เมื่อ 12 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมสุดยอดสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี ที่จัดรวมกัน ในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยผู้นำชาติ อาหรับและมุสลิม 57 ประเทศ รวมทั้งอิหร่าน ส่งเสียงประณามการกระทำป่าเถื่อนของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซา และไม่ยอมรับข้ออ้างของอิสราเอลที่ว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตนเอง พร้อมเรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาทันที ขณะเดียวกันยังขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนคดีอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากเงื้อมมือของอิสราเอล แต่ไม่มีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและการเมืองแต่อย่างใด
การประชุมสุดยอดดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของความโกรธแค้นที่ลุกลามทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง การโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอล คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ มากกว่า 11,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็ก และสตรี ขณะที่อิสราเอลประกาศจะทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก หลังถูกกลุ่มฮามาสโจมตีอย่างกะทันหันครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี เมื่อ 7 ต.ค.สังหารผู้คนประมาณ 1,200 คน ขณะที่ยังจับตัวประกันทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติเกิน 200 คน
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียทรงยืนยันเจตนารมณ์ประณามสงครามป่าเถื่อนต่อพี่น้องชาวปาเลสไตน์ ตรัสว่าโลกกำลังเผชิญกับหายนะด้านมนุษยธรรมที่พิสูจน์ถึงความล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศในการยุติการละเมิด ก.ม.ระหว่างประเทศของอิสราเอลอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่นายอีบราฮิม ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ที่เยือนซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรกหลังประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือน มี.ค. กล่าวยกย่องกลุ่มฮามาสที่ต่อสู้กับอิสราเอล ยังแนะให้ชาติอิสลามกำหนดมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและสินค้าต่างๆต่ออิสราเอล โดยย้ำว่าไม่มีทางเลือกอื่น
วันเดียวกันนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี อิสราเอล แถลงไม่ให้ค่าคำวิจารณ์จากนานาชาติถึงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน ประกาศกร้าวจะต้องมีชัยเหนือกลุ่มฮามาส เพื่อความสงบสุข อิสราเอลจะยืนหยัดต่อสู้กับชาวโลกหากจำเป็น กองทัพอิสราเอลจะอยู่ในฉนวนกาซานานเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีก และกลุ่มฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ
ด้านนายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอลกล่าวเสริมว่า ผู้นำบางคน กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนศีลธรรมในยามศึก เราจะไม่หยุดจนกว่าจะปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จ.
ที่มา :
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2740158
อาหรับ-มุสลิมประณามอิสราเอลแต่ไร้บทลงโทษ
เมื่อ 12 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุมสุดยอดสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี ที่จัดรวมกัน ในกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยผู้นำชาติ อาหรับและมุสลิม 57 ประเทศ รวมทั้งอิหร่าน ส่งเสียงประณามการกระทำป่าเถื่อนของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซา และไม่ยอมรับข้ออ้างของอิสราเอลที่ว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตนเอง พร้อมเรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาทันที ขณะเดียวกันยังขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนคดีอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากเงื้อมมือของอิสราเอล แต่ไม่มีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและการเมืองแต่อย่างใด
การประชุมสุดยอดดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของความโกรธแค้นที่ลุกลามทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง การโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอล คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ มากกว่า 11,000 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็ก และสตรี ขณะที่อิสราเอลประกาศจะทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก หลังถูกกลุ่มฮามาสโจมตีอย่างกะทันหันครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปี เมื่อ 7 ต.ค.สังหารผู้คนประมาณ 1,200 คน ขณะที่ยังจับตัวประกันทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติเกิน 200 คน
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียทรงยืนยันเจตนารมณ์ประณามสงครามป่าเถื่อนต่อพี่น้องชาวปาเลสไตน์ ตรัสว่าโลกกำลังเผชิญกับหายนะด้านมนุษยธรรมที่พิสูจน์ถึงความล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศในการยุติการละเมิด ก.ม.ระหว่างประเทศของอิสราเอลอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่นายอีบราฮิม ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ที่เยือนซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรกหลังประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือน มี.ค. กล่าวยกย่องกลุ่มฮามาสที่ต่อสู้กับอิสราเอล ยังแนะให้ชาติอิสลามกำหนดมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและสินค้าต่างๆต่ออิสราเอล โดยย้ำว่าไม่มีทางเลือกอื่น
วันเดียวกันนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี อิสราเอล แถลงไม่ให้ค่าคำวิจารณ์จากนานาชาติถึงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน ประกาศกร้าวจะต้องมีชัยเหนือกลุ่มฮามาส เพื่อความสงบสุข อิสราเอลจะยืนหยัดต่อสู้กับชาวโลกหากจำเป็น กองทัพอิสราเอลจะอยู่ในฉนวนกาซานานเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีก และกลุ่มฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ
ด้านนายโยอาฟ กัลลันต์ รมว.กลาโหมอิสราเอลกล่าวเสริมว่า ผู้นำบางคน กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนศีลธรรมในยามศึก เราจะไม่หยุดจนกว่าจะปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จ.
ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2740158