เมื่อวานค่ะ(11/07/14) ดิฉันกะเพื่อนสาวตั้งใจจะมากินเคเอฟซีกัน ในเวลาประมาณสองทุ่ม ที่สาขาโลตัสอยุธยาพาร์คชั้นหนึ่งค่ะ ชื่อพนักงานไม่บอกน่ะค่ะ เค้าก็จำดิฉันได้ เพราะดิฉันออกจากร้านคนสุดท้ายของวันนั้นเลย ค่ะ ฉันรู้
เรื่องมันเป็นงี้
ดิฉันก็ต่อคิวอยู่คนเดียว เพื่อนจองโต๊ะ คิวยาวนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกะรอไม่ได้ ..... ในขณะที่เหลืออีกแค่นึงคิว ก็คือเหลือแค่ลูกค้าด้านหน้าที่ดิฉันกะลังสั่งอยู่ก็จะถึงคิวดิฉันแล้ว .... ดิฉันก็รออย่างใจจดใจจ่อ ขณะนั้นเองดิฉันก็เห็นมีลูกค้าสองท่าน ชายและหญิงกะลังยืนดูป้ายเมนูด้านบน ที่อยู่ด้านหลังพนักงาน เค้าก็ เลือกไป คุยกันไป
หลังจากลูกค้าด้านหน้าสั่งเสร็จ พนักงานก็บอกให้ลูกค้าชายหญิงคู่นั่นสั่งอาหาร ซึ่งไม่ได้ต่อคิวเลยยยยย ดิฉันที่ยืนรอคิวอยู่จึงแสดงตนทันที ยืนหน้าไปบอกว่า “มาก่อนค่ะ มาก่อน“ เพราะในขณะนั้นได้แสตนด์บายความคิดนี้ไว้อยู่แล้ว เพราะเราก็เข้าใจว่าลูกค้าสองท่านนั้นยืนอยู่ติดหน้าเคาน์เตอร์ขนาดนั้น แต่ถ้าสังเกตสักนิดจะพบว่า แถวคิวยาวเหยียดน่ะ มันก็หดมาตามระยะของมันแล้วไง แม่คู้ณ ณณณณณ เป็นแถวเป็นแนวอยู่นี่ ค่า…
พนักงานตอบกลับมาว่า “หนูไม่รู้หรอกว่าใครมาก่อนมาหลัง “ !!!! ประโยคนี้ล่ะค่ะ เรื่องบังเกิดเลย
อ้าว ..... ดิฉันคิดในใจ (ก็นี่ไงก็บอกอยู่นี่ไง อีนางเอ้ยยยยยย )
ดิฉันก็เลยสอบถามกลับไปว่า “มาก่อนอ่ะค่ะ ต้องกลับไปต่อคิวใหม่อีกไหม “
แน่นอนค่ะ ดิฉันรอฟังคำพูดที่ขาดความหยั่งคิดอีกครั้ง ถ้ามันจะทะเลาะกันบนความถูกต้องของดิฉัน ก็พร้อมค่ะ !!!!!!
พนักงานไม่ได้ตอบ .... ค่ะ แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ *****
ถ้าพนักงานไม่พูดแบบนั้น ลูกค้าสองคนนั้นก็คงให้ความสำคัญกับคำว่า "คิว" แต่พูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่า 15นาทีที่ผ่านมาฉันยืนบื้อ.. ทำเบื้อกอะไร ?!
ลูกค้าสองท่านนั้นหลังจากได้ยินแบบนั้น กลับหันไปพูดกันแบบให้ฉันได้ยินว่า
” เออ ..... ให้เค้าก่อนก็ได้เน๊อะ เราไม่รีบอยู่แล้วนิ “
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พวกเธอช่างจิตใจงดงาม การเสียสละครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก (ประชด)ตรูมาก่อนโว้ยยยยยย มาก่อน
และหลังจากนั้นผู้ ญ ก็พูดจาเหน็บแหนมอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ดิฉันพยายามปิดหู เท่าไหร่ก็ได้ยิน และหันมาเหลือบมามองชุดที่ดิฉันใส่อยู่ประหนึ่งจะหาว่า ฉันเป็นใคร ? จ้องมองที่โลโก้ชุดนักเรียน ที่เด่นเป็นตระหง่าน มองหน้าสองสามครั้ง .... พร้อมพูดกับเพื่อนเค้าเพื่อเหน็บฉันว่า
“ รีบหรอ ? กูไม่รีบนะ “
ส่วนดิฉันหรอค่ะ >>> ได้รับ ร อ ย ยิ้ ม จากลูกค้าด้านหน้าที่รออาหารอยู่ ที่ส่งมาให้ “ ปลื้มปริ่ม + น้ำตาจิไหล “
ดิฉันโมโหค่ะ ไม่เข้าใจว่า พนักงานต้องการอะไร จากประโยคที่เค้ากล่าวมาแบบนั้น < < < คือดิฉันก็แสดงสถานะ แต่คุณกลับไม่สนใจมันซ้ำยังตอกกลับมาด้วยประโยคที่ฉันได้แปลได้ว่า ตรูเข้าใจผิดแล้วไง ใครสน มุงต่อคิวเพื่อ ... ???
หลังจากนั้นเค้าก็สบตาให้ดิฉันสั่งอาหาร เมื่อพนักงานให้โอกาสคนอย่างฉันได้สั่งอาหาร ดิฉันก็สั่งค่ะ
ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ อาการปกติทุกอย่างสาบานได้ ...**** แต่พนักงานคงไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้น ดิฉันได้รับรังสีอำมหิตจากลูกค้าสองท่านนั้น ขนาดเดินมายังโต๊ะ ยังมองหน้ากัน เสียงดังเปรี๊ย ๆ และเค้านั่งเยื้องกับดิฉัน เค้ายังมองมาเป็นระยะๆ ประหนึ่ง คงอยากรู้ว่า “ ไก่ที่ดิฉันได้รับใหญ่กว่าของเค้าไหม (ประชดค่ะ)”
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอกล่าว
ขอขอบพระคุณ พนักงานเคเอฟซีท่านนั้น ที่ทำให้ดิฉันมีประสบการณ์ที่ลิงโลดแปลกใหม่ และขอขอบคุณรอยยิ้มเล็กๆจากลูกค้าด้านหน้าที่ส่งให้ดิฉัน ขอบคุณการเสียสละปลอมๆ ของลูกค้าสองท่านนั้นด้วย ค่ะ
การต่อคิว ถ้าคุณคิดว่าไม่สำคัญ ----- แล้วคนทั้งโลกเค้าจะต่อคิวกันเพื่ออะไร ลองคิดดูน่ะค่ะ?!!!
ปล.ดิฉันไม่ใช่พระเจ้า และดิฉันชอบเข้าคิวมาก
พนักงานเคเอฟซี คุณจะรู้ไหมว่า ลูกค้าเกือบจะตีกันเพราะคุณ
เรื่องมันเป็นงี้
ดิฉันก็ต่อคิวอยู่คนเดียว เพื่อนจองโต๊ะ คิวยาวนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกะรอไม่ได้ ..... ในขณะที่เหลืออีกแค่นึงคิว ก็คือเหลือแค่ลูกค้าด้านหน้าที่ดิฉันกะลังสั่งอยู่ก็จะถึงคิวดิฉันแล้ว .... ดิฉันก็รออย่างใจจดใจจ่อ ขณะนั้นเองดิฉันก็เห็นมีลูกค้าสองท่าน ชายและหญิงกะลังยืนดูป้ายเมนูด้านบน ที่อยู่ด้านหลังพนักงาน เค้าก็ เลือกไป คุยกันไป
หลังจากลูกค้าด้านหน้าสั่งเสร็จ พนักงานก็บอกให้ลูกค้าชายหญิงคู่นั่นสั่งอาหาร ซึ่งไม่ได้ต่อคิวเลยยยยย ดิฉันที่ยืนรอคิวอยู่จึงแสดงตนทันที ยืนหน้าไปบอกว่า “มาก่อนค่ะ มาก่อน“ เพราะในขณะนั้นได้แสตนด์บายความคิดนี้ไว้อยู่แล้ว เพราะเราก็เข้าใจว่าลูกค้าสองท่านนั้นยืนอยู่ติดหน้าเคาน์เตอร์ขนาดนั้น แต่ถ้าสังเกตสักนิดจะพบว่า แถวคิวยาวเหยียดน่ะ มันก็หดมาตามระยะของมันแล้วไง แม่คู้ณ ณณณณณ เป็นแถวเป็นแนวอยู่นี่ ค่า…
พนักงานตอบกลับมาว่า “หนูไม่รู้หรอกว่าใครมาก่อนมาหลัง “ !!!! ประโยคนี้ล่ะค่ะ เรื่องบังเกิดเลย
อ้าว ..... ดิฉันคิดในใจ (ก็นี่ไงก็บอกอยู่นี่ไง อีนางเอ้ยยยยยย )
ดิฉันก็เลยสอบถามกลับไปว่า “มาก่อนอ่ะค่ะ ต้องกลับไปต่อคิวใหม่อีกไหม “
แน่นอนค่ะ ดิฉันรอฟังคำพูดที่ขาดความหยั่งคิดอีกครั้ง ถ้ามันจะทะเลาะกันบนความถูกต้องของดิฉัน ก็พร้อมค่ะ !!!!!!
พนักงานไม่ได้ตอบ .... ค่ะ แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ *****
ถ้าพนักงานไม่พูดแบบนั้น ลูกค้าสองคนนั้นก็คงให้ความสำคัญกับคำว่า "คิว" แต่พูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่า 15นาทีที่ผ่านมาฉันยืนบื้อ.. ทำเบื้อกอะไร ?!
ลูกค้าสองท่านนั้นหลังจากได้ยินแบบนั้น กลับหันไปพูดกันแบบให้ฉันได้ยินว่า
” เออ ..... ให้เค้าก่อนก็ได้เน๊อะ เราไม่รีบอยู่แล้วนิ “
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พวกเธอช่างจิตใจงดงาม การเสียสละครั้งนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก (ประชด)ตรูมาก่อนโว้ยยยยยย มาก่อน
และหลังจากนั้นผู้ ญ ก็พูดจาเหน็บแหนมอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ดิฉันพยายามปิดหู เท่าไหร่ก็ได้ยิน และหันมาเหลือบมามองชุดที่ดิฉันใส่อยู่ประหนึ่งจะหาว่า ฉันเป็นใคร ? จ้องมองที่โลโก้ชุดนักเรียน ที่เด่นเป็นตระหง่าน มองหน้าสองสามครั้ง .... พร้อมพูดกับเพื่อนเค้าเพื่อเหน็บฉันว่า
“ รีบหรอ ? กูไม่รีบนะ “
ส่วนดิฉันหรอค่ะ >>> ได้รับ ร อ ย ยิ้ ม จากลูกค้าด้านหน้าที่รออาหารอยู่ ที่ส่งมาให้ “ ปลื้มปริ่ม + น้ำตาจิไหล “
ดิฉันโมโหค่ะ ไม่เข้าใจว่า พนักงานต้องการอะไร จากประโยคที่เค้ากล่าวมาแบบนั้น < < < คือดิฉันก็แสดงสถานะ แต่คุณกลับไม่สนใจมันซ้ำยังตอกกลับมาด้วยประโยคที่ฉันได้แปลได้ว่า ตรูเข้าใจผิดแล้วไง ใครสน มุงต่อคิวเพื่อ ... ???
หลังจากนั้นเค้าก็สบตาให้ดิฉันสั่งอาหาร เมื่อพนักงานให้โอกาสคนอย่างฉันได้สั่งอาหาร ดิฉันก็สั่งค่ะ
ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ อาการปกติทุกอย่างสาบานได้ ...**** แต่พนักงานคงไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้น ดิฉันได้รับรังสีอำมหิตจากลูกค้าสองท่านนั้น ขนาดเดินมายังโต๊ะ ยังมองหน้ากัน เสียงดังเปรี๊ย ๆ และเค้านั่งเยื้องกับดิฉัน เค้ายังมองมาเป็นระยะๆ ประหนึ่ง คงอยากรู้ว่า “ ไก่ที่ดิฉันได้รับใหญ่กว่าของเค้าไหม (ประชดค่ะ)”
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอกล่าว
ขอขอบพระคุณ พนักงานเคเอฟซีท่านนั้น ที่ทำให้ดิฉันมีประสบการณ์ที่ลิงโลดแปลกใหม่ และขอขอบคุณรอยยิ้มเล็กๆจากลูกค้าด้านหน้าที่ส่งให้ดิฉัน ขอบคุณการเสียสละปลอมๆ ของลูกค้าสองท่านนั้นด้วย ค่ะ
การต่อคิว ถ้าคุณคิดว่าไม่สำคัญ ----- แล้วคนทั้งโลกเค้าจะต่อคิวกันเพื่ออะไร ลองคิดดูน่ะค่ะ?!!!
ปล.ดิฉันไม่ใช่พระเจ้า และดิฉันชอบเข้าคิวมาก