การต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนปาเลสไตน์(ตอนที่3)

ปาเลสไตน์ อิสราเอล ใครเป็นเจ้าของแผ่นดิน จริงๆ  พิจารณาแง่ประวัติศาสตร์ และศาสนา 

.              บางคนบอกว่า คนปาเลสไตน์  ถูกบังคับให้ออกจากแผ่นดินของเขา และว่าคนปาเลสไตน์ ถูกแย่งสิทธิโดยชอบของพวกเขา
อีกคนยืนยันว่า   คนอิสราเอลเป็นผู้มีสิทธิตามกม.กับชาติของเขา รวมทั้งแผ่นดิน ที่ยึดไว้ตอนทำสงคราม  
สภาสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเริ่มใช้คำว่า ”เข้ายึดครอง” เมื่อหมายถึงการปรากฏของทหารอิสราเอลในเมืองปาเลสไตน์ 
เป็นนัยว่า คนอิสราเอลได้รุกรานดินแดนของผู้มีอำนาจปกครอง 

.              ดินแดนนี้เป็นของใคร จริงๆ,  
 
.              คำตอบอาจทำให้คุณแปลกใจ 
.              คำว่า”ปาเลสไตน์”   เป็นคำที่มีความสำคัญ  หมายถึง  ส่วนของแผ่นดิน  ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้  ตรงปลายสุดด้านตะวันออก ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนเดียวกันนั้น ประกอบด้วยรัฐอิสราเอลปัจจุบัน ที่เป็นชาติในปี 1948   คนอิสราเอล ได้พัฒนาทะเลทรายที่รกร้างว่างเปล่า จนเป็นประชาชาติที่อุดมสมบูรณ์  ได้ผลผลิตจากดินแดนนั้น   คนอิสราเอลเป็นผู้ปกป้องแผ่นดินมาตุภูมิของพวกเขาอย่างชัดเจน 

.             แต่นั่น เป็นแผ่นดินมาตุภูมิของคนอิสราเอล จริงหรือ?
.            หรือเป็นแผ่นดินมาตุภูมิของคนปาเลสไตน์?
 
.          คำว่า  “ชาวปาเลสไตน์”  โดยทั่วไป  ใช้เรียกชื่อลูกหลานของคนอาหรับจำนวนประมาณ 780000   คน(เจ็ดแสนแปดหมื่น) ที่อพยพออกไป ตอนเกิดสงครามระหว่างห้าชาติอาหรับและรัฐอิสราเอล   ในปี  1948  ที่ประกาศการเกิดรัฐอิสราเอลใหม่ 
 
.         เมื่อเริ่มสงคราม คนอาหรับจำนวนหนึ่งละทิ้งถิ่นฐานเนื่องจากความกลัว   ในขณะที่อาหรับอื่น เชื่อว่าอพยพออกไปก่อน  ไม่นาน ค่อยกลับมา  แต่   คนอาหรับไม่ได้คิดว่า   อิสราเอลจะชนะสงคราม  อย่างน้อยก็ตรงความไม่เท่ากันของฝ่ายที่ทำสงคราม  นับแต่เวลานั้น  คนที่ย้ายออกไป  และลูกหลานอาหรับผู้อพยพ  ไปอาศัยในค่ายอพยพชั่วคราว ปราศจากแผ่นดิน ที่เรียกว่า แผ่นดินของตนเอง 
 
.         การโต้แย้งความเป็นเจ้าของ(แผ่นดิน)ปาเลสไตน์ อย่างขมขื่น  ยังคงมีจนถึงทุกวันนี้    ไม่มีฝ่ายใดเต็มใจที่จะยอมรับ การประกาศของอีกฝ่ายหนึ่งถึงสิทธิการควบคุมดินแดนของตนแต่เพียงฝ่ายเดียว  การโต้แย้งสิทธิมีความซับซ้อน  มีหลายวิถีทางในการแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่โต้แย้ง 
 
.            คนอิสราเอลมาครอบครองแผ่นดินอย่างไร 
.            คนอิสราเอลเชื่อว่า คนอิสราเอลมีสิทธิตามกม.ด้วยเหตุผลต่างๆ 
.            ไม่ใช่  คนอิสราเอลประสบความสำเร็จในการปกป้องตนเอง ต่อสู้กับ(อาหรับ)ที่มีจำนวนที่เหนือกว่า  ปลายทศวรรษปี 1940  และในสงคราม(หกวัน)ในเวลาต่อมา  หรือเป็นแผ่นดินของอิสราเอล เพราะคนอิสราเอลสามารถป้องกันแผ่นดินไว้ได้  คนอิสราเอลมาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเป็นสถานที่แรก ได้อย่างไร?
 
.             ให้เราย้อนเวลากลับไปสัก    25   ปี  ก่อนนำไปสู่การก่อตั้งชาติอิสราเอล   อังกฤษครอบครองแผ่นดินปาเลสไตน์ ด้วยเหตุผลทางการเมือง อังกฤษสัญญาจะยกแผ่นดินมาตุภูมิปาเลสไตน์ให้กับ คนอาหรับที่อยู่  และยกแผ่นดินให้ผู้อพยพชาวยิว ด้วยเหตุผลว่า
อาหรับช่วยอังกฤษโค่นออตโตมาน   อังกฤษสัญญาว่าจะยกดินแดนให้อาหรับ เพื่อตอบแทนความเป็นมิตรแท้ของอาหรับ  ดังนั้น อาหรับปาเลสไตน์ จึงมีสิทธิ์ โดยชอบที่จะอ้างสิทธิในแผ่นดิน ที่มีคนอาหรับอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  แต่ความจริงนั้น ทำให้แผ่นดินนั้น เป็นของชาวอาหรับหรือไม่?  
 
.             ในเวลาเดียวกัน  กับที่อังกฤษ (สัญญาจะ)   มอบแผ่นดินให้กับเพื่อนอาหรับของอังกฤษ   อังกฤษยังสนใจคะแนนในทางการเมืองที่จะได้รับจากคนยิวที่อยู่ในอังกฤษ     ดังนั้นอังกฤษก็สัญญา จะยกแผ่นดินให้ยิวด้วย!   ดังนั้น คนทั้งสองสามารถอ้างสิทธิ ว่า    ดินแดนนั้นมีการมอบให้กับตนเอง!
อังกฤษ  ไม่เข้าใจ ความต้องการในจิตใจของคนทั้งสองกลุ่ม  อังกฤษมิได้คิดไว้ล่วงหน้าว่า อาหรับปาเลสไตน์  และคนยิวต้องการแผ่นดินผืนเดียวกัน  
 
.            เมื่อพันธมิตรอาหรับและอังกฤษ    ปลดปล่อยเยรูซาเล็มจากผู้ปกครองออตโตมาน ในปี  1917 ปาเลสไตน์อาหรับมีจำนวนมากกว่าคนยิวที่อยู่ในปาเลสไตน์มาก  ทั้งๆ ที่  ตั้งแต่ทศวรรษปี 1880  คนยิวหลั่งไหล  เข้าไปในพื้นที่นี้จำนวนมาก  เนื่องจากมีการต่อต้านคนเซมิติค  ในประเทศต่างๆ  เทโอดอร์ แฮร์ทเซิล  ได้ก่อตั้ง องค์การไซออนิสต์โลก ในปี  1897   เสนอให้คนยิวที่อาศัยยุโรป  อพยพไปยังปาเลสไตน์   เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกข่มเหง 
 
.             การอพยพเพิ่มขึ้นอย่างมากในทศวรรษปี1930  เมื่อลักธินาซี ขึ้นสู่อำนาจสูงสุด  โลกรู้สึกสงสารคนยิว  เมื่อเป็นดังนั้น  อังกฤษ เห็นคนยิวหลั่งไหล เข้าไปในปาเลสไตน์จำนวนมาก  อังกฤษพยายามจำกัดการอพยพของคนยิวไปยังแผ่นดินพันธมิตรอาหรับ  แผ่นดินปาเลสไตน์   ตอนนี้เข้าสู่ตอนสำคัญที่อังกฤษรู้ว่า  ตนเองสัญญาว่าจะยกดินแดนปาเลสไตน์ให้ทั้งอาหรับและคนยิว 
 
.             การกระทำก่อการร้ายฆ่าตัวตายในปาเลสไตน์  เป็นข่าวพาดหัวในหนังสือเกือบทุกวัน     ระเบิดฆ่าตัวตาย เป็นการระเบิดตนเอง ในที่สาธารณะ  ในประเทศอิสราเอล  สังหารและทำให้คนบริสุทธิ์บาดเจ็บ   อย่างไรก็ตาม    ลักธิก่อการร้าย  ถูกนำมาใช้ทั้งสองชาติ  ในปีที่เกิดความไม่สงบ, สงครามอาหรับ-ยิว เกิดขึ้นช่วงปี 1947-1948  ยุติลง    ด้วยการที่อิสราเอลควบคุมดินแดนปาเลสไตน์ ได้เป็นส่วนใหญ่   ผู้ก่อการร้ายยิวคนหนึ่งเป็นคนวางแผนและดำเนินการโจมตี กองทหารอังกฤษ ที่ตั้งอยู่ในปาเลสไตน์      ต่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล  นายเมนาเฮม เบกิน     เขามีชื่อเสียง  ในการกล่าวว่า แผ่นดินปาเลสไตน์  คือแผ่นดิน  “ยูเดีย” และ”สะมาเรีย”    (ชื่อนี้ปรากฏในไบเบิลของ คริสเตียน)  ซึ่งเป็นชื่อแผ่นดินที่คนอิสราเอลโบราณ ครอบครอง 
 
.            เมื่ออังกฤษเห็นว่า ไม่สามารถเจรจาให้การตั้งถิ่นฐาน สามารถยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย  อังกฤษก็ส่งเรื่องให้ยูเอ็นแก้ปัญหาประเด็นที่ซับซ้อน
.            ปี 1947 ยูเอ็นเสนอวิธีแก้ปัญหา ที่ดูว่าสมเหตุสมผล โดยการแบ่งแผ่นดินให้กับคนสองฝ่าย นักกม.ของเยรูซาเล็ม, และโฆษกของอาหรับปาเลสไตน์  ผู้อพยพชาวยิว ในเวลานั้น  ยอมรับแนวคิด    คนยิวในเวลานั้นอยู่ภายใต้การนำของ นายเดวิด เบน คูเรียน   ประกาศตั้งรัฐอิสราเอล วันที่ 14 พค.1948  ทั้งๆ ที่อาหรับปาเลสไตน์มีจำนวนมากกว่า  คนอาหรับปาเลสไตน์อพยพออกจากแผ่นดินหวังพึ่งพี่น้องชาวอาหรับ  เข้าบดขยี้ ชาติอิสราเอลที่เพิ่มก่อตั้งได้ไม่กี่วัน    คิดว่าเมื่อชาติอาหรับควบคุมแผ่นดินปาเลสไตน์ เรียบร้อยแล้ว จะได้อพยพกลับ 
แต่เหตุการณ์ ไม่ได้เป็นไปตามคาด 



.              คำกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ตั้งถิ่นฐานก่อน    ไม่สามารถนำมาอ้างในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ 
.              ถ้าเราพยายาม ตอบคำถามของคนปาเลสไตน์ คำถาม ที่ถามว่า “ใครมาตั้งถิ่นฐานก่อน”  เราจะพบความยุ่งยากมาก ถ้าย้อนกลับไปปลายศต.ที่19 และต้นศต.ที่20  คนอาหรับ อยู่ในปาเลสไตน์ เป็นอันดับแรก ดังนั้น แผ่นดินของเป็นของคนอาหรับโดยชอบหรือไม่?  
ไม่,   อย่างนั้น เร็วเกินไป  
 
.              ให้ย้อนไปอีกสักหลายพันปี 
.              นักประวัติศาสตร์  เชื่อว่าประชากรกลุ่มใหญ่ลำดับแรกสุด ที่อยู่ในแผ่นดิน คือชาวคานาอัน  
ถ้ามีกฎหมายสักฉบับ บอกว่า “ใครมีประชากรครอบครอง แผ่นดิน จำนวน 9 ใน 10 ส่วน”  ถือว่าแผ่นดิน เป็นของพวกนั้นและลูกหลานของคนนั้น  ชาวคานาอัน จะได้ครอบครองแผ่นดิน    
 
 .             แต่  มีคนที่มีอำนาจทางทหารเหนือกว่า  - คนฟิลิสติน  ที่ได้อพยพเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน,      และชื่อนี้   ที่คิดว่าพัฒนา มาเป็น”ปาเลสไตน์”    ดังนั้น  ลูกหลานของคนฟิลิสติน  จึงมีสิทธิในแผ่นดินโดยชอบด้วยกฎหมาย    

.            ใครสามารถอ้างสิทธิ์แผ่นดินปาเลสไตน์ ได้โดยชอบ
 .           คำตอบ ของคำถามนี้     ไม่ง่ายด้วย     
.            ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อพยพเข้าไปในแผ่นดินคานาอันคนกลุ่มนี้ เป็นลูกหลานของชายที่มีนามว่า “อีเบอร์”  ชื่อนี้แปลว่า อีกด้านหนึ่ง” คนกลุ่มนี้ เรียกว่า “คนฮีบรู”   มาจาก ”อีกด้านหนึ่ง ” ของยูเฟรตีส  เข้าสู่แผ่นดินคานาอัน   หัวหน้าครอบครัวคนกลุ่มนี้ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด  คืออับราฮัม
 
.            ใครอยากทราบรายละเอียดการเดินทางของอับราฮัม  แนะนำอ่านไบเบิล ภาคปฐมกาล ตั้งแต่บทที่  12   พอ อับราฮัมและครอบครัว เดินทางมาถึงดินแดน ก็เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อต่างๆ มากมาย   พระเจ้าปรากฏกับอับราม(ชื่อเดิม  ภายหลังเปลี่ยนเป็น อับราฮัม) พระเจ้าสัญญาจะมอบแผ่นดินให้แก่ลูกหลานของอับราม  ดูข้อ7 
 
.             เจ้าจะไม่ได้สิทธิอำนาจสูงไปกว่านั้น   ยิ่งใหญ่กว่าฟิลิสตินที่เป็นทหาร, เหนือกว่าจักรวรรดิ์อังกฤษ,  เหนือกว่ายูเอ็น. พระเจ้าจะพรากแผ่นดินออกไป  การครอบครอง  ไม่ได้เป็นปัจจัยตัดสิน สิทธิการเป็นเจ้าของ  เมื่อคนคานาอัน  ถูกชาวฟิลิตตินแย่งชิงการครอบครองแผ่นดิน  
 
.            เนื่องจาก ยิวเป็นลูกหลานของอับราฮัม,   ตั้งแต่นั้นมา แผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของยิว หรือไม่ ?  
.            ไม่เป็น   
.            ไม่ง่ายขนาดนั้น  

.            ลูกหลานของอับราฮัมมีสองกลุ่มใหญ่    อิสอัค  และอิสมาเอล  จากอิสอัค มา ยาโคบ,  ยาโคปได้เชื่อว่าอิสราเอล  จากยาโคป ให้กำเนิดคนอีก 12 เผ่า  ( หรือ 13  เผ่า  อยู่ที่ว่าจะนับ ยาโคป รวมด้วยหรือไม่) คนยิวเป็นลูกหลานเพียงหนึ่งเผ่าจากหลายเผ่านั้น นั่นคือเผ่ายูดา 
 
.            นอกจากนั้น ลูกหลานของอิสมาเอล คืออาหรับ และอาหรับมีสิทธิในปาเลสไตน์ หรือไม่ สัญญาของพระเจ้ากระทำกับอับราฮัม  อิสอัค และยาโคป   แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าตั้งใจมอบแผ่นดินให้กับสายตระกูลของอิสอัค  
 .          
.            ทั้งยิวและมุสลิม ต่างนำศาสนามาอ้างสิทธิ์บนแผ่นดิน 
 
.            ประวัติศาสตร์  ไม่ใจดี  หรือเข้าข้างอิสราเอล  อิสราเอลจำต้องต่อสู้เพื่อครอบครองและยึดครองแผ่นดิน   สงครามกลางเมืองอิสราเอลแบ่งประเทศออกเป็นสองชาติ  เรียกว่า ยูเดีย และสะมาเรีย เป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งยาก   และยุ่งเหยิง ของปวศ.ปาเลสไตน์  ที่เมนาเฮม   เบกิน  ไม่เรียกปาเลสไตน์  ตามชื่อปาเลสไตน์   เบกิน เน้น คนยิวนำศาสนามาอ้างสิทธิ์บนแผ่นดิน  
 
.             ศาสนาเป็นปัจจัยหนึ่ง  ในความคิดของชาวปาเลสไตน์   ตามข้อมูลจากเพสบุ๊ค CIA    ชาวปาเลสไตน์ จำนวน 75%  เป็นมุสลิม  ตั้งแต่ศต.ที่เจ็ด  มุสลิมปกครองปาเลสไตน์  เป็นเวลา 1300 ปี   ปกครองคน  ที่เรียกว่า “ฟิลาสติน Filastin,” เป็นที่มาของชื่อปาเลสไตน์“Palestine.” (มีความเกี่ยวเนื่องกับฟิลิสตินโบราณอย่างชัดเจน)
 
.           “ปาเลสไตน์  มีความศักดิ์สิทธิ  กับคนมุสลิม    เห็นจากที่ผู้พยากรณ์มุฮัมมัด กำหนดให้เยรูซาเล็มเป็นทิศทางแรกที่คนมุสลิมหันหน้า  เวลานมัสการ (เป็นทิศทางที่มุสลิมหันหน้าเมื่อนมัสการ) และเป็นสถานที่เชื่อว่า มุฮัมมัด ขึ้นสวรรค์ ในเวลากลางคืน จากวิหารของโซโลมอน  ที่ภายหลังมีการสร้างโดมแห่งศิลา ขึ้นมา   เยรูซาเล็มกลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดลำดับที่สามของอิสลาม” (อ้างอิง Encarta Online Encyclopedia, 2002, “Palestine,” p. 4)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่