มีปัญหาธุรกิจร้านอาหาร โดนหุ้นส่วนโกงครับ

เรื่องยาวหน่อยนะครับ (ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่อ่าน /\) กำลังร้อนใจมากครับ
รบกวนผู้รู้ หรือผู้มีประสบการณ์ ช่วยวิเคราะห์ให้คำแนะนำหน่อยครับว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี

ลุงเจ้าของร้าน ในที่นี้บางกรณีผมขอเรียก หุ้นส่วนที่ 1
แม่ผม ในที่นี้บางกรณีผมขอเรียก หุ้นส่วนที่2

เรื่องคือ แม่กับเพื่อนแม่ แวะไปทานอาหารที่สวนอาหารหนึ่งซึ่งรสชาติดี แต่ลูกค้ากลับไม่ค่อยมี ร้านดูโทรมหน่อยๆ
แล้วเกิดคุยกันถูกชะตากับเจ้าของร้านยังไงไม่ทราบได้ ดันไปรู้สึกสงสารเค้า เกิดมีความคิดอยากร่วมช่วยลงทุนปรับปรุงร้าน
โดยที่เจ้าของร้านมีความยินดีเป็นอย่างมาก โดยในช่วงแรก ทั้งสองฝ่ายมีการวางแผน จะลงทุนร่วมกัน
ด้วยเม็ดเงิน จำนวนหุ้นส่วนละ 2แสนบาท

โดยหุ้นส่วนที่ 1 ไม่ต้องวางเงินแต่อย่างใดเนื่องจากใช้ร้านเดิมเป็นต้นทุน
และหุ้นส่วนที่ 2 ต้องนำเงิน 2แสนบาท มาจ่ายให้ หุ้นส่วนที่ 1 เพื่อไปดำเนินการเกี่ยวกับร้านต่อไป

จากนั้นยังไม่มีการวางเงินกันแต่อย่างใด เพราะรอให้ หุ้นส่วนที่ 1 ร่างสัญญา ขึ้นมาก่อน

ซึ่งระหว่างที่รอสัญญาร่วมหุ้นประมาณครึ่งเดือนนั้น ในบริเวณร้านมีพื้นที่ว่าง "เพื่อนแม่" จึงคิดจะเปิดร้านคาราโอเกะในบริเวณร้านด้วย
โดยเพื่อนแม่ ได้ไปขออนุญาติหุ้นส่วนที่ 1 ว่าจะทำการดังกล่าว หุ้นส่วนที่ 1 เห็นชอบไม่ได้ขัดข้องใดๆ จึงตกลงกัน "ปากเปล่า"
ใจความว่า เพื่อนแม่ ขอเช่าที่ตรงนั้น ต่อจาก หุ้นส่วนที่ 1 อีกที จึงได้มีการเริ่มปรับปรุงพื้นที่ ก่อนจะมีการทำสัญญา
ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าว มันอยู่ในพื้นที่ของสวนอาหารอยู่แล้ว จึงได้มีปรับพื้นที่บางส่วนที่เป็น"สิ่งปลูกสร้าง"ของสวนอาหารไปด้วย
ซึ่งในเรื่องของพื้นที่นั้น เป็นที่ดินเช่า ทางหุ้นส่วนที่ 1 กล่าวว่า หากทำสัญญา จ่ายเงิน 2 แสนเมื่อไหร่ จะนำเงินไปต่อสัญญาอีก 3 ปี
ทันที ซึ่งในขณะนั้น หุ้นส่วนที่ 1 บอกว่า สัญญาฉบับปัจจุบันยังคงมีผลอยู่ และยังไม่หมดอายุสัญญา แต่อย่างใด


ระหว่างการปรับปรุงร้านนั้น ทางลุงเจ้าของร้านเค้าดูไม่ค่อยอยากปรับอะไรเลย แต่ไม่ได้ทักท้วงจริงจังอะไร มีแต่บ่นๆ พึมพำ
เค้าบอกว่า ของเค้าดีอยู่แล้ว (ดีอยู่แล้ว... ทำไมไม่มีคนเข้าร้านเลยหง่ะ??) แม่กับเพื่อนแม่ ร่วมกันทำไปหลายอย่างมาก
ทั้งถมบ่อ ปรับภูมิทัศน์ โล๊ะต้นไม่รกๆ ออก เปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ มุงหลังคาใหม่ ทำกันสาด ซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวเพิ่ม
โปรโมทแจกใบปลิวในบริเวณใกล้เคียง ทั้งหมดไม่รวมในมูลค่าเงินลงทุน สองแสน แต่อย่างใด แต่มีการจดบัญชีเอาไว้
เกิดผลทันตา ลูกค้าเริ่มมีหนาตาขึ้น ผลประกอบการดีขึ้นอย่างเหนได้ชัด

จากนั้นพอลูกค้าเพิ่มขึ้น แม่ผมได้พบปัญหาว่า ที่จอดรถ มีไม่พอ ต้องขอเช่าพื้นที่ฝั่งตรงข้าม และขอดูสัญญาเช่าที่สวนอาหารด้วย
-ในส่วนของที่จอดรถ ทางหุ้นส่วนที่ 1 พูดว่าไม่มีปัญหา คุยกับ เจ้าของที่ไว้แล้ว เอาเงินไปวางทำสัญญา เช่าได้เลย
-ในส่วนของสัญญาเช่าที่ร้าน ก็เช่นกัน หุ้นส่วนที่ 2 พยายามขอดูสัญญาเช่า หลายรอบแต่ทางหุ้นส่วนที่ 1 ไม่ยอมนำสัญญาเช่ามาให้ดู
(ตรงนี้ผมติดใจมาก ว่าพลาดจริงๆ)

แล้วทีนี้จุดที่รู้สึกว่าโคตรพลาด คือ พอถึงวันวางเงินทำสัญญา หุ้นส่วนที่2 วางเงินโดยยังไม่ได้เห็นสัญญา ด้วยความไว้ใจล้วนๆ
ทั้งที่จอดรถ และบริเวณร้านอาหาร มีเพียงสัญญาตกลงทำธุรกิจร่วมกัน ระบุข้อกำหนดต่างๆ แบบ พื้นฐาน เพียงเท่านั้น
พอได้เงินไป 2 วัน อาการเริ่มเปลี่ยน ลายเริ่มออก ความจริงเผยออกมาว่า...

1.ที่จอดรถฝั่งตรงข้าม ขออนุญาติไม่ได้ หุ้นส่วนที่ 1 อ้างว่าทางเจ้าของที่มาบอกทีหลังว่า ติดข้อกฎหมายใหม่
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นลานโล่งของร้านขายของเก่า และหลังเวลา 18.00 น. ไม่สามารถ เปิดได้
เนื่องจากจะโดนข้อหารับซื้อของผิดกฎหมาย (อันนี้ไม่ทราบว่าจริงไหม แต่ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป แบบลูบหน้าปะจมูก)
2.สัญญาเช่าที่เดิมนั้น ขาดอายุ มาเป็นเวลานานแล้ว เงิน 2 แสนที่นำไป นำไปชำระหนี้จนหมดสิ้น ไม่มีเงินเพียงพอ
จะไปต่อสัญญาเช่าใหม่

หุ้นส่วนที่ 1 บอกว่าหากจะต่อสัญญาต้องนำเงินมาร่วมกัน อีก จำนวนนึง เพื่อไปต่อสัญญา
แม่กับเพื่อนแม่ ก็รู้สึกแล้วว่าโดนแล้วไง เกิดความไม่พอใจ มีการถกเถียงกันเกิดขึ้น ว่า ผิดกติกา ข้อตกลงที่คุยกันไว้
แม่เพื่อนร่วมด้วย เพราะ ลงทุนทำร้านคาราโอเกะไปจนจะเสร็จเตรียมเปิดร้านแล้ว

หุ้นส่วนที่ 2 ต้องการถอนหุ้นออกทั้งหมด โดยในสัญญาที่ทำร่วมกันระบุว่า ต้อง เซ็นต์ยินยอมจากทั้งสองฝ่าย
ซึ่งแน่นอน หุ้นส่วนที่ 1 ก็ตีขุมว่า ไม่เซ็นไม่ยินยอม ไม่ให้ถอน และไม่คืนเงิน เนื่องจาก ยังไม่ได้ทำผิดสัญญาใดๆ  
อ้างว่า ไม่ได้พูดๆ ท่าเดียว

ซ้ำยังบอกอีกว่า 2แสนเป็นเงินกินเปล่า ทุกอย่างจากนี้ นับหนึ่งใหม่หมด ซึ่งถือว่าผิดคำพูด
ในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่อสัญญาเช่าพื้นที่  ซึ่งแม่ผมกลัวมาก ว่าถ้าเจ้าของที่ไล่ที่ ที่ทำไปทั้งหมดจะสูญเปล่า
จริงๆแล้ว วางเงินเพิ่ม เพื่อต่อสัญญาก็จบ แต่ คนมันเถียงกันแล้ว ไม่ลงรอยกันแล้ว แม่คิดว่าป่วยการจะทำต่อ
แม่พยายามให้เพื่อนคนอื่นมา หุ้นแทน เพื่อจะได้ชักทุนกลับ ซึ่งก็มีคนยินดีจะลงแทน แต่ตัวลุงเองไม่ยอม
เพราะเห็นร้านตัวเองคนเยอะขึ้น ก็บอกว่า ไม่อยากให้ใครมาหุ้นแทนแล้ว อยากทำคนเดียว
แต่ก็ไม่ยอมเซ็นถอนหุ้นและชดใช้เงินให้แม่ อ้างว่า ถ้าจะเลิกทำก็เลิกไป แต่อยากเลิกเองกระทันหัน เงินไม่ให้นะ

ถ้าไม่อย่างนั้นก็ทนหุ้นต่อไป ถ้ากำไรก็แบ่งกันไป ถ้าขาดทุน ก็ต้องร่วมกันจ่ายต่อไปทำนองนั้น  ซึ่งผมไปดู มา 2 ครั้ง
ผมพูดได้เลยว่าเค้าไม่ซื่อสัตย์และมีแต่จะขาดทุน เพราะเราปรับในแง่ของสถานที่แล้วก็จริง
แต่อาหาร ลุงชอบใช้ของเก่าเหลือแช่เย็นไว้นานๆ จนไม่สด ดูไม่น่าทาน (มารู้หลังจากทำสัญญาไปแล้ว) พยายามบอกก็เถียงกัน
แม่ผมเองก็พยายามบอกว่า ลุงขายอะไรไป ไม่จดบัญชีเลย และอ้างว่าขายได้น้อยทุกวัน ตรงนี้เอง ก็ถือว่า
ฝั่งเราพลาดที่ไม่รัดกุมเรื่องการเก็บเงิน ทำบัญชี

แม่พยายามจะเอาผิดแค่ในแง่ที่ลุงไม่ยอมคืนเงิน ซึ่งวันนี้ 15/07/2557 ไปเจรจาอีกรอบ ครั้งนี้ผมไปด้วยเพื่อพยายามหว่านล้อม
จนลุงบอกว่า จะยอมคืนเงินให้ (ปากเปล่าเหมือนเดิม แต่คราวนี้ผมแอบอัดเสียงเอาไว้ด้วย ไว้เปนหลักฐานมัดตัว)
อีกทั้งเพื่อนแม่คนเดิม ก็ไปนั่งร่วมฟังและเป็นพยานให้กับแม่ด้วย  ซึ่งตรงนี้ ผมไม่แน่ใจว่า พยานบุคคลมีผลแค่ไหน
เพราะช่วงก่อนทำสัญญากัน วันที่หุ้นส่วนที่1 บอกว่า จะนำเงินสองแสนที่ได้จากหุ้นส่วนที่ 2ไปต่อสัญญานั้น
เพื่อนแม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากว่าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจริงๆ ถือว่าเป็นพยานได้ไหม

ยังไม่จบครับ พอมีการตกลงจะคืนเงิน ลุงบอกว่าจะคืนโดยหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด คนละ 50 50 ตรงนี้ Ok แต่...
แม่ถามว่า แล้วสิ่งปลูกสร้างที่ทำให้ไปแล้ว ชดใช้เป็นเงินมาด้วย เพราะถือว่า คนที่ได้ผลประโยชน์ ก็คือลุงเต็มๆ
ลุงบอกว่า ไม่ได้ขอให้ทำ อยากทำกันเอง ก็จ่ายไปสิ ...(ผมโกรธมาก แต่ก็ต้องนิ่งไว้ ในใจนึก แหม่ ไอห่านเอ้ย ทำแล้วร้านก็ดูดีขึ้น
คนเข้าเยอะขึ้นมาก จนคิดอยากทำคนเดียว แล้วมาบอกไม่รู้ไม่ชี้ สด. เลว มาก เห็นแก่ได้)

เรื่องจบลงตรงที่ รอเคลียร์เรื่อง ค่าใช้จ่ายเพื่อหักลบและคืนเงินกัน วันเสาร์ที่ 19/07/2557 ที่จะถึงนี้
ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดในเรื่องของกฏหมายว่า สิ่งก่อสร้างที่ลงทุนไปแล้ว หากมีการถอนหุ้น ทรัพย์สินส่วนกลางพวกนี้
ฝ่ายที่ถือครองต้องจ่ายใช่ไหมครับ หรือแล้วแต่จะตกลงกัน
อีกทั้งวันที่จะเคลียร์ แกบอกลูกชาย 3 คน ญาติๆ มาด้วย ผมเกรงว่าจะเกิดการข่มขู่ขึ้น และล้มโต๊ะไม่คืนเงินให้ง่ายๆ
ตอนนี้ไม่สบายใจเลยครับ สงสารแม่มาก ที่มาเจอคนพลิกลิ้นแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่