ไม่เคยบริจาคไข่นะคะ แต่มีลูกโดยใช้วิธีทำเด็กหลอดแก้วซึ่งมีขั้นตอนเริ่มต้นเหมือนกับการเก็บไข่จากผู้ที่ต้องการบริจาคไข่ค่ะ

อย่างแรกเลยที่บอกว่าไม่มีผลข้างเคียงเลยคิดว่าน่าจะเป็นส่วนน้อยมากค่ะ คนที่เรารู้จักที่ท้องโดยวิธีนี้มีผลข้างเคียงตอนทำกับร่างกายกันเกือบทุกคนค่ะ เช่น บวมน้ำ  คลื่นไส้  อาเจียน  ปวดท้อง  เจ็บคัดหน้าอก  ปวดหัว  อ่อนเพลีย  น้ำหนักขึ้น  ถ้าหนักหน่อยรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปก็จะอึดอัดท้องและหายใจลำบาก อาจมีเลือดคั่งในมดลูกด้วยค่ะ ตัวเราเองตอนทำมีผลข้างเคียงเยอะมากน้ำหนักขึ้นสี่ห้ากิโล และมีภาวะเลือกออกในมดลูก นอนปวดท้องทรมานอยู่เป็นอาทิตย์เลยค่ะ

ส่วนขั้นตอนการทำก็จะเริ่มด้วยการทานยากระตุ้นไข่หรือฉีดยากระตุ้นไข่เข้าหน้าท้องทุกวันเป็นเวลาประมาณเกือบสองอาทิตย์ และก็ยังมีฉีดยากันไข่ตก และยาที่ทำให้ไข่ตกด้วยค่ะ ช่วงนั้นท้องพรุนเลย ช่วงที่ฉีดยากระตุ้นไข่คุณหมอก็จะนัดไปซาวน์ผ่านช่องคลอดดูขนาดไข่อยู่เรื่อยๆค่ะ ถ้าใช้วิธีทานยาก็จะสบายหน่อยไม่เจ็บตัวมากแต่อาจจะได้ไข่น้อย ซึ่งถ้าเป็นการขอรับบริจาคไข่โดยเสียค่าใช้จ่ายให้เราคิดว่าเขาคงให้ใช้วิธีฉีดค่ะ

หลังจากกระตุ้นไข่แล้วจะเป็นขั้นตอนการเก็บไข่ ขั้นตอนนี้ถึงไม่ต้องผ่าตัดก็จริงแต่สำหรับเราก็เจ็บมากค่ะ คุณหมอจะใช้เข็มแท่งยาวๆแทงผ่านผนังช่องคลอดเข้าไปที่รังไข่เพื่อดูดไข่ออกมาทีละใบ บางคนบอกว่าไม่เจ็บเพราะบางที่หมอให้ยาสลบแต่โรงพยาบาลที่เราทำหมอไม่วางยาสลบค่ะเพราะบอกว่าอาจมีผลข้างเคียงจากการวางยา แต่ใช้การฉีดยาให้เบลอแทน ซึ่งขั้นตอนนี้การเก็บไข่สำหรับเราเจ็บมากค่ะ ร้องลั่นห้องเก็บไข่เลย ขนาดฉีดยาให้เบลอๆแล้วแต่ก็ยังเจ็บมากกกก

ในความคิดเรานะคะถ้าไม่ได้ต้องการบริจาคให้ญาติพี่น้องหรือคนที่รักกันจริงๆเป็นเราเราไม่ทำอ่ะค่ะ หรือถ้าจขกทคิดว่าต้องการช่วยเหลือคนมีบุตรยากให้ได้มีลูกและอยากลองหาข้อมูลผลข้างเคียงเพิ่มเติมลองserchในgoogleถึงผลข้างเคียงตอนทำเด็กหลอดแก้วก็ได้ค่ะเพราะใช้วิธีการเก็บไข่วิธีเดียวกัน ในgoogleจะมีข้อมูลเยอะมาก แต่ถ้าจขกทคิดถึงเรื่องค่าตอบแทนอยากให้ลองคิดดีๆนะคะ เราคิดว่าจขกทน่าจะจะยังอายุน้อย เงิน40000-60000 แลกกับสุขภาพของตัวเราเองในอนาคตเราว่าไม่ค่อยคุ้มค่ะ วิธีใดก็ตามที่ไม่ใช่วิธีธรรมชาติชาติถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยน่าทำนะคะ