"สมยอม" เราคงคิดถึงคำนี้กันน้อยไป

ช่วงนี้เข้มข้นกันเรื่องคดีข่มขืนฆ่าเรียกร้องให้มีโทษหนักขึ้นกันเยอะ เอาเป็นว่าเพิ่มโทษข่มขืนให้ถึงขั้นประหารชีวิตขอยกไว้เป็นอีกประเด็นนึง อยากจะพูดประเด็นของความเข้าใจกับคำว่า “สมยอม” ค่ะ

ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เรียนทางนี้มา แต่อยากจะมาแชร์ข้อมูลเผื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อไปค่ะ

“อย่าแต่งตัวล่อแหลม”
“ไปกินเหล้าเมามาย ไม่ระวังตัวเอง”
“อย่ากลับบ้านดึก อย่าเดินในซอยเปลี่ยว”

ประโยคเหล่านี้หลายคนคงเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิง ผู้ใหญ่ที่คนก็จะเตือนด้วยความหวังดี เป็นผู้หญิงต้องระวังตัว ฯลฯ โดยที่ประโยคแบบ “เป็นลูกผู้ชายต้อง...” นั้น ไม่ค่อยชินหู

อันนี้ก็เข้าใจนะคะ ว่าที่จริงแล้ว เป็นผู้ชาย ก็โดนข่มขืนได้ (และจริงๆกรณีนี้อาจจะน่าสงสารกว่าด้วยเพราะด้วยสังคมและวัฒนธรรม เหยื่อคงจะรู้สึกว่าถึงบอกใครไปก็ไม่มีใครจริงจัง (ในกรณีที่ผู้กระทำเป็นผญ) หรือไม่กล้ายอมรับ (โดยเฉพาะกรณีที่ผู้กระทำเป็นผช))

(ต่อไปนี้จะของอ้างสถิติ จากต่างประเทศ เนื่องจากหาข้อมูลในไทยไม่เจอ ถ้าใครหาเจอเอามาแชร์กันได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ )

จากคดีล่าสุด ทุกคนกำลังอยู่ในภาวะหวาดระแวง “คนแปลกหน้า” ที่อาจจะมาทำมิดีมิร้าย

แต่รู้มั๊ยว่า คดีข่มขืนที่ผู้กระทำเป็น “คนแปลกหน้า” ที่จริงแล้วมันมีอยู่น้อยมาก
ที่จริงแล้ว 2/3 ของผู้กระทำเป็นคนที่เหยื่อรู้จัก
การข่มขืนกระทำชำเราโดยผู้กระทำการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


คู่เดทสม่ำเสมอ     21.6 %
เพื่อนๆ     16.5 %
แฟนเก่า     12.2 %
คนคุ้นเคย     10.8 %
เพื่อนสนิท     10.1 %
คู่เดทบางครั้งบางคราว     10.1 %
สามี    7.2 %
คนแปลกหน้า    2 %

โดยที่ถ้าดูจากตัวอย่างในเอเชีย ล่าสุดที่มีรายงาน 1/10 ของผู้ชาย ยอมรับว่าเคยข่มขืน/กระทำชำเราผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตน และถ้าหากนับคู่ครอง/แฟนด้วย ก็จะสูงถึง ¼ เลยทีเดียว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถ้าคิดแบบโลกสวยมากๆ คือ ตกลงแล้ว เราเข้าใจจริงๆหรือยังว่า อะไรคือ “การข่มขืน”? สถิติมันถึงออกมาพุ่งพรวดขนาดนี้

ก่อนอื่น เราว่าเราต้องเข้าใจ คอนเส็ปของคำว่า “สมยอม” ก่อน – ว่ากันง่ายๆ คือการตกลงและยอมรับกันทั้งสองฝ่าย
แล้วกรณีไหนบ้างล่ะ ที่มันไม่นับว่า “ตกลงกันแล้ว”
([Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้)

-    ใช้กำลัง/อาวุธ บังคับ (อันนี้ชัดเจน)
-    ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ (เช่น แบล็กเมล หรือขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะฆ่าครอบครัวของเหยื่อ ฯลฯ)
-    เหยื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนหรือสมยอมได้  --- กรณีนี้เราว่าสำคัญเพราะมันอาจจะรู้สึกว่าสถานการณ์มันเทาๆสำหรับหลายๆคน รู้สึกเหมือนอีฝ่าย “ตกลงแล้ว” เช่น เหยื่อเมา (ไม่ว่าจะเมาเหล้า หรือเมาสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย) เหยื่อหมดสติ/หลับอยู่ เหนื่อยเจ็บป่วยร่างกายอ่อนแอ ฯลฯ
-    ผู้ถูกกระทำเป็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบสามปี (เพราะถือว่าเป็นเด็ก ไม่มีความเข้าใจเพียงพอที่จะสมยอมได้)
-    ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น (อาจจะเช่น  สวมรอยเป็นสามีขณะนอนหลับ คือในขณะนั้นอาจรู้สึกเหมือนสมยอม และที่จริงแล้วไม่ได้สมยอมกับผู้กระทำ)

ถ้าหากไม่มีการพูดออกมาให้ชัดเจนว่ายินยอมหรือไม่ยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการร้องไห้ หรืออาการ ตัวสั่นเพราะความกลัว ให้ถือว่าเป็นการปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วย

สุดท้ายแล้วการจะพิสูจน์ว่าข่มขืนจริงหรือไม่ เป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งถ้าจะให้ดีที่สุดสำหรับเหยื่อ คือไปแจ้งความและตรวจร่างกายภายใน 72 ชั่วโมงค่ะ เพราะหลังจากนั้นแล้วหลักฐานอาจจะอ่อนแอเกินไป

ว่ามาซะยาว ขอจบแบบสั้นๆ ว่าถ้าจะให้มีคติประจำใจ (สำหรับทั้งชายและหญิง) คือ “ทุกครั้ง” อย่าลืม “ถามความสมัครใจ” ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร ไม่ว่าคุณจะเคยแนบแน่นกันมากี่ครั้ง แต่งงานกันมาแล้วกี่ปี ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นการ “สมยอม” ทุกครั้งเสมอไป

ถ้าจะให้ปลูกฝัง ก็ให้ปรับทัศนคติใหม่ ไม่ใช่ “ภูมิใจที่ได้” แต่ ต้อง “ภูมิใจที่เธอยอมรับอย่างเต็มใจ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่