ญาติเอามาแชร์ครับ ... จริงเท็จช่วย...ให้ข้อมูลด้วยครับ
วีระ เริ่มแฉ.........
สองในสามของแขกวีไอพีจากเพื่อไทยที่เข้าพบคนจริง วีระ สมความคิด ที่เรือนจำเปรย์วอร์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ (โดยมีเงื่อนไขที่วีระไม่สามารถยอมรับได้) คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ... วีระยังไม่ได้เปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังของการเข้าพบดังกล่าว หลังวีระปฏิเสธไม่รับเงื่อนไขในการช่วยเหลือได้เป็นสาเหตุสำคัญให้ต้องพักยาวในคุกเปรย์ซอร์ โดยที่รัฐบาลของนางแด๊ะแด๊ะ ที่มีความสัมพันธ์อย่างดีมากกับกพช.เลือกที่จะไม่ช่วยวีระเพราะไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการ เป็นเรื่องน่าเศร้าครับที่มีรัฐบาลเยี่ยงนี้ โชคดีที่มีคสช.ทำให้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองพวก sat narok ที่มาจากอเวจี มองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะหน้า...
...เสธน้ำเงินมีข้อมูลลึกที่น่าสนใจเลยเอามาฝาก....
ด้วยนโยบายประชานิยมเผาไทย การทุ่มซื้อเสียงแบบหมดหน้าตัก ส่งผลให้ส่งปูเน่า ขึ้นเป็นนายกฯ ได้ในเวลา 45 วัน แต่ก็ยังทำให้คนแดนไกล กลับมาประเทศแบบเท่ห์ๆ ยังไม่ได้อยู่ดี
จึงเป็นที่มาของการส่งคนไปเจรจายื่นเงื่อนไขต่อรองกับ วีระ สมความคิด ในคุกเขมรถึง 3 ครั้งว่า หากช่วยให้เขมรปล่อยตัวออกจากคุกได้ เขาต้องรับเงื่อนไขในการล้มคดีความที่เขาเป็นผู้ร้อง เกี่ยวกับการทุจริตของคนแดนไกล และเหล่าบรรดาสมุน ที่คดีคาอยู่ที่ในกระบวนการยุติธรรมขั้นตอนต่างๆ และต้องหยุดขุดคุ้ยต่อตลอดไป
ที่สำคัญคือรัฐบาลปูเน่าต่อรองเรื่องพื้นที่พิพาทเขาพระวิหารด้วย เพราะในช่วงรัฐบาลปูเน่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดีมาก มีการไปมาหาสู่กัน มีการทำธุรกิจร่วมกัน หากวีระยอมทำตามเงื่อนไขทุกอย่างง่ายมาก
แต่วีระ เป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ เหมือนเรืองไกร ที่ยอมแพ้ต่อผลประโยชน์อันหอมหวล วีระจึงปฏิเสธเงื่อนไขนั้นทั้ง 3 ครั้ง เพราะเห็นว่าชาติจะเสียประโยชน์ และเขาก็ติดคุกเขมรมาระยะแล้ว จึงขอเสียสละเพื่อชาติยอมติดคุกต่อไปไม่ให้เสียของ โดยมีภรรยาเขาจากเมืองไทยไปเยี่ยมทุกสัปดาห์
ช่วงนั้นบิ๊กสีเขียวยังไม่มีอำนาจเต็มที่จะช่วยวีระ เพราะรัฐบาลเผาไทยมีปูเน่าเป็นนายกฯ จังก้าขัดขวางอยู่ เนื่องจากจากคนแดนไกลและพวกยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลยจากวีระ หากวิ่งเต้นให้เขมรปล่อยตัวออกมา
จนบิ๊กสีเขียวยึดอำนาจเป็น คสช. มีอำนาจเต็มจึงเดินกลศึกเงียบๆ แบบเหนือเมฆ เพราะวิเคราะห์ว่าเขมร ใช้การทหารนำการเมือง และอาศัยจังหวะทองเรื่องแรงงานเขมรอพยพกลับบ้าน โดยต่อสายตรงไปทางกองทัพบกเขมร คุยกันแบบทหารคุย ขอกันดื้อๆ ให้ปล่อยตัววีระ
จากนั้นต่อสายไปทางจีน ให้ช่วยเจรจากับฮุนเซน ที่เกรงใจจีนมากในอีกทางหนึ่ง โดยกลศึกนี้ไม่ผ่านกระทรวงต่างประเทศ ตามแบบแผนปกติทางการทูตในตำราทั่วไปที่กระทำกัน ถือเป็นพิชัยสงครามขั้นเทพมาก และปิดเป็นความลับมาตลอด มีเพียงการส่งผู้ช่วยทูตทหาร ไปบอกวีระ ที่คุกเขมรเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.57 สั้นๆ ว่า "ตอนนี้ คสช.กำลังหาทางช่วยอยู่ "
หลังการเจรจาลับกับฮุนเซน บรรลุผลเรียบร้อย ฮุนเซ็น ก็ออก พรก.อภัยโทษวีระ รอไว้ จากนั้นบิ๊กสีเขียว ก็ส่งคณะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ไปเขมรทันทีทำให้ดูเนียนๆ เป็นทางการสักหน่อย ฉากการเข้าพบฮุนเซน แบบการเยือนระหว่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.57 โดยคณะจากไทยเปิดฉากเจรจาเรื่องแรงงานเขมร ฮุน เซ็น นั่งพงักหน้าหงึกๆ อยู่พัก เห็นว่าฝ่ายไทยไม่เริ่มคุยเรื่องวีระเสียที จึงบอกว่ามาคุยตรงประเด็นเลย มาขอปล่อยตัววีระใช่ไหม?
ฝ่ายไทยจึงเริ่มเปิดประเด็นเรื่องวีระ โดยนำหนังสือขอบคุณชมเชยเขมรในมิตรไมตรีของประเทศเพื่อนบ้าน ที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองในไทย ลงนามโดย บิ๊กสีเขียว คสช.มาให้ฮุนเซน ทำให้เขายิ้มแก้มปริ เขิน ที่ได้รับคำชมกันเป็นทางการหนังสือจากไทยเสียขณะนี้
ฮุนเซ็น จึงล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อนอก หยิบกระดาษ 1 แผ่นเป็น พรก.อภัยโทษ ให้วีระ แล้วถามปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทย ว่าจะรับตัวไปวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ ฝ่ายไทยจึงบอกว่า ขอรับตัววันนี้เลย จากนั้นคำสั่งปล่อยตัววีระ ถูกส่งไปคุกเปรซอร์ ของเขมรอย่างรวดเร็ว
ผู้คุมมาเรียกตัววีระ ที่ห้องขังว่าจะปล่อยตัวตอนนี้เลย สร้างความงุนงงให้วีระ มาก และไม่คิดว่าจะจริง แต่พอเขาถูกปล่อยตัวออกเดินออกมา เพื่อนนักโทษ ก็ส่งเสียงเชียร์อวยพรเขาให้กลับมามีตำแหน่งสำคัญในไทย โดยมีคณะทูตไทย และภรรยารอรับตัวเขาสู่อิสระภาพ นำตัวกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้นทันที
เมื่อมาถึงเมืองไทย เขาได้รับการต้อนรับอบอุ่นเยี่ยง "วีรบุรุษ สมความคิด" ตามชื่อของเขา แต่ด้วยเขามีคดีปิดสนามบินค้างเก่ามาสมัยพันธมิตร ตรวจคนเข้าเมือง จึงส่งมอบตัวเขาให้กองปราบปรามตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมีทนายนิติธร ยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาทประกันตัว และตำรวจก็พิจารณาให้ประกันตัวทันที
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปสันติอโศก เพื่อกราบไหว้ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ ตามธรรมเนียมไทย และกลับบ้านไปหาแม่ที่จากกันมานาน แล้วพบหน้าครอบครัว อยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข เขามีคิวนัดสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจำนวนหลายแห่ง และคิวเข้าพบขอบคุณบิ๊กสีเขียว คสช.ด้วยตัวเองด้วย
แต่คุณวีระ เขาใจเย็นพอ ที่ช่วงนี้เขาจะไม่เปิดเผยว่าในสมัยปูเน่า ส่งใครไปเจรจาช่วยพี่ชายคนแดนไกลถึง 3 ครั้ง และเงื่อนไขนั้นมีรายละเอียดอย่างไร เพราะเขาอ่านกลศึก ของบิ๊ก คสช.ขาด ว่าการช่วยเขากลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นพยานให้ ปปช. และศาล ในคดีเก่าๆ ที่เขายื่นร้องค้างไว้ให้เดินหน้าได้นั่นเอง
การเปิดเผยอะไรเสียหมด จะเสียการใหญ่ภายหน้าโดยใช่เหตุ เขาคิดถูกแล้วที่ยังปิดจุดสำคัญนี้ไว้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานมัดคนไปเจรจาให้ดิ้นไม่หลุด ตามกลยุทธ์ เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แต่ทำอย่างมั่นคง ของพยัคฆสีเขียว
นักพิชัยสงครามที่ดี "การรบที่ดีที่สุด คือ การไม่รบ" ดังนั้นกลุ่มคนที่กำลังยุยงให้คุณวีระรบ เปิดเผยความลับปริศนาการเจรจาดำมืดกับแก็งค์แบล็คเมล์ในครั้งนั้น คือกำลังยุให้คุณวีระทำเสียของ ซึ่งคิดว่าคุณวีระเขาจะใจนิ่งพอ และรู้ว่าเวลาข้างหน้าช่วงใด จึงจะเปิดเผยได้
ขอบคุณครับ
ขอความเห็นเรื่องวีระ ครับ
วีระ เริ่มแฉ.........
สองในสามของแขกวีไอพีจากเพื่อไทยที่เข้าพบคนจริง วีระ สมความคิด ที่เรือนจำเปรย์วอร์ เพื่อให้ความช่วยเหลือ (โดยมีเงื่อนไขที่วีระไม่สามารถยอมรับได้) คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ... วีระยังไม่ได้เปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังของการเข้าพบดังกล่าว หลังวีระปฏิเสธไม่รับเงื่อนไขในการช่วยเหลือได้เป็นสาเหตุสำคัญให้ต้องพักยาวในคุกเปรย์ซอร์ โดยที่รัฐบาลของนางแด๊ะแด๊ะ ที่มีความสัมพันธ์อย่างดีมากกับกพช.เลือกที่จะไม่ช่วยวีระเพราะไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการ เป็นเรื่องน่าเศร้าครับที่มีรัฐบาลเยี่ยงนี้ โชคดีที่มีคสช.ทำให้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองพวก sat narok ที่มาจากอเวจี มองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะหน้า...
...เสธน้ำเงินมีข้อมูลลึกที่น่าสนใจเลยเอามาฝาก....
ด้วยนโยบายประชานิยมเผาไทย การทุ่มซื้อเสียงแบบหมดหน้าตัก ส่งผลให้ส่งปูเน่า ขึ้นเป็นนายกฯ ได้ในเวลา 45 วัน แต่ก็ยังทำให้คนแดนไกล กลับมาประเทศแบบเท่ห์ๆ ยังไม่ได้อยู่ดี
จึงเป็นที่มาของการส่งคนไปเจรจายื่นเงื่อนไขต่อรองกับ วีระ สมความคิด ในคุกเขมรถึง 3 ครั้งว่า หากช่วยให้เขมรปล่อยตัวออกจากคุกได้ เขาต้องรับเงื่อนไขในการล้มคดีความที่เขาเป็นผู้ร้อง เกี่ยวกับการทุจริตของคนแดนไกล และเหล่าบรรดาสมุน ที่คดีคาอยู่ที่ในกระบวนการยุติธรรมขั้นตอนต่างๆ และต้องหยุดขุดคุ้ยต่อตลอดไป
ที่สำคัญคือรัฐบาลปูเน่าต่อรองเรื่องพื้นที่พิพาทเขาพระวิหารด้วย เพราะในช่วงรัฐบาลปูเน่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดีมาก มีการไปมาหาสู่กัน มีการทำธุรกิจร่วมกัน หากวีระยอมทำตามเงื่อนไขทุกอย่างง่ายมาก
แต่วีระ เป็นคนยอมหัก ไม่ยอมงอ เหมือนเรืองไกร ที่ยอมแพ้ต่อผลประโยชน์อันหอมหวล วีระจึงปฏิเสธเงื่อนไขนั้นทั้ง 3 ครั้ง เพราะเห็นว่าชาติจะเสียประโยชน์ และเขาก็ติดคุกเขมรมาระยะแล้ว จึงขอเสียสละเพื่อชาติยอมติดคุกต่อไปไม่ให้เสียของ โดยมีภรรยาเขาจากเมืองไทยไปเยี่ยมทุกสัปดาห์
ช่วงนั้นบิ๊กสีเขียวยังไม่มีอำนาจเต็มที่จะช่วยวีระ เพราะรัฐบาลเผาไทยมีปูเน่าเป็นนายกฯ จังก้าขัดขวางอยู่ เนื่องจากจากคนแดนไกลและพวกยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลยจากวีระ หากวิ่งเต้นให้เขมรปล่อยตัวออกมา
จนบิ๊กสีเขียวยึดอำนาจเป็น คสช. มีอำนาจเต็มจึงเดินกลศึกเงียบๆ แบบเหนือเมฆ เพราะวิเคราะห์ว่าเขมร ใช้การทหารนำการเมือง และอาศัยจังหวะทองเรื่องแรงงานเขมรอพยพกลับบ้าน โดยต่อสายตรงไปทางกองทัพบกเขมร คุยกันแบบทหารคุย ขอกันดื้อๆ ให้ปล่อยตัววีระ
จากนั้นต่อสายไปทางจีน ให้ช่วยเจรจากับฮุนเซน ที่เกรงใจจีนมากในอีกทางหนึ่ง โดยกลศึกนี้ไม่ผ่านกระทรวงต่างประเทศ ตามแบบแผนปกติทางการทูตในตำราทั่วไปที่กระทำกัน ถือเป็นพิชัยสงครามขั้นเทพมาก และปิดเป็นความลับมาตลอด มีเพียงการส่งผู้ช่วยทูตทหาร ไปบอกวีระ ที่คุกเขมรเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.57 สั้นๆ ว่า "ตอนนี้ คสช.กำลังหาทางช่วยอยู่ "
หลังการเจรจาลับกับฮุนเซน บรรลุผลเรียบร้อย ฮุนเซ็น ก็ออก พรก.อภัยโทษวีระ รอไว้ จากนั้นบิ๊กสีเขียว ก็ส่งคณะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ไปเขมรทันทีทำให้ดูเนียนๆ เป็นทางการสักหน่อย ฉากการเข้าพบฮุนเซน แบบการเยือนระหว่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.57 โดยคณะจากไทยเปิดฉากเจรจาเรื่องแรงงานเขมร ฮุน เซ็น นั่งพงักหน้าหงึกๆ อยู่พัก เห็นว่าฝ่ายไทยไม่เริ่มคุยเรื่องวีระเสียที จึงบอกว่ามาคุยตรงประเด็นเลย มาขอปล่อยตัววีระใช่ไหม?
ฝ่ายไทยจึงเริ่มเปิดประเด็นเรื่องวีระ โดยนำหนังสือขอบคุณชมเชยเขมรในมิตรไมตรีของประเทศเพื่อนบ้าน ที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองในไทย ลงนามโดย บิ๊กสีเขียว คสช.มาให้ฮุนเซน ทำให้เขายิ้มแก้มปริ เขิน ที่ได้รับคำชมกันเป็นทางการหนังสือจากไทยเสียขณะนี้
ฮุนเซ็น จึงล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อนอก หยิบกระดาษ 1 แผ่นเป็น พรก.อภัยโทษ ให้วีระ แล้วถามปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทย ว่าจะรับตัวไปวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ ฝ่ายไทยจึงบอกว่า ขอรับตัววันนี้เลย จากนั้นคำสั่งปล่อยตัววีระ ถูกส่งไปคุกเปรซอร์ ของเขมรอย่างรวดเร็ว
ผู้คุมมาเรียกตัววีระ ที่ห้องขังว่าจะปล่อยตัวตอนนี้เลย สร้างความงุนงงให้วีระ มาก และไม่คิดว่าจะจริง แต่พอเขาถูกปล่อยตัวออกเดินออกมา เพื่อนนักโทษ ก็ส่งเสียงเชียร์อวยพรเขาให้กลับมามีตำแหน่งสำคัญในไทย โดยมีคณะทูตไทย และภรรยารอรับตัวเขาสู่อิสระภาพ นำตัวกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้นทันที
เมื่อมาถึงเมืองไทย เขาได้รับการต้อนรับอบอุ่นเยี่ยง "วีรบุรุษ สมความคิด" ตามชื่อของเขา แต่ด้วยเขามีคดีปิดสนามบินค้างเก่ามาสมัยพันธมิตร ตรวจคนเข้าเมือง จึงส่งมอบตัวเขาให้กองปราบปรามตามขั้นตอนกฎหมาย โดยมีทนายนิติธร ยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาทประกันตัว และตำรวจก็พิจารณาให้ประกันตัวทันที
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปสันติอโศก เพื่อกราบไหว้ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ ตามธรรมเนียมไทย และกลับบ้านไปหาแม่ที่จากกันมานาน แล้วพบหน้าครอบครัว อยู่กันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข เขามีคิวนัดสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจำนวนหลายแห่ง และคิวเข้าพบขอบคุณบิ๊กสีเขียว คสช.ด้วยตัวเองด้วย
แต่คุณวีระ เขาใจเย็นพอ ที่ช่วงนี้เขาจะไม่เปิดเผยว่าในสมัยปูเน่า ส่งใครไปเจรจาช่วยพี่ชายคนแดนไกลถึง 3 ครั้ง และเงื่อนไขนั้นมีรายละเอียดอย่างไร เพราะเขาอ่านกลศึก ของบิ๊ก คสช.ขาด ว่าการช่วยเขากลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นพยานให้ ปปช. และศาล ในคดีเก่าๆ ที่เขายื่นร้องค้างไว้ให้เดินหน้าได้นั่นเอง
การเปิดเผยอะไรเสียหมด จะเสียการใหญ่ภายหน้าโดยใช่เหตุ เขาคิดถูกแล้วที่ยังปิดจุดสำคัญนี้ไว้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานมัดคนไปเจรจาให้ดิ้นไม่หลุด ตามกลยุทธ์ เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แต่ทำอย่างมั่นคง ของพยัคฆสีเขียว
นักพิชัยสงครามที่ดี "การรบที่ดีที่สุด คือ การไม่รบ" ดังนั้นกลุ่มคนที่กำลังยุยงให้คุณวีระรบ เปิดเผยความลับปริศนาการเจรจาดำมืดกับแก็งค์แบล็คเมล์ในครั้งนั้น คือกำลังยุให้คุณวีระทำเสียของ ซึ่งคิดว่าคุณวีระเขาจะใจนิ่งพอ และรู้ว่าเวลาข้างหน้าช่วงใด จึงจะเปิดเผยได้
ขอบคุณครับ