดรู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดของคนในสังคมที่มักกระทบกระเทียบ"ความเป็นโสด" ประหนึ่งมีความผิดร้ายแรง โดยตั้งใจหรือไม่นั้นคำพูดก็แสดงออกถึงมุมมองของผู้พูดที่มีต่อ "สาวโสด" ได้ส่วนหนึ่ง

ในจำนวนนี้ผู้หญิงโสดวัย 32 ที่ทำงานท่ามกลางผู้หญิงวัยรุ่นเปิดเผยความรู้สึกว่า เธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากกับคำถามเหล่านี้โดยเฉพาะคำล้อเล่นว่า "สาวแก่" เป็นความรู้สึกยากที่จะยอมรับทีเดียวเพราะการที่เธอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดนั้นก็เพียงเพราะเธอยังไม่พบคนที่"ใช่"

โสดสนิท มันผิดตรงไหน



"มันผิดตรงไหน ถ้าชอบอยู่คนเดียว แล้วไม่คิดที่จะโหยหาใคร"แปม-นุชนารถ นักข่าวสาววัย 29 ปี กล่าว เธอเล่าให้ WPฟังว่า เมื่อก่อนแปมจะกลัวมากกับคำว่า ขึ้นคาน หรือรถด่วนขบวนสุดท้าย แปมคบกับแฟนมาได้ 7 ปีก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็ขอเราแต่งงานในไม่ช้า แต่ที่ไหนได้เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา แปมกลายเป็น โสดฟ้าแลบ ไปเลยเพราะแฟนทิ้งแปมไปแต่งงานกับคนอื่นเฉยเลย แปมร้องไห้และสิ้นหวังที่สุดแต่พอเวลาผ่านไปจนถึงเดี๋ยวนี้ แปมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตอนนี้มีเวลาเต็มที่เหลือเวลามากพอที่จะเก็บเกี่ยวความฝันที่หายไปของตัวเองมีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น แปมให้รางวัลตัวเองได้อย่างสบายใจด้วยการตามใจตัวเอง ไม่ได้เอาชีวิตเราขึ้นอยู่กับผู้ชายอีกต่อไป แปมเรียกมันว่ารางวัลคนโสดค่ะ

เช่นเดียวกับ พร-พรทิวา สาวใหญ่วัย 41 ปีอาชีพค้าขาย ที่บอกกว่าพรหยุดเอาความฝันของตัวเองไปห้อยต่องแต่งกับคนอื่นมานานแล้วพรเห็นคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วไม่มีความสุขก็มีเยอะไปไม่ใช่ว่าพรปฏิเสธที่จะมีความรัก แต่แค่จะบอกว่า ชีวิตโสด มันมีอะไรที่เราจะเพิ่มคุณค่าและทำมากกว่าที่เราคิดและก็ไม่ใช่เป็นความคิดแบบองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวานที่ว่า เราไม่มีแฟนก็เลยพยายามพูดว่าเป็นโสดดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันเป็นเรื่องจริงโบราณเขาถึงได้บอกว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ถ้าใส่กำไล 2 วง มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงที่เกิดจากการกระทบกันถ้าอย่างนั้นก็สู้ใส่กำไลวงเดียวไม่ดีกว่าเหรอ เพราะสวยเหมือนกันแต่ไม่ต้องมีเสียงก๊องแก๊งสร้างความรำคาญ

สาวโสดหลายคนสร้างสรรค์แถมสอดแทรกอารมณ์ขันได้อย่างเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ก็ได้อารมณ์หัวเราะแบบ หึ ๆ อย่างสะใจเมื่อพวกเธอช่วยกันคิดข้อความที่ปรากฎบนเสื้อยืดว่า อย่าสติแตก ไม่แปลกถ้าฉันจะโสด!

เอาล่ะคะอ่านกันมาจนจบแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ จากข้อเท็จจริงว่าสาวในสมัยนี้เต็มใจโสดกันเยอะมากๆเนื่องจากหลายๆสาเหตุและสาเหตุที่สำคัญคือเรายังไม่เจอคนที่ใช่ก็ขอเป็นโสดดีกว่า   การเป็นโสดไมได้ผิดอะไรนะคะเพียงแต่ความเชื่อทัศนคติของไทยยังมองในแง่เหมือนสมัยก่อนอยู่บ้าง  แต่เมื่อมีเทรนความคิดสมัยใหม่เข้ามาก็ทำให้คนโสดมีจำนวนมากขึ้น   และยังต่อสู้อยู่เหนือแนวคิดเดิมๆเรื่องความโสดและการขึ้นคานไปด้วย ส่วนตัวคิดว่าเราโสดเพื่อรอคนที่ใช่ดีกว่าคบกับคนที่เราไม่ได้รักเพื่อที่จะไม่โสด   แล้วเราไม่ได้รับความสุขที่แท้จริงนะคะเอาล่ะคะโสดเป็นเรื่องธรรมชาติ ขอให้คนโสดทุกคนมีความสุขกับตัวเองและเจอคนที่ใช่ในเร็ววันนะคะ^^


ที่มา http://women.kapook.com/view14684.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่