มารู้จัก Botox ในอีกแง่มุม จากบทความ " โบท๊อกหน้าด้านกับความลับใต้ปลายเข็ม "

จริงๆก่อนหน้านี้  หมอยังไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องของ Botox ซักเท่าไร  เพราะ Botox นั้นไม่ได้มีอันตราย  แถมฉีดแล้วหายจริง  ( ตังค์หายจริง ฮ่าๆ ) ไม่เหมือนกับ ฟิลเลอร์     จนมาวันหนึ่งหมอเดินผ่าน หน้าคลินิกแห่งหนึ่ง (ที่มีดาราชายเป็นหุ้นส่วน )    มีพนักงานขาย ( Sale ) เดินเข้ามายื่นแผ่นพับของร้านให้หมอ  และ เสนอราคา การทำ Treatment   ร่วมถึง การขาย Course Botox  แบบพิสดารให้ด้วยในราคาพิเศษ  ( สงสัย หมอจะดู แก่มาก หรือ ไม่ก็ดูเกย์มาก เป็นแน่ )

                       ด้วยคำพูดเสนอขาย Botox ที่แสนเร้าใจใน Promotion สุดพิเศษนั้น  ทำให้หมอถึงกับ งง ??  ว่าเดี๋ยวนี้ มีการทำ Promotion แบบนี้ด้วยหรอตกใจ !!   โดย Promotion นั้นคือ “   Botox Unlimtied ค่ะ  1 แสนบาท ซื้อ Course นี้ฉีด Botox ไม่จำกัดครั้งค่ะ  ซื้อครั้งเดียวฉีดได้จนตาย ฮ่าๆๆ  “     หมอเลยถามย้อนว่า มีคนซื้อด้วยหรอ  Sale บอกว่า มีคะ  “นั้นงัยค่ะ กำลังจะ รูดบัตรแล้ว”  หมอมองตามไป เห็นคุณยาย ท่านหนึ่งกำลัง ยื่นบัตรเครดิต Platinum  ให้กับเจ้าหน้าทีร้าน  ( ในใจหมอคิดว่า   คนวัยนี้ เงินเยอะ แถมหลอกง่ายเนอะ   เราจะห้ามเค้าดีไหมหนอ ? แล้วถ้าห้ามแล้วจะโดน ตบหรือเปล่าๆ  )

                      จากเหตุการณ์นั้น ทำให้หมอรู้ว่า คนไทย  ขาดความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องของ Botox เป็นอย่างมาก  หลายคนคิดว่า ฉีด Bo  แล้ว ไม่เน่าไม่เปื่อย ไม่เหี่ยว ไม่ย่น หรือ คิดว่าฉีดแล้วผอม สามารถลดไขมันที่แก้ม ( เพราะมีการโฆษณาว่า ฉีดแล้วหน้าเรียว หน้าผอม )   ซึ่งทำให้คลินิกหลายคลินิก  อาศัยช่องทางนี้  นำความไม่รู้  และความเชื่อใจ มาเป็น ช่องทาง ซูบเงินจากกระเป๋าของคนไข้ ไปซื้อกระเป๋าให้ตัวเจ้าของคลินิกเอง ฮ่าๆ    

                       หมอเลยอยากนำความรู้ความเข้าใจ อย่างละเอียดของ Botox มาเล่าให้ฟังในภาษาชาวบ้าน ให้คนทั่วไปได้ฟังนะครับ  โดยจะเน้นเฉพาะประเด็น หลักๆ อ่านแล้วเอาไปใช้ในชีวิตได้  ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างยาวมา หมอจึงขอแบ่งเป็น 2 บท คือ ปฐมบท  และ  ปัจฉิมบท  เพื่อจะได้ไม่เสีย อรรถรส  (  คล้ายๆหนัง จันดารา ....  )

Botox  คืออะไร ออก ฤทธิ์ ยังงัย ?
          Botox หรือ Botulinum toxin A     เป็นสารพิษ ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งเชื้อโรคตระกูล clostridium นี้เรารู้จักกัน อย่างดีว่า คือตัวที่ทำให้เกิดบาดทะยัก  หรือถ้าได้ยินข่าวว่า กินหน่อไม้ดอง หน่อไม้กระป๋อง หรือ หน่อไม้ปี๊บ  แล้วมีอาการท้องเสีย ปากแข็ง กรามค้าง ก็เดาได้เลยว่าเป็นเชื้อโรคตัวนี้แน่นอน  
            โดย สาร toxin ( สารพิษ) ของเชื้อโรคตัวนี้ จะไปออก ฤทธิ์ที่ส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ ทำให้เกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อนั้น    ( เรียกง่ายๆ ว่า Shut down กล้ามเนื้อนั้น .)

คนไข้ได้ประโยชน์ อะไรจาก Botox และ ฉีดแล้ว มันได้ผลทุกคนไหม ?

       แน่นอนครับว่าได้ประโยชน์  และประโยชน์ที่ว่าก็คือ ลบริ้วรอย  ( แต่ !!  มันไม่ได้เป็นยางลบนะครับ มันเลยไม่ได้ผลกับ ริ้วรอยทุกประเภท  มันออกฤทธิ์แค่ ริ้วรอยที่เป็น Fine Wrinkle เท่านั้น  ( ภาษาชาวบ้าน คือ ริ้วรอยตี้นๆ  หรือ ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงออกทางอารมณ์และ สีหน้าเท่านั้น ( facial expression )    แต่ถ้าคนไข้มาแบบ หน้ายับมาเลย หรือ เป็นริ้วรอยลึกๆ ( Course Wrinkle ) ฉีด botox เท่าไรก็ไม่ได้ผลหรอกครับ

ถ้าคนไข้มาฉีด botox และหน้าไม่ยับมาก มีริ้วรอยตื้นๆ มีไหม ที่ฉีดแล้วไม่ได้ผล ?

การฉีดแล้วไม่ได้ผลมีหลายกรณีครับ

1 ) เป็นแต่ฉีด  ??---- ขยายความว่า หมอคนนั้นเป็นแต่ ฉีดยา   แต่ฉีด Botox ไม่เป็น ฮ่าๆ  ที่หมอพูดมา นี้เรื่องจริงนะครับ  หมอบางคน ยังผสม เตรียม botox  อย่างถูกวิธีไม่เป็นเลยด้วยซ้ำไป   บางคนให้พนักงานผสมให้ ตัวเองรอฉีดอย่างเดียว  หรือบางคนยังไม่รู้ด้วยซ่ำไปว่า แต่ละจุด แต่ละตำแหน่ง ควรฉีด กี่จุด, กี่ Unit , ตื่นลึก แค่ไหน ( นั้นหมายถึง ปลายเข็มที่ปักลงไป ลึกมาก น้อยแค่ไหน ..... เพราะกล้ามเนื้อบนใบหน้าเรามันไม่ได้อยู่ระนาบเดียวกันหมดนะครับ )

2 ) เอา Botox หมดอายุมาฉีด ??  อ่านมาถึงหัวข้อนี้ เป็นประเด็นเลยใช่ไหมครับ ??   คนไข้หลายคนคงงงว่า botox มีวันหมดอายุด้วยหรอ  "ได้ยินมาแค่ว่า ถ้าฉีดเข้าหน้าแล้วจะหมด ฤทธิ์  6 เดือน "
จริงๆ มีครับ  Botox มีวันหยุดอายุ  ของทุกอย่างในโลกนี้ มีอายุของมัน ช้าเร็ว ต่างกัน  โดยการหมดอายุ ของ Botox มีอยู่ 2 กรณีครับ

       2.1 ออกจากโรงงานผลิต แล้วขายไม่หมด ค้าง stock  โรงงานเค้าก็จะมาขายลดราคาตามคลินิก  คลินิกไหนเห็นว่า คนไข้เยอะ ก็ซื้อไว้ เพราะราคาถูก แถมยังเอามาทำ Promotion ลด แลก แจกแถม กันได้อีก  win win  กันทั้ง 2 ฝ่ายคือ บริษัทยา กะ คลินิก ส่วนคนไข้ ซึ่งเป็นฝ่ายที่ 3 ก็แล้วแต่จะคิด

      2.2  หมดอายุหลังผสม คนไข้หลายคนไม่ทราบว่า botox ที่นำมาฉีดเรา ที่เป็น น้ำใสๆ ใน Syringe นั้น มันมาได้งัย    จริงๆแล้ว Botox นั้นมาในรูปแบบผงครับ  ผงใสๆ บางยี่ห้อ มองไม่เห็น  บางยี่ห้อ มองเห็นเป็นสีขาว คล้ายๆแป้ง  แล้วแต่ความบริสุทธิ์ในการสกัดของ botox ยี่ห้อนั้นๆ
           หลังจากที่ ผง botox ถูกผสมแล้ว นี่แหละครับ  botox นั้นก็เริ่มนับวันถอยหลังได้เลย โดยตามหลักแล้ว ถ้า Botox ผสมแล้ว ควรฉีดให้หมดภายใน 1 สัปดาห์  ( ความหมายคือ เมื่อเลย 1 สัปดาห์ไปแล้ว ฤทธิ์ หรือ ประสิทธิภาพของ botox นั้น จะลดลงไปเรื่อยๆ  จนหมดฤทธิ์  หรือมีฤทธิ์ เหมือนแค่  น้ำเปล่า เมื่อผสมไปแล้ว เกิน 1 เดือน )

     เราคงเคยได้ยิน หรือได้เห็น ใน Series America ว่า มี Party Botox นั้นแหละครับ เป็นการรวบรวมเพื่อนๆ มาฉีดกัน หลังเปิดขวด botox ฤทธิ์ ของ Botox จะได้สูงที่สุด  
            ดังนั้น เมือเราต้องการเสพ Bo  เราควรสอบถามคลินิก เค้าก่อนนะครับ ว่า Bo ของร้านผสมนานยัง ??  ถ้าผสมนานแล้ว ให้เค้าเปิดขวดใหม่ฉีดให้เราดีกว่า ไม่งั้นจะเสียเงิน และเจ็บตัวฟรีครับ

        ( แต่ก็มีบางกรณี พอดีเพิ่งได้ยินมาว่า  บางคลินิกที่คุณหมอมีคุณธรรมมากๆ ....ย้ำว่ามากๆ จริงๆ พอเห็นว่า botox ที่ผสมไว้เกิน 1 สัปดาห์แล้ว ก็ให้ทิ้ง Botox ขวดนั้นไป   แต่เด็กๆในร้านที่เป็นพวกอนุรักษ์ธรรมชาติ  เห็นว่าสิ่งที่คุณหมอทำนั้นช่าง ทำร้ายธรรมชาติเสียจริง   เลยเก็บรวมรวบ botox อายุเกินเหล่านี้ ไปขายต่อแก่ เหล่าหมอกระเป๋า  เอาไปทำเงินได้อีก  ฮ่าๆๆ  ลูกจ้างแบบนี้ น่ารักจัง )

3 )  หน้าด้านไปแล้ว ??
            ใช่ครับ หมอหมายความอย่างนั้นจริงๆ ว่า หน้าคนถูกฉีดด้านไปแล้ว  หมอบางคนที่เป็นหมอสิว อาจใช่คำว่า หน้าคุณมี Antibody แล้ว ฉีดไม่ได้ผล แถมยังพาลมาด่า คนไข้อีกว่า ไปฉีด Bo ราคาถูกๆ มาเลยซิ หน้าเลยด้าน !!!   ฮ่าๆๆ  หมอเคยได้ยินประโยคแบบนี้มาบ่อยๆครับ
           และก็มีคนไข้มาเล่าให้ฟังว่า  “ โดนด่ามาว่าใช้ bo ราคาถูกหน้าเลยด้าน  ( โดนด่าแบบนี้ถือว่า หยามกันนะค่ะไม่รู้ซ่ะแล้วว่า แค่สายกระเป๋า ของเดี้ยน ก็ราคาเท่ากับรถหมอแล้ว นะค่ะ โฮะๆๆ  ดังนั้นจะมาเหมาเข่งสุดซอยว่า เดี๊ยน ใช่  Bo ราคาถูก เป็นไปไม่ได้ค่ะ “

              จริงแล้ว เรา Antibody หรือภาษาชาวบ้านคือ ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาต่อต้าน เชื้อโรค    ซึ่งมักเกิดจากเมื่อเราฉีด Botox ซึ่งเป็น Protein ของเชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย  ระบบภูมิคุ้มกัน จะเกิดการตอบสนอง คือ  ร่างกายเราจะพยายามสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้าน ซึ่ง สารนั้นก็คือ Antibody นั้นเอง
             คราวนี้มาอธิบายเรื่อง Bo ถูก    Bo แพงกันหน่อยว่า ทำไมหมอสิวจึงเอ่ยปาก ว่า ไปฉีดของถูกมาละซิ หน้าเลยด้าน   อย่างที่หมอกล่าวไว้ข้างต้นนะครับว่า  Botox ก่อนผสมบางยี่ห้อ ก็เป็นผงใสๆ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น   บางยี่ห้อก็เป็นสีขาวเหมือน แป้ง มาเลย  นี่แหละครับคือ ความบริสุทธิ์ของการสกัด     ดังนั้น ยิ่งบริสุทธิ์มาก โอกาสเกิด Antibody ก็น้อย
แต่ทำไม คนไข้รายนี้ ที่ถือกระเป๋าและ สายกระเป๋าแพงกว่ารถหมอ  ถึงได้เกิดภาวะหน้าด้านขึ้นได้ละครับ ?   แน่นอนครับหมอสิว คงบอกไม่หมด หรือไม่ก็มีความรู้แค่สิวๆเท่านั้น จึงไม่รู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวคนไข้คนนี้

            คำตอบคือ หน้าคนไข้คนนี้ด้านจาก กล้ามเนื้อมันฝ่อ ฝ่อจนไม่ตอบสนองต่อ botox แล้วครับ ตกใจในคำตอบกันไหมครับ  ฮ่าๆ ไม่ต้องตกใจครับ  จากความรู้ พื้นฐานตอนต้นคือ Botox ไปออกฤทธิ์จับกับเซลล์ที่ปลายประสาท ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ใช่ไหมครับ  นั้นหมายความว่า กล้ามเนื้อนั้นจะไม่ได้ถูกกระตุ้น หรือ ทำงานเป็นเวลา 6 เดือน   ( คราวนี้คิดง่ายๆนะครับ  ลองคิดถึงคนที่เป็น อัมพาต นอนอยู่เฉยๆ กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งาน  เกือบ 6 เดือน เป็นงัยครับ แน่นอนว่า มันต้องฝ่อ ลีบ)  

               จริงๆ ต้องบอกว่า กรณี กล้ามเนื้อฝ่อลีบ บนใบหน้า ไม่ได้เกิดกันบ่อยๆ นะครับถ้าหมอ กับคนไข้ไม่ได้ร่วมมือกัน  เนื่องจากมันเป็นความสมยอมกันทั้ง สองฝ่าย ( เพราะถ้าคนถูกจิ้ม ไม่ยอมให้จิ้ม ใครที่ไหนจะมาจิ้มได้ละครับ )  
                เอาแค่นี้ก่อนะครับ   เดี๋ยวอ่านตอบจบของ botox ได้ ในปัจฉิมบทนะครับ รับรองสนุกกว่านี้อีก
                อ่านต่อได้ ตาม linkนี้นะครับ  http://gamesgrandmasterclinic.blogspot.com/
                จริงๆ หมอไม่เคยตั้งกระทู้ในพันทิพย์มากก่อน ถ้ามีอะไรผิดพลาดขอโทษด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่