ขออนุญาตแตกมาจากกระทู้เก่านะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากทู้นี้ [ข่มขืน โทษประหาร?] เมื่อเพื่อนของฉันโดนข่มขืน - http://ppantip.com/topic/32298571
เนื่องจากว่ามันออกทะเลไปไกล แล้วก็คลาดเคลื่อนจากจุดประสงค์เริ่มแรกที่เราอยากจะตั้งกระทู้
ไม่ได้ต้องการให้คนมาเถียงกันเรื่องประหาร หรือไม่ประหารค่ะ เราคิดว่าเรื่องนี้เป็นความคิดส่วนบุคคล อย่างตัวเราเองเห็นว่าควรประหาร เพราะคิดว่า ผู้ร้ายข่มขืนส่วนใหญ่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ติดคุกไม่กี่ปีก็ออกมากทำคนอื่นอีก แต่ถ้าให้ติดคุกตลอดชีวิตก็เปลืองทรัพยากรโลกที่มีอยู่อย่างจำกัด และน่าจะเอาไปเลี้ยงคนที่มีค่ามากกว่านี้ ก็ให้ตายไปซะดีกว่า ไม่เปลืองดี แต่อันนี้เป็นความเห็นเราคนเดียว ขอไม่เถียงว่าคนอื่นเห็นว่าถูกหรือผิดยังไง
ความตั้งใจที่อยากตั้งกระทู้ เพราะรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับเรื่องการข่มขืนอยู่ เลยอยากแชร์ข้อมูลให้ปรับความคิดบางอย่างบ้าง
ถ้าสนใจถกเรื่องบทลงโทษ เชิญกระทู้เก่าได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังความเห็นทุกคน แต่กระทู้นี้ ขอเน้นแต่ข้อมูลนะคะ ไม่อยากเถียงเรื่องโทษประหารแล้ว
ขอบคุณค่ะ
=============================================
การข่มเหงทางเพศ ต้องยอมรับว่ามันมีมายาวนานแล้ว และเพิ่งจะมีการลงโทษจริงจังไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง ผู้หญิงเพิ่งจะถูกมองว่าเป็นมนุษย์ก็ไม่นานมานี้เอง ฉะนั้น หนทางเรายังอีกยาวไกล กว่าจะทำให้เกิดความเท่าเทียมได้อย่างแท้จริง แต่บอกตรงๆเลยว่า ปัจจุบันนี้ เพศชายก็ยังได้เปรียบอะไรหลายๆอย่างอยู่
ลองมาดูสถิติกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บอกก่อนว่าเราขี้เกียจหาข้อมูลแบบเป๊ะๆ เลยขอรื้อฟื้นจากความทรงจำตัวเองเลยละกัน เป็นข้อมูลที่หาช่วงทำ thesis อาจผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่รับรองได้ว่า ข้อมูลทุกอย่างมีอยู่จริง สามารถใช้ google หรือ google scholar หาได้ แต่เนื่องจากเราเสพสื่อต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ ข้อมูลอาจจะไม่ตรงกับในไทยนะคะ
ทุกปี จะมีการแจ้งความเรื่องการข่มขืนประมาณ 250,000 คดีทั่วโลก สองแสนห้าหมื่นคดี ต่อ หนึ่งปี / 12เดือน / 365 วัน
นี่เป็นคดีที่มีการบันทึกข้อมูลใน 65 ประเทศ โดยตัวเลขนี้ไม่รวมการข่มขืนที่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี ไม่รวมการล่วงละเมิดที่ไม่มีการสอดใส่ บางประเทศใน 65 แห่งนี้ก็นับเฉพาะชายข่มขืนหญิงเท่านั้น ไม่นับกรณีอื่นๆ
เชื่อหรือไม่? ประเทศที่ครองแชมป์เคสข่มขืนมากที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา ผู้หญิงถูกข่มขืนและแจ้งความประมาณ 8-9 หมื่นคนต่อปี รองมาคือ แอฟริกาใต้ อินเดีย และอังกฤษ
ใครคิดว่าตะวันตกเขาเจริญกว่าเรา คิดใหม่ได้นะจ๊ะ
ประเทศไทยเราก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ติด Top 10 ประเทศที่มีข่มขืนมากที่สุด รั้งอันดับสิบด้วยสถิติ 5-6 พันคนต่อปี และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เฉพาะแค่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีผู้หญิงและเด็กถูกกระทำชำเราเฉลี่ย 87 คนต่อวัน หรือทุกๆ 15 นาที จะมีคนถูกข่มขืน 1 คน
9 ใน 10 ของผู้ที่ถูกข่มขืน เป็นผู้หญิง
ผู้หญิง 1 ใน 6 จะตกเป็นเหยื่อการข่มขืน
ผู้ชาย 1 ใน 33 เป็นเหยื่อการข่มขืน
15% ของคดีข่มขืน เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี โดยช่วงอายุที่มีความเสี่ยงจะถูกล่วงละเมิดมากที่สุดคือ อายุ 12-34 ปี
กว่า
90% ของเหยื่อที่ถูกข่มขืน รู้จักคนที่ทำร้ายตน ส่วนใหญ่จะเป็นคนในครอบครัว คนรัก อดีตคนรัก เพื่อน ครู เพื่อนของครอบครัว พระสงฆ์ บาทหลวง ฯลฯ
น่าตกใจที่มีเพียงแค่
2% ของผู้ร้ายข่มขืนเท่านั้น ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย (100% คือคดีที่มีโจท์ร้องเรียน ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง)
คดีข่มขืน เป็นคดีที่ under-report มากที่สุด และเหยื่อส่วนใหญ่เลือกที่จะทิ้งคดีกลางคัน เพราะรับความกดดันจากสังคมและกระบวนการทางกฎหมายไม่ไหว จนทำให้คนร้ายลอยนวล
กล่าวกันว่า ผู้ที่ถูกข่มขืน ถ้าเลือกที่จะดำเนินคดี จะเหมือนโดนข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผู้อื่นฟัง ไม่ใช่คนใกล้ชิด แต่มีทั้งตำรวจ ทนาย ศาล บางคดีเป็นข่าวใหญ่ ก็มีสื่อตีแผ่เรื่องราวของผู้เสียหาย ความกดดันเหล่านี้ทำให้เหยื่อน้อยรายที่จะมีกำลังใจต่อสู้จนชนะคดี
สถิติตรงนี้มีเยอะมาก และเราเชื่อว่าน่าจะไม่ตรงเป๊ะด้วยซ้ำ เพราะผู้ถูกกระทำหลายคนอับอายเกินกว่าจะแจ้งความ แต่ลองพิจารณาเล่นๆดูนะ ดูแค่ตัวเดียวก็ได้
ผู้หญิงทุกๆ 6 คน จะมี 1 คนที่ตกเป็นเหยื่อการข่มขืน
ลองนับดูซิว่าชีวิตเรา มีผู้หญิงในชีวิตกี่คน คนในครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก ครูอาจารย์ เจ้านาย ลูกน้อง
นับไปนับมาน่าจะเกินร้อยแน่ๆ
แล้วเคยคิดไหม ว่าในร้อยกว่าคนนี้ มันจะมี 1 ใน 6 อยู่สักกี่คน?
ทั้งที่สถิติมันแย่มาก คนโดนข่มขืน 250,000 ต่อปี แต่คนร้ายแค่ 2% ได้รับโทษ คิดเป็นตัวเลขออกมาแค่ 5,000 รายเท่านั้น และจุดที่น่าสนใจมากๆ คือ
มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า เหยื่อโกหกเวลาที่บอกว่าตัวเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากสถิติคือ 50-50
สมมติว่ามีผู้หญิงถูกข่มขืน 100 คน ประมาณ 50 คนในนี้จะถูกมองว่า โกหก หรือไม่ก็ สมควรโดน หรือไม่ก็ เป็นการสมยอม
แต่
ในความเป็นจริง เหยื่อน้อยกว่า 1% ด้วยซ้ำที่แจ้งความเท็จ เพราะคิดกันดีๆ จะมีใครที่ไหนอยากถูกตราหน้าว่าโดนข่มขืน ต้องทนอับอาย เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียง วงศ์ตระกูล แต่ด้วยความเชื่อแบบนี้ ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวว่าคนจะไม่เชื่อ
ถ้าสังเกตดูจะเห็นกว่า ข้อโต้แย้งหลักที่คนมักยกขึ้นมาต่อต้านการลงโทษสถานหนักกับการข่มขืน ก็คือ ความกลัวว่าจะจับแพะนั่นเอง หลายๆคนก็มักบอกว่าคนสมัยนี้น่ากลัวขึ้น แต่ลองคิดกันดีๆ ในความเป็นจริง กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนกัน เผลอๆอาจจะมีไม่ถึง 10 ด้วยซ้ำ แต่คนรับรู้เรื่องนี้เยอะเพราะเป็นเรื่องแปลก เป็นที่สนใจของสื่อ มีการพูดถึงในวงกว้าง
สมมติแบบสุดโต่งเลยว่า วัน 1 วัน จะมีคนมาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการข่มขืน 1 คน ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม จากสถิติที่ว่า กทม. มีคนถูกข่มขืน 87 คนต่อวัน ถามกันตรงๆ สื่อจะเล่นเรื่องไหนมากกว่า จะเล่นเรื่องเด็กเลี้ยงแกะหลอกคนว่าพ่อเลี้ยงข่มขืน หรือจะเล่นเคสอื่นๆซึ่งมีให้เห็นแทบทุกวันอยู่แล้ว สมมติว่าเล่นข่าวคนอีก 86 คนที่เหลือ แล้วทั้ง 87 คนนี่จะออกข่าวได้ครบทุกคนมั้ย?
ภาพที่ออกมาในสื่อ มันเลยเหมือนว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นแบบ 50-50 ทั้งที่ความจริง มีแค่คนไม่กี่คน
จากจำนวนคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ถึง 1-2% ด้วยซ้ำ กลับมาทำให้คนกว่า 90% ต้องมัวหมองอับอาย อาจจะถูกตราหน้าว่าโกหก ใส่ร้ายอีกฝ่าย
นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยที่พบว่า Post-traumatic Stress Disorder (PTSD) หรือแปลเป็นไทยตรงตามตำราเป๊ะๆได้ว่า "ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ" ของผู้ที่ผ่านเหตุการณ์นี้มา รุนแรงยิ่งกว่าทหารผ่านศึกเสียอีก แต่คนทั่วไปกลับมองว่า ทหารที่เสียสติหลังกลับจากสงคราม น่าสงสาร ขณะที่ผู้ที่ถูกข่มขืน คนส่วนใหญ่มองว่าเรียกร้องความสนใจ
จากภาพนะคะ กล่องสีอ่อน Trauma = ความบอบช้ำทางจิตใจชั่วคราว
กล่องสีน้ำตาลเข้ม Lifetime PTSD = ความผิดปกติของจิตใจที่จะติดตัวไปชั่วชีวิต
กราฟแท่งจากซ้ายไปขวา มี ภัยพิบัติ อุบัติเหตุ การถูกทำร้ายร่างกาย การถูกลวนลาม การต่อสู้ในสงคราม และการข่มขืน
จะเห็นว่า ผู้ที่ผ่านการถูกช่มชืนมา ความบอบช้ำของเขาอาจจะไม่มาก แต่มันมีความผิดปกติที่จะติดตัวเขาไปทั้งชีวิต การข่มขืนจึงเหมือนกันการฆ่าคนคนหนึ่งทั้งเป็น ไม่ใช่แผลที่รักษาหายแล้วก็หายเลย มันไม่มีวันหายได้ เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ ในชีวิตของเหยื่อไปแล้ว
EDIT
ไปหา links มาแปะนิดหน่อย ใครสนใจตามไปอ่านได้ค่ะ ได้ข้อคิดเยอะทีเดียว
http://edition.cnn.com/2014/05/06/opinion/costello-understand-what-rape-means/index.html?iid=article_sidebar
https://www.rainn.org/get-information/statistics/sexual-assault-victims
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5USTVOREV6TUE9PQ==
http://en.wikipedia.org/wiki/Rape_statistics
[แตกกระทู้] ข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการข่มขืน - ผู้หญิง 1 ในทุกๆ 6 คน จะตกเป็นเหยื่อการข่มขืน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความตั้งใจที่อยากตั้งกระทู้ เพราะรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับเรื่องการข่มขืนอยู่ เลยอยากแชร์ข้อมูลให้ปรับความคิดบางอย่างบ้าง
ถ้าสนใจถกเรื่องบทลงโทษ เชิญกระทู้เก่าได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังความเห็นทุกคน แต่กระทู้นี้ ขอเน้นแต่ข้อมูลนะคะ ไม่อยากเถียงเรื่องโทษประหารแล้ว
ขอบคุณค่ะ
=============================================
การข่มเหงทางเพศ ต้องยอมรับว่ามันมีมายาวนานแล้ว และเพิ่งจะมีการลงโทษจริงจังไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง ผู้หญิงเพิ่งจะถูกมองว่าเป็นมนุษย์ก็ไม่นานมานี้เอง ฉะนั้น หนทางเรายังอีกยาวไกล กว่าจะทำให้เกิดความเท่าเทียมได้อย่างแท้จริง แต่บอกตรงๆเลยว่า ปัจจุบันนี้ เพศชายก็ยังได้เปรียบอะไรหลายๆอย่างอยู่
ลองมาดูสถิติกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกปี จะมีการแจ้งความเรื่องการข่มขืนประมาณ 250,000 คดีทั่วโลก สองแสนห้าหมื่นคดี ต่อ หนึ่งปี / 12เดือน / 365 วัน
นี่เป็นคดีที่มีการบันทึกข้อมูลใน 65 ประเทศ โดยตัวเลขนี้ไม่รวมการข่มขืนที่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี ไม่รวมการล่วงละเมิดที่ไม่มีการสอดใส่ บางประเทศใน 65 แห่งนี้ก็นับเฉพาะชายข่มขืนหญิงเท่านั้น ไม่นับกรณีอื่นๆ
เชื่อหรือไม่? ประเทศที่ครองแชมป์เคสข่มขืนมากที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา ผู้หญิงถูกข่มขืนและแจ้งความประมาณ 8-9 หมื่นคนต่อปี รองมาคือ แอฟริกาใต้ อินเดีย และอังกฤษ
ใครคิดว่าตะวันตกเขาเจริญกว่าเรา คิดใหม่ได้นะจ๊ะ
ประเทศไทยเราก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ติด Top 10 ประเทศที่มีข่มขืนมากที่สุด รั้งอันดับสิบด้วยสถิติ 5-6 พันคนต่อปี และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เฉพาะแค่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีผู้หญิงและเด็กถูกกระทำชำเราเฉลี่ย 87 คนต่อวัน หรือทุกๆ 15 นาที จะมีคนถูกข่มขืน 1 คน
9 ใน 10 ของผู้ที่ถูกข่มขืน เป็นผู้หญิง
ผู้หญิง 1 ใน 6 จะตกเป็นเหยื่อการข่มขืน
ผู้ชาย 1 ใน 33 เป็นเหยื่อการข่มขืน
15% ของคดีข่มขืน เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี โดยช่วงอายุที่มีความเสี่ยงจะถูกล่วงละเมิดมากที่สุดคือ อายุ 12-34 ปี
กว่า 90% ของเหยื่อที่ถูกข่มขืน รู้จักคนที่ทำร้ายตน ส่วนใหญ่จะเป็นคนในครอบครัว คนรัก อดีตคนรัก เพื่อน ครู เพื่อนของครอบครัว พระสงฆ์ บาทหลวง ฯลฯ
น่าตกใจที่มีเพียงแค่ 2% ของผู้ร้ายข่มขืนเท่านั้น ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย (100% คือคดีที่มีโจท์ร้องเรียน ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง)
คดีข่มขืน เป็นคดีที่ under-report มากที่สุด และเหยื่อส่วนใหญ่เลือกที่จะทิ้งคดีกลางคัน เพราะรับความกดดันจากสังคมและกระบวนการทางกฎหมายไม่ไหว จนทำให้คนร้ายลอยนวล
กล่าวกันว่า ผู้ที่ถูกข่มขืน ถ้าเลือกที่จะดำเนินคดี จะเหมือนโดนข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผู้อื่นฟัง ไม่ใช่คนใกล้ชิด แต่มีทั้งตำรวจ ทนาย ศาล บางคดีเป็นข่าวใหญ่ ก็มีสื่อตีแผ่เรื่องราวของผู้เสียหาย ความกดดันเหล่านี้ทำให้เหยื่อน้อยรายที่จะมีกำลังใจต่อสู้จนชนะคดี
สถิติตรงนี้มีเยอะมาก และเราเชื่อว่าน่าจะไม่ตรงเป๊ะด้วยซ้ำ เพราะผู้ถูกกระทำหลายคนอับอายเกินกว่าจะแจ้งความ แต่ลองพิจารณาเล่นๆดูนะ ดูแค่ตัวเดียวก็ได้
ลองนับดูซิว่าชีวิตเรา มีผู้หญิงในชีวิตกี่คน คนในครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก ครูอาจารย์ เจ้านาย ลูกน้อง
นับไปนับมาน่าจะเกินร้อยแน่ๆ
แล้วเคยคิดไหม ว่าในร้อยกว่าคนนี้ มันจะมี 1 ใน 6 อยู่สักกี่คน?
ทั้งที่สถิติมันแย่มาก คนโดนข่มขืน 250,000 ต่อปี แต่คนร้ายแค่ 2% ได้รับโทษ คิดเป็นตัวเลขออกมาแค่ 5,000 รายเท่านั้น และจุดที่น่าสนใจมากๆ คือ มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า เหยื่อโกหกเวลาที่บอกว่าตัวเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากสถิติคือ 50-50
สมมติว่ามีผู้หญิงถูกข่มขืน 100 คน ประมาณ 50 คนในนี้จะถูกมองว่า โกหก หรือไม่ก็ สมควรโดน หรือไม่ก็ เป็นการสมยอม
แต่ในความเป็นจริง เหยื่อน้อยกว่า 1% ด้วยซ้ำที่แจ้งความเท็จ เพราะคิดกันดีๆ จะมีใครที่ไหนอยากถูกตราหน้าว่าโดนข่มขืน ต้องทนอับอาย เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียง วงศ์ตระกูล แต่ด้วยความเชื่อแบบนี้ ทำให้เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวว่าคนจะไม่เชื่อ
ถ้าสังเกตดูจะเห็นกว่า ข้อโต้แย้งหลักที่คนมักยกขึ้นมาต่อต้านการลงโทษสถานหนักกับการข่มขืน ก็คือ ความกลัวว่าจะจับแพะนั่นเอง หลายๆคนก็มักบอกว่าคนสมัยนี้น่ากลัวขึ้น แต่ลองคิดกันดีๆ ในความเป็นจริง กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนกัน เผลอๆอาจจะมีไม่ถึง 10 ด้วยซ้ำ แต่คนรับรู้เรื่องนี้เยอะเพราะเป็นเรื่องแปลก เป็นที่สนใจของสื่อ มีการพูดถึงในวงกว้าง
สมมติแบบสุดโต่งเลยว่า วัน 1 วัน จะมีคนมาแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการข่มขืน 1 คน ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม จากสถิติที่ว่า กทม. มีคนถูกข่มขืน 87 คนต่อวัน ถามกันตรงๆ สื่อจะเล่นเรื่องไหนมากกว่า จะเล่นเรื่องเด็กเลี้ยงแกะหลอกคนว่าพ่อเลี้ยงข่มขืน หรือจะเล่นเคสอื่นๆซึ่งมีให้เห็นแทบทุกวันอยู่แล้ว สมมติว่าเล่นข่าวคนอีก 86 คนที่เหลือ แล้วทั้ง 87 คนนี่จะออกข่าวได้ครบทุกคนมั้ย?
ภาพที่ออกมาในสื่อ มันเลยเหมือนว่าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นแบบ 50-50 ทั้งที่ความจริง มีแค่คนไม่กี่คน
จากจำนวนคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ถึง 1-2% ด้วยซ้ำ กลับมาทำให้คนกว่า 90% ต้องมัวหมองอับอาย อาจจะถูกตราหน้าว่าโกหก ใส่ร้ายอีกฝ่าย
นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยที่พบว่า Post-traumatic Stress Disorder (PTSD) หรือแปลเป็นไทยตรงตามตำราเป๊ะๆได้ว่า "ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ" ของผู้ที่ผ่านเหตุการณ์นี้มา รุนแรงยิ่งกว่าทหารผ่านศึกเสียอีก แต่คนทั่วไปกลับมองว่า ทหารที่เสียสติหลังกลับจากสงคราม น่าสงสาร ขณะที่ผู้ที่ถูกข่มขืน คนส่วนใหญ่มองว่าเรียกร้องความสนใจ
จากภาพนะคะ กล่องสีอ่อน Trauma = ความบอบช้ำทางจิตใจชั่วคราว
กล่องสีน้ำตาลเข้ม Lifetime PTSD = ความผิดปกติของจิตใจที่จะติดตัวไปชั่วชีวิต
กราฟแท่งจากซ้ายไปขวา มี ภัยพิบัติ อุบัติเหตุ การถูกทำร้ายร่างกาย การถูกลวนลาม การต่อสู้ในสงคราม และการข่มขืน
จะเห็นว่า ผู้ที่ผ่านการถูกช่มชืนมา ความบอบช้ำของเขาอาจจะไม่มาก แต่มันมีความผิดปกติที่จะติดตัวเขาไปทั้งชีวิต การข่มขืนจึงเหมือนกันการฆ่าคนคนหนึ่งทั้งเป็น ไม่ใช่แผลที่รักษาหายแล้วก็หายเลย มันไม่มีวันหายได้ เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ ในชีวิตของเหยื่อไปแล้ว
EDIT
ไปหา links มาแปะนิดหน่อย ใครสนใจตามไปอ่านได้ค่ะ ได้ข้อคิดเยอะทีเดียว
http://edition.cnn.com/2014/05/06/opinion/costello-understand-what-rape-means/index.html?iid=article_sidebar
https://www.rainn.org/get-information/statistics/sexual-assault-victims
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5USTVOREV6TUE9PQ==
http://en.wikipedia.org/wiki/Rape_statistics