สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวบลู วันนี้มีโอกาสมารีวิว สถานที่ท่องเที่ยวที่ใครหลายๆคน ถวิลหาและอยากมาสัมผัส
นั่นก็คือ “วังเวียง ค่ะ” หลายๆคนคงเคยเห็นรีวิวกันไปบ้างแล้วนะคะ วันนี้ก็อยากมารีวิวให้เพื่อนๆอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งรีวิวช่วงฤดูฝนค่ะ
การไปวังเวียงครั้งนี้ เป็นการไปกับกลุ่มเพื่อนๆนักศึกษาฝึกงาน พวกเราเป็นนักศึกษาไทยที่มาฝึก ณ แขวงสะหวันนะเขตค่ะ หนีเที่ยวช่วงวันหยุดเข้าพรรษาขึ้นไปเที่ยวลาวเหนือ^^
ฤดูฝนหลายๆคนอาจจะมองว่าจะเดินทางสะดวกมั้ย ไม่เห็นน่าเที่ยวเลย เดินทางลำบาก  ขอบอกเลยค่ะว่าถ้าเป็นคนชอบธรรมชาติ ชอบต้นไม้ใบไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่ง ฤดูฝนเป็นช่วงที่งดงามไม่แพ้กันค่ะ สองข้างทางตลอดการเดินทางนั้นอากาศดี มีแต่สีเขียวเต็มไปหมดช่างเป็นเส้นทางที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ฤดูฝนอาจจะลำบากไปนิด แต่สิ่งที่ได้สัมผัสมันคุ้มค่ามากๆนะคะ
• วังเวียง “กุ้ยหลินเมืองลาว” เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทิวเขา สายน้ำซอง ไร่นาแบบขั้นบันได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างหลงไหลแวะเวียนกันมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
• วังเวียง เมืองแห่งธรรมชาติ ทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของทิวเขา ไร่นาแบบขั้นบันได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ของลาว เช่น ลาวสูง ลาวเทิง ลาวม้ง ไทลื้อ ชมความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่เต็มไปด้วยป่านานาพันธุ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ระหว่างทางชมผาตั้ง ซึ่งเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ด้านหน้าของภูเขามีน้ำซองไหลผ่าน ภูเขารูปร่างแปลกตา สลับซับซ้อนสวยงามยิ่ง นักท่องเที่ยวต่างขนานนามว่า “กุ้ยหลินเมืองลาว”
• ที่ตั้ง ตัวเมืองวังเวียง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซอง ห่างจากเมืองหลวงกรุงเวียงจันทน์ 154 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงพระบาง 210 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง มองเห็นสายน้ำกว้างสลับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง และได้ฉายาว่า กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว เป็นแหล่งท่องเที่ยงของประเทศลาว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติระหว่างทาง



พวกเราเดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศVIP SLEEPING BUS จากแขวงสะหวันนะเขตไปยังเวียงจันทน์ ใช้เวลา9 ชั่วโมงเต็ม เราเริ่มเดินทางตั้งแต่เวลา 21.00น. ถึงเวียงจันทน์เวลาประมาณ 06.00น.ค่ะ ระยะทางเหมือนกับเดินทางจากกรุงเทพฯมาลำปางค่ะ  ขอบอกเลยว่ารถโดยสารที่นี่นอนสบายมากๆ เหมือนเอาเตียง2ชั้นไปไว้ในรถ ตลอดการเดินทางจะไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลยล่ะค่ะ อีกทั้งราคาตั๋วก็ไม่แพง เพียง120,000KIPหรือประมาณ480บาทนั่นเองค่ะ
นอนสบายไม่เมื่อยเลยค่ะ



วันแรกของทริป
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีขนส่งสายใต้ เราก็จะต้องนั่งรถตุ๊กๆ หรือสองแถว ไปยังสถานีขนส่งสายเหนือเพื่อเดินทางไปยังวังเวียง ตอนเหนือของเวียงจันทน์  ถ้าเพื่อนๆเดินทางมาจากฝั่งไทย ก็จะต้องผ่าน ตม. จัดการเอกสารต่างๆให้เรียบร้อย เมื่อข้ามมายังเวียงจันทน์ก็ต้องเดินทางมาขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายเหนือเช่นกันค่ะ ค่าใช้จ่ายนั่งรถตุ๊กๆจากสายใต้ไปสายเหนือ เราเสียค่าใช้จ่ายคนละ100บาท
และเมื่อมาถึงสถานีขนส่งสายเหนือก็จะมีรถตู้เวียงจันทน์-วังเวียง คอยบริการให้กับนักท่องเที่ยว ระยะทางประมาณ150กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 3ชั่วโมงก็มาถึงตัวเมืองของวังเวียงค่ะ ค่ารถคนละ200บาท ระหว่างทางนั้นจะตื่นตากับธรรมชาติที่สวยงามมองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวเต็มไปหมด ทุกอย่างที่นี่ยังคงสมบูรณ์มากๆเลยค่ะ  

รถไปวังเวียง ถ่ายระหว่างหยุดพัก





เราเดินทางจากเวียงจันทน์ ประมาณ07.00น. ถึงวังเวียงประมาณ11โมงกว่า พวกเราแวะเข้าที่พักเก็บของกันก่อนค่ะ ที่พักของพวกเราจองผ่านBOOKING ราคาไม่แพง แต่ได้ที่พักที่ดีเลยทีเดียวค่ะ เราเลือกพัก ที่ JAMMEE GUESTHOUSE ใกล้กับถ้ำจัง เพียง2นาทีก็ถึงประตูทางไปถ้ำจัง คือวังเวียงรีสอร์ท
เราพักที่JAMMEE GUESTHOUSE 1 คืน เป็นห้องFAMILY 5คน ขอเพิ่มที่นอนอีก1  ราคาทั้งหมดอยู่ที่1,060บาท เฉลี่ย6คน ตกคนละ 180 บาท ฟรีอาหารเช้าด้วยหละคะ  ^_________^มันคุ้มมากก!!!!! มีเซอร์วิส ติดต่อรถ ติดต่อทัวร์ให้ด้วยนะคะ  เราก็ไม่พลาดค่ะ เพราะราคาไม่แพงเลย  





เนื่องจากเวลามีน้อยช่วงหยุดเข้าพรรษา  ครึ่งวันบ่ายที่เหลือ เราก็จะไปเที่ยวกันที่ ถ้ำจัง บลูลากูน และน้ำตกแก่งยุ้ยค่ะ ค่ารถนำเที่ยว ครึ่งวันราคาเพียง1000บาทเท่านั้น เฉลี่ยกันแล้วก็ประมาณ คนละ200บาทค่ะ  เดินทางก็ค่อนข้างไกลพอสมควร ถ้าเพื่อนๆชอบการปั่นจักรยานหรือขับจักรยานยนต์ก็มีร้านให้เพื่อนๆ เลือกอย่างมากมายค่ะ
สถานที่แรกเราไปกันที่ถ้ำจังค่ะ เสียค่าเข้าวังเวียงรีสอร์ทเพื่อไปยังถ้ำจัง คนละ2000KIPหรือ10บาทค่ะ และเสียค่าเข้าชมถ้ำจังอีกคนละ15,000KIPหรือประมาณ60บาทค่ะ
สะพานข้ามแม่น้ำซองไปถ้ำจัง







น้ำตกใสๆทางขึ้นถ้ำจัง












ปากถ้ำจัง

ภายในถ้ำ