จ้อจี้ไหม ไหนหลักฐาน ? รวมเรื่องที่ต้องอธิบายบ่อยเมื่อมีข่าวข่มขืน แบบรวบรัด
.
.
1) โพสต์ทำไม ทำไมไม่แจ้งความเงียบๆ
- ถ้ากระบวนการยุติธรรมมันพึ่งได้ คงไม่โพส
- บางทีแจ้งความแล้วแต่ช้า หรือเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล ผู้มีเส้นสาย การออกมาโพสต์อาจช่วยให้เรื่องไม่เงียบ
- บางทีไม่มั่นใจที่จะเปิดศึก ต้องรวมความกล้า หาคนแบคอัพก่อน
- และในทางกลับกัน บางเรื่องแจ้งไปก็ไม่ชนะ ขอระบายก็พอ เพราะเหตุผลในข้อต่อๆ ไป
.
.
2) ไหนหลักฐาน แต่งเรื่องสร้างกระแสไหม
- คดีข่มขืนมักเกิดในที่รโหฐาน ที่ที่ปกติแล้วจะไม่มีกล้องวงจรปิดตรงนั้น
- ซึ่งคนที่วางแผนจะข่มขืนแบบตั้งใจ พวกนี้รอบคอบ จะไม่ทำอะไรแบบทิ้งหลักฐานอยู่แล้ว
- การข่มขืนส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้ใช้กำลัง ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยช้ำ แค่ใช้คำพูดข่มขู่ กดดัน หรือใช้เทคนิคทางจิตวิทยาต่างๆ ก็สามารถบังคับมีเพศสัมพันธ์ได้แล้ว
- การข่มขืนหลายครั้งไม่ได้ประกอบไปด้วยการสอดใส่หรือเสร็จด้วยซ้ำ เช่น ถ้าคนข่มขืนเมา อัพยามา ไม่แตก ฯลฯ
- แล้วใช่หน้าที่ชาวเน็ตที่จะมารับบทนางพิสูจน์ไหม ถ้าผู้ร้องเรียนไม่ได้พาดพิงถึงใครเป็นคนๆ
.
.
3) แต่ถ้าไม่สมยอมจริงๆ ต้องมีร่องรอยการต่อสู้ ที่นำไปสู่หลักฐานสิ
- ไปหาอ่านโพสต์ อ.รณกรณ์ บุญมี เรื่อง tonic immobility แปลง่ายๆ ว่าสัญชาติญาณของเหยื่อ หากมีอันตรายจากนักล่ามาใกล้ สมองจะฟรีซทันทีเพื่อลดความเจ็บปวดเมื่อถูกกระทำ
- แม้แต่คนที่แข็งแรง เช่น เป็นนักมวย ก็ถูกละเมิดทางเพศได้เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัว เกิดอาการช็อค (ลองหาอ่านเรื่องของ Emma Thomas)
- คือ ขนาดนักมวย ยังตั้งสติสู้ไม่ได้อะ
- ยิ่งถ้ามีกล้อง แบลคเมล์ ใดๆ ก็ทำให้เกิดแรงกดดันทางจิตใจมากขึ้นไปอีก
.
.
4) แล้วจะรออะไรหลายวันทำไมไม่รีบไปแจ้งความเนิ่นๆ
- ถ้าโดนถามจี้ๆๆๆๆๆ แล้วตอบคำถามได้ง่ายเหมือนคดีปล้นชิงวิ่งราว คงมีคนไปแจ้งความมากขึ้น แต่เหตุผลนึงที่คนเลือกไม่ไปแจ้งก็เพราะความรู้สึกว่า คนอื่นไม่เชื่อเราแน่ๆ แจ้งแล้วต้องมากรอภาพซ้ำๆ นึกถึงเรื่องนี้หลายๆ ที เล่าอีกหลายรอบ มันเหมือนถูกข่มขืนซ้ำ ดังนั้นหลายคนไตร่ตรองก่อนว่า คุ้มไหมที่จะพูด
- คนที่ทำใจไปแจ้งสำเร็จ ส่วนมากคือมีเพื่อน คนใกล้ตัว คนสนับสนุนประมาณนึง
- ซึ่งมันจะยากมากหากเพื่อนหรือพ่อแม่เป็นอุปสรรค ตัดกำลังใจ ดังข้อต่อๆ ไป
.
.
5) ทำไมเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่แรก
- ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่มาพูดทำไมตอนนี้
- คนถามอยากรู้จริงๆ หรืออยากซ้ำเติมหลอกด่า เอางี้ก่อน
.
.
6) เรื่องเยอะแบบนี้จะโพสต์ทำไม ถ้าคนนอกไม่มีสิทธิสงสัย
- เค้าโพสต์หากำลังใจ หาคนช่วยติดตาม เพราะคนใกล้ตัวอาจจะไม่สนับสนุน ไม่เชื่อ ไม่อยากยุ่ง ไม่มีที่พึ่ง
- คนนอกมีสิทธิสงสัย แต่สงสัยก็มีหลายแบบ สงสัยเงียบๆ ก็ได้ สงสัยแบบมีมารยาทก็ได้ เป็นห่วงแบบจริงใจก็ได้
- การสงสัยที่ไม่ทำร้ายคนอื่น คือการสงสัยแบบไม่ตัดสิน เช่น ได้แจ้งความหรือยัง มีคนช่วยไหม แต่ไม่ใช่การด่วนตัดสินเช่น ขอไม่เชื่อก่อนนะรอหลักฐาน หรือรับบทนางสอบสวน เช่น เกิดเรื่องยังไง ทำไมแจ้งความช้า
- ถ้าไม่ได้คิดจะช่วย แค่อยากรู้ ก็รอติดตาม เลือกบทบางของตัวเองเอา
.
.
7) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- การข่มขืนส่วนมากวางแผนมาอย่างดีถึงลงมือทำ ไม่ใช่แค่มีคนกระสันแล้วฉุดเข้าป่า การข่มขืนบางครั้งวางแผนมาเป็นปีๆ เพื่อหาจังหวะที่ทำแล้วรอด
- การข่มขืนส่วนมากเกิดขึ้นเพราะผู้กระทำรู้ตัวว่ายังไงก็รอด ส่วนหนึ่งเพราะมั่นใจว่าตัวเองมีพวก อีกส่วนคือมั่นใจว่าเหยื่อจะไม่พูด หรือพูดไปแล้วคนไม่เข้าข้าง
- อีกส่วนคือคนข่มขืนมักเลือกเหยื่อที่สังคมไม่ให้ความเชื่อถือ เช่น คนทำงานกลางคืน คนที่มีปัญหาสุขภาพจิต แรงงานข้ามชาติ เป็นต้น
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
8) เสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณ
- พึงคำนึงถึงผลกระทบของการสื่อสาร และบทบาทของเรา ไม่ว่าเราจะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย คนเข้ามาช่วยเหลือ หรือคนที่แค่มาสนุกกับดราม่า คำพูดของเราล้วนมีผลกระทบต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้อง
.
.
ปล. เพิ่มเติมจากทางบ้าน
8) ทำไมบางทีเหยื่อถึงลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ หรือเล่าข้อมูลแต่ละครั้งไม่ตรงกัน แต่งเรื่องหรอ?
- คืองี้ มันอาจจะเป็นกลไกป้องกันตัวเองอย่างนึงที่เกิดกับคนที่เจอเหตุการณ์รุนแรง (สมองจะลบความทรงจำส่วนนั้นออก) ทำให้บางคนอาจจะจำพ้อยหลักๆของเหตุการณ์ ไม่ได้ การสอบสวนหรือพูดคุยมันเลยควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ชาวเน็ตแบบเราๆ
9) เมื่อสมองไม่อยากเชื่อเหตุแย่ๆ ที่เกิดขึ้น มันทำให้มีความกลัวว่าคนจะไม่เชื่อด้วยแบบ false rape แบบตัวเองไม่อยากเชื่อตัวเองเลย แล้วคนอื่นจะเชื่อเหรอ มันจะมีบางพาร์ทที่สมองต่อต้านไม่ให้คิดว่าตนเองเคยโดนกระทำมาก่อน เหมือนหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด เลยพยายามปล่อยผ่าน มากกว่า false rape คือเรารู้สึกว่ามันโยงไปถึงพาร์ทที่สมองพยายามหลีกเลี่ยงหรือทบทวนภาพเก่าๆ เวลาที่ต้องพิจารณาคดีอะไรงี้ด้วย
Credit;facebook -Thaiconsent
tonic immobility ถึงโดนข่มขืนแล้วไม่มีร่องรอยที่ร่างกาย ไปฟ้องศาลรับฟังนะ เป็นปฏิกริยาช็อค
.
.
1) โพสต์ทำไม ทำไมไม่แจ้งความเงียบๆ
- ถ้ากระบวนการยุติธรรมมันพึ่งได้ คงไม่โพส
- บางทีแจ้งความแล้วแต่ช้า หรือเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล ผู้มีเส้นสาย การออกมาโพสต์อาจช่วยให้เรื่องไม่เงียบ
- บางทีไม่มั่นใจที่จะเปิดศึก ต้องรวมความกล้า หาคนแบคอัพก่อน
- และในทางกลับกัน บางเรื่องแจ้งไปก็ไม่ชนะ ขอระบายก็พอ เพราะเหตุผลในข้อต่อๆ ไป
.
.
2) ไหนหลักฐาน แต่งเรื่องสร้างกระแสไหม
- คดีข่มขืนมักเกิดในที่รโหฐาน ที่ที่ปกติแล้วจะไม่มีกล้องวงจรปิดตรงนั้น
- ซึ่งคนที่วางแผนจะข่มขืนแบบตั้งใจ พวกนี้รอบคอบ จะไม่ทำอะไรแบบทิ้งหลักฐานอยู่แล้ว
- การข่มขืนส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้ใช้กำลัง ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยช้ำ แค่ใช้คำพูดข่มขู่ กดดัน หรือใช้เทคนิคทางจิตวิทยาต่างๆ ก็สามารถบังคับมีเพศสัมพันธ์ได้แล้ว
- การข่มขืนหลายครั้งไม่ได้ประกอบไปด้วยการสอดใส่หรือเสร็จด้วยซ้ำ เช่น ถ้าคนข่มขืนเมา อัพยามา ไม่แตก ฯลฯ
- แล้วใช่หน้าที่ชาวเน็ตที่จะมารับบทนางพิสูจน์ไหม ถ้าผู้ร้องเรียนไม่ได้พาดพิงถึงใครเป็นคนๆ
.
.
3) แต่ถ้าไม่สมยอมจริงๆ ต้องมีร่องรอยการต่อสู้ ที่นำไปสู่หลักฐานสิ
- ไปหาอ่านโพสต์ อ.รณกรณ์ บุญมี เรื่อง tonic immobility แปลง่ายๆ ว่าสัญชาติญาณของเหยื่อ หากมีอันตรายจากนักล่ามาใกล้ สมองจะฟรีซทันทีเพื่อลดความเจ็บปวดเมื่อถูกกระทำ
- แม้แต่คนที่แข็งแรง เช่น เป็นนักมวย ก็ถูกละเมิดทางเพศได้เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัว เกิดอาการช็อค (ลองหาอ่านเรื่องของ Emma Thomas)
- คือ ขนาดนักมวย ยังตั้งสติสู้ไม่ได้อะ
- ยิ่งถ้ามีกล้อง แบลคเมล์ ใดๆ ก็ทำให้เกิดแรงกดดันทางจิตใจมากขึ้นไปอีก
.
.
4) แล้วจะรออะไรหลายวันทำไมไม่รีบไปแจ้งความเนิ่นๆ
- ถ้าโดนถามจี้ๆๆๆๆๆ แล้วตอบคำถามได้ง่ายเหมือนคดีปล้นชิงวิ่งราว คงมีคนไปแจ้งความมากขึ้น แต่เหตุผลนึงที่คนเลือกไม่ไปแจ้งก็เพราะความรู้สึกว่า คนอื่นไม่เชื่อเราแน่ๆ แจ้งแล้วต้องมากรอภาพซ้ำๆ นึกถึงเรื่องนี้หลายๆ ที เล่าอีกหลายรอบ มันเหมือนถูกข่มขืนซ้ำ ดังนั้นหลายคนไตร่ตรองก่อนว่า คุ้มไหมที่จะพูด
- คนที่ทำใจไปแจ้งสำเร็จ ส่วนมากคือมีเพื่อน คนใกล้ตัว คนสนับสนุนประมาณนึง
- ซึ่งมันจะยากมากหากเพื่อนหรือพ่อแม่เป็นอุปสรรค ตัดกำลังใจ ดังข้อต่อๆ ไป
.
.
5) ทำไมเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่แรก
- ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่มาพูดทำไมตอนนี้
- คนถามอยากรู้จริงๆ หรืออยากซ้ำเติมหลอกด่า เอางี้ก่อน
.
.
6) เรื่องเยอะแบบนี้จะโพสต์ทำไม ถ้าคนนอกไม่มีสิทธิสงสัย
- เค้าโพสต์หากำลังใจ หาคนช่วยติดตาม เพราะคนใกล้ตัวอาจจะไม่สนับสนุน ไม่เชื่อ ไม่อยากยุ่ง ไม่มีที่พึ่ง
- คนนอกมีสิทธิสงสัย แต่สงสัยก็มีหลายแบบ สงสัยเงียบๆ ก็ได้ สงสัยแบบมีมารยาทก็ได้ เป็นห่วงแบบจริงใจก็ได้
- การสงสัยที่ไม่ทำร้ายคนอื่น คือการสงสัยแบบไม่ตัดสิน เช่น ได้แจ้งความหรือยัง มีคนช่วยไหม แต่ไม่ใช่การด่วนตัดสินเช่น ขอไม่เชื่อก่อนนะรอหลักฐาน หรือรับบทนางสอบสวน เช่น เกิดเรื่องยังไง ทำไมแจ้งความช้า
- ถ้าไม่ได้คิดจะช่วย แค่อยากรู้ ก็รอติดตาม เลือกบทบางของตัวเองเอา
.
.
7) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- การข่มขืนส่วนมากวางแผนมาอย่างดีถึงลงมือทำ ไม่ใช่แค่มีคนกระสันแล้วฉุดเข้าป่า การข่มขืนบางครั้งวางแผนมาเป็นปีๆ เพื่อหาจังหวะที่ทำแล้วรอด
- การข่มขืนส่วนมากเกิดขึ้นเพราะผู้กระทำรู้ตัวว่ายังไงก็รอด ส่วนหนึ่งเพราะมั่นใจว่าตัวเองมีพวก อีกส่วนคือมั่นใจว่าเหยื่อจะไม่พูด หรือพูดไปแล้วคนไม่เข้าข้าง
- อีกส่วนคือคนข่มขืนมักเลือกเหยื่อที่สังคมไม่ให้ความเชื่อถือ เช่น คนทำงานกลางคืน คนที่มีปัญหาสุขภาพจิต แรงงานข้ามชาติ เป็นต้น
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
8) เสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณ
- พึงคำนึงถึงผลกระทบของการสื่อสาร และบทบาทของเรา ไม่ว่าเราจะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย คนเข้ามาช่วยเหลือ หรือคนที่แค่มาสนุกกับดราม่า คำพูดของเราล้วนมีผลกระทบต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้อง
.
.
ปล. เพิ่มเติมจากทางบ้าน
8) ทำไมบางทีเหยื่อถึงลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ หรือเล่าข้อมูลแต่ละครั้งไม่ตรงกัน แต่งเรื่องหรอ?
- คืองี้ มันอาจจะเป็นกลไกป้องกันตัวเองอย่างนึงที่เกิดกับคนที่เจอเหตุการณ์รุนแรง (สมองจะลบความทรงจำส่วนนั้นออก) ทำให้บางคนอาจจะจำพ้อยหลักๆของเหตุการณ์ ไม่ได้ การสอบสวนหรือพูดคุยมันเลยควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ชาวเน็ตแบบเราๆ
9) เมื่อสมองไม่อยากเชื่อเหตุแย่ๆ ที่เกิดขึ้น มันทำให้มีความกลัวว่าคนจะไม่เชื่อด้วยแบบ false rape แบบตัวเองไม่อยากเชื่อตัวเองเลย แล้วคนอื่นจะเชื่อเหรอ มันจะมีบางพาร์ทที่สมองต่อต้านไม่ให้คิดว่าตนเองเคยโดนกระทำมาก่อน เหมือนหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด เลยพยายามปล่อยผ่าน มากกว่า false rape คือเรารู้สึกว่ามันโยงไปถึงพาร์ทที่สมองพยายามหลีกเลี่ยงหรือทบทวนภาพเก่าๆ เวลาที่ต้องพิจารณาคดีอะไรงี้ด้วย
Credit;facebook -Thaiconsent