สายการบินมาเลเซีย เที่ยวบินที่ MH370 โบอิ้ง 777-200ER บินจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ไปยังสนามบินปักกิ่ง มีผู้โดยสาร 227 คน พร้อมลูกเรือ 12 คน หายไปตั้งแต่ 8 มีนาคม พ.ศ.2557 บัดนี้ยังไม่รู้ว่าหายไปไหน
สายการบินมาเลเซีย เที่ยวบินที่ MH17 โบอิ้ง 777-200ER บินจากสนามบินอัมสเตอร์ดัม ไปยังสนามบินกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสาร 283 คน พร้อมลูกเรือ 15 คน ตกที่ชายแดนอูเครน-รัสเซีย เมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2557
เรื่องนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าถูกขีปนาวุธยิงตกหรือเปล่า? มอสโกเองก็กลัวว่าจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้ตน เมื่อพวกกบฏอูเครนจะเอากล่องดำไปให้ รัสเซียจึงปฏิเสธเสียงหลง เพราะกลัวจะโดนโลกติเตียนว่าแปลงบทสนทนาในกล่องดำ
พ่อผมให้ข้อสังเกตว่า ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของมาเลเซียกับอิสราเอลไม่ดีเอามากๆ มาเลเซียเป็นประเทศที่มีกลุ่มคนที่อยากสร้างขบวนการเพื่อมาซัดกับโลกตะวันตกและขบวนการไซออนิสต์ของยิว มากเป็นพิเศษ
ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ มุฮำหมัด ก็มีจดหมายไปด่าผู้นำของอิสราเอลอยู่หลายครั้ง
ครั้งหนึ่งเป็นจดหมายลงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2536 ส่งถึงนายยิตซัก ราบิน นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ครั้งที่สองลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2540 ส่งถึงนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ครั้งที่สามลงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2542 ส่งถึงนายเอฮุด บารัก นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล
ในจดหมายทุกฉบับเขียนถึงความจริงจังของมาเลเซียที่มีต่อการกระทำผิดกฎหมายและความโหดเหี้ยมของอิสราเอลที่คุกคามกระบวนการเจรจาสันติภาพ และเรียกร้องให้อิสราเอลทำตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับปาเลสไตน์
รวมทั้งขอให้อิสราเอลปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มาเลเซียจุ้นมากที่สุดในโลกก็คือ กดดันให้อิสราเอลปฏิบัติตามคำร้องของปาเลสไตน์เพื่อเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของสหประชาชาติ โดยยึดตามเขตพรมแดนเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ.2510 โดยมีกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์
19 มีนาคม พ.ศ.2555 ตันศรีฮารุสซานี ซากาเรีย มุฟตีของรัฐเปรักของมาเลเซียประกาศว่า ความร่วมมือกับยิวเป็นสิ่งต้องห้ามในด้านศาสนาอิสลาม แม้ว่าพวกเขาบางคนจะไม่ได้มีแนวคิดไซออนิสต์ก็ตาม
“ข้าพเจ้าพิสูจน์ได้ด้วยความโหดเหี้ยมของชนเชื้อชาติยิวที่มีต่อชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ สถานะของยิวในยุคของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เมื่อก่อนนี้ต่างจากปัจจุบัน เพราะพวกยิวถูกจัดประเภทเป็นกาเฟรซิมมีที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐอิสลาม แต่ยิวในอิสราเอลเป็นกาเฟรฮาร์บีที่ต้องทำสงครามด้วย เพราะยิวเป็นศัตรูของมุสลิม และยึดรัฐอิสลามเป็นอาณานิคม”
ดาโต๊ะศรีอับดุลฮาดี อาวัง ประธานพรรคปาสของมาเลเซียเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งออกมาพูดถึงความสัมพันธ์กับชาวยิวที่มีอุดมการณ์ไซออนิสต์และความร่วมมืออื่นกับผู้มิใช่มุสลิมทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้า
นายฟาธุล บารีหมัต ยะห์ยา ประธานคณะกรรมาธิการการชุมนุมอูลามะหนุ่มแห่งมาเลเซีย ก็ออกมาพูดหลายครั้งว่า ความร่วมมือกับยิวจะนำไปสู่ความวุ่นวายให้ศาสนาอิสลาม มีการระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานว่า ยิวจะไม่อยู่เฉย ตราบที่ชาวมุสลิมไม่ยอมทำตามคำสอนทางศาสนาของพวกเขา “เราต้องไม่หลงกลพวกยิวที่อ้างว่าไม่ได้ยึดอุดมการณ์ไซออนิสต์ เพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นละครของพวกเขาเพื่อหลอกตาพวกมุสลิม”
“เราต้องไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ที่มาจากยิว เพราะยิวมีจุดประสงค์ทำลายมุสลิมอย่างเป็นแบบแผน มุสลิมจะต้องระมัดระวังในทุกพฤติกรรมของชาวยิว อัลลอฮฺ (ซุบฯ) ทรงย้ำเตือนถึงลักษณะไม่ดีของพวกยิวในคัมภีร์อัลกุรอานไว้แล้ว”
มาเลเซียเป็นชาติรัฐขนาดเล็กที่ต่อสู้กับอิสราเอลอย่างแข็งแรงเป็นอันดับต้นของโลก ส่วนชาติรัฐอิสลามอื่นนั้น มักจะรบกับยิวด้วยอาวุธ ชาติพวกนั้นเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยที่ออกมาว่ายบนผิวน้ำให้ยิวเอามีดฟันเล่นฉับๆ จนขาดเป็นท่อนๆ
แต่มาเลเซียเป็นฉลามที่อยู่น้ำลึก เป็นประเทศเดียวที่เล่นงานอิสราเอลอย่างมียุทธศาสตร์ และเคยมีข่าวว่า มาเลเซียได้หนุน ‘อาวุธพิเศษอะไร’ บางอย่างให้พวกตะวันออกกลางใช้เล่นงานยิว
มีบางคนถึงขนาดคิดไปไกลว่า งานนี้ มาเลเซียอาจจะโดนยิวและอเมริกาสุมหัวกันสั่งสอน
เพื่อให้มาเลเซียเรียนอะไรบางอย่างพ่อผมพูดเบาๆว่า ‘อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น’.
เครดิต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มา http://www.thairath.co.th/content/437544
ปริศนามาเลยเซีย vs ยิว
สายการบินมาเลเซีย เที่ยวบินที่ MH17 โบอิ้ง 777-200ER บินจากสนามบินอัมสเตอร์ดัม ไปยังสนามบินกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสาร 283 คน พร้อมลูกเรือ 15 คน ตกที่ชายแดนอูเครน-รัสเซีย เมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2557
เรื่องนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าถูกขีปนาวุธยิงตกหรือเปล่า? มอสโกเองก็กลัวว่าจะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้ตน เมื่อพวกกบฏอูเครนจะเอากล่องดำไปให้ รัสเซียจึงปฏิเสธเสียงหลง เพราะกลัวจะโดนโลกติเตียนว่าแปลงบทสนทนาในกล่องดำ
พ่อผมให้ข้อสังเกตว่า ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของมาเลเซียกับอิสราเอลไม่ดีเอามากๆ มาเลเซียเป็นประเทศที่มีกลุ่มคนที่อยากสร้างขบวนการเพื่อมาซัดกับโลกตะวันตกและขบวนการไซออนิสต์ของยิว มากเป็นพิเศษ
ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ มุฮำหมัด ก็มีจดหมายไปด่าผู้นำของอิสราเอลอยู่หลายครั้ง
ครั้งหนึ่งเป็นจดหมายลงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2536 ส่งถึงนายยิตซัก ราบิน นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ครั้งที่สองลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2540 ส่งถึงนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ครั้งที่สามลงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2542 ส่งถึงนายเอฮุด บารัก นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล
ในจดหมายทุกฉบับเขียนถึงความจริงจังของมาเลเซียที่มีต่อการกระทำผิดกฎหมายและความโหดเหี้ยมของอิสราเอลที่คุกคามกระบวนการเจรจาสันติภาพ และเรียกร้องให้อิสราเอลทำตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับปาเลสไตน์
รวมทั้งขอให้อิสราเอลปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มาเลเซียจุ้นมากที่สุดในโลกก็คือ กดดันให้อิสราเอลปฏิบัติตามคำร้องของปาเลสไตน์เพื่อเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของสหประชาชาติ โดยยึดตามเขตพรมแดนเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ.2510 โดยมีกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์
19 มีนาคม พ.ศ.2555 ตันศรีฮารุสซานี ซากาเรีย มุฟตีของรัฐเปรักของมาเลเซียประกาศว่า ความร่วมมือกับยิวเป็นสิ่งต้องห้ามในด้านศาสนาอิสลาม แม้ว่าพวกเขาบางคนจะไม่ได้มีแนวคิดไซออนิสต์ก็ตาม
“ข้าพเจ้าพิสูจน์ได้ด้วยความโหดเหี้ยมของชนเชื้อชาติยิวที่มีต่อชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ สถานะของยิวในยุคของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เมื่อก่อนนี้ต่างจากปัจจุบัน เพราะพวกยิวถูกจัดประเภทเป็นกาเฟรซิมมีที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐอิสลาม แต่ยิวในอิสราเอลเป็นกาเฟรฮาร์บีที่ต้องทำสงครามด้วย เพราะยิวเป็นศัตรูของมุสลิม และยึดรัฐอิสลามเป็นอาณานิคม”
ดาโต๊ะศรีอับดุลฮาดี อาวัง ประธานพรรคปาสของมาเลเซียเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งออกมาพูดถึงความสัมพันธ์กับชาวยิวที่มีอุดมการณ์ไซออนิสต์และความร่วมมืออื่นกับผู้มิใช่มุสลิมทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้า
นายฟาธุล บารีหมัต ยะห์ยา ประธานคณะกรรมาธิการการชุมนุมอูลามะหนุ่มแห่งมาเลเซีย ก็ออกมาพูดหลายครั้งว่า ความร่วมมือกับยิวจะนำไปสู่ความวุ่นวายให้ศาสนาอิสลาม มีการระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานว่า ยิวจะไม่อยู่เฉย ตราบที่ชาวมุสลิมไม่ยอมทำตามคำสอนทางศาสนาของพวกเขา “เราต้องไม่หลงกลพวกยิวที่อ้างว่าไม่ได้ยึดอุดมการณ์ไซออนิสต์ เพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นละครของพวกเขาเพื่อหลอกตาพวกมุสลิม”
“เราต้องไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ที่มาจากยิว เพราะยิวมีจุดประสงค์ทำลายมุสลิมอย่างเป็นแบบแผน มุสลิมจะต้องระมัดระวังในทุกพฤติกรรมของชาวยิว อัลลอฮฺ (ซุบฯ) ทรงย้ำเตือนถึงลักษณะไม่ดีของพวกยิวในคัมภีร์อัลกุรอานไว้แล้ว”
มาเลเซียเป็นชาติรัฐขนาดเล็กที่ต่อสู้กับอิสราเอลอย่างแข็งแรงเป็นอันดับต้นของโลก ส่วนชาติรัฐอิสลามอื่นนั้น มักจะรบกับยิวด้วยอาวุธ ชาติพวกนั้นเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยที่ออกมาว่ายบนผิวน้ำให้ยิวเอามีดฟันเล่นฉับๆ จนขาดเป็นท่อนๆ
แต่มาเลเซียเป็นฉลามที่อยู่น้ำลึก เป็นประเทศเดียวที่เล่นงานอิสราเอลอย่างมียุทธศาสตร์ และเคยมีข่าวว่า มาเลเซียได้หนุน ‘อาวุธพิเศษอะไร’ บางอย่างให้พวกตะวันออกกลางใช้เล่นงานยิว
มีบางคนถึงขนาดคิดไปไกลว่า งานนี้ มาเลเซียอาจจะโดนยิวและอเมริกาสุมหัวกันสั่งสอน
เพื่อให้มาเลเซียเรียนอะไรบางอย่างพ่อผมพูดเบาๆว่า ‘อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น’.
เครดิต [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้