อ่านเจอเรื่องแท๊กซี่ในพันทิพ มีทั้งด้านดีและด้านร้าย แต่สำหรับอิฉันที่ไม่เคยเขียนเรื่องแท๊กซี่มาก่อน และไม่คิดว่าจะเจอแท๊กซี่ที่ปากเป็นแบบนี้ เลยเขียนมาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อคืนขึ้นแท๊กซี่จะกลับบ้าน คนขับแท๊กซี่ตัวใหญ่มาก ใหญ่ขนาดต้องทำที่เท้าแขนพิเศษของตัวเอง อิฉันนั่งเบาะหน้า แต่คุณพ่อนั่งเบาะหลัง (ไปกัน 2 คน พ่อลูก) อิฉันกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย แท๊กซี่ก็พูดขึ้นมาว่า..
แท๊กซี่: ไม่ต้องคาดหรอกครับ ดึกแล้ว
คุณพ่อ: แล้วตำรวจไม่จับหรือคะ
แท๊กซี่: ตำรวจไม่มีหรอก ไม่ต้องคาด
แต่.. อิฉันคิดในใจ ถ้าเกิดตำรวจตั้งด่าน แล้วจับ ใครจ่าย.. เข็มขัดก็คาดบนร่างการเรา ไม่ได้คาดบนตัวคุณนี่นา
แต่.. เพราะที่เท้าแขนพิเศษ มันใหญ่ และบังตัวล็อคเข็มขัด ดิฉันเลยยุกยิก อีกครั้ง แท๊กซี่ก็พูดเหมือนเดิมว่าไม่ต้องคาด
สุดท้ายดิฉันก็ดั้นดนจนคาดได้ ... ถ้าเกิดอุบัติเหตุ แล้วอิฉันพุ่งออกจากรถ แกจะช่วยฉันไหม...
คราวนี้ เส้นทางกลับบ้านเหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยค่ะ ใครขับช้า แกบีบแตรและเปิดไฟสูงไล่ เฉียดฉิวฝ่าไฟแดง และสบถคำหยาบ ทั้งพ่อแม่ เรียกมาครบตระกูล (สงสัยคนขับจะเหงา เลยเรียกญาติตลอด) เกรงว่าถ้าพิมพ์ให้อ่าน คงไม่ผ่านเซนเซอร์พันทิพ
ก่อนลงจากรถ ดิฉันจ่ายเงิน และบอกว่ามี 100 บาท คนขับรับเงินไปแล้วก็เฉยๆ ฉันก็นั่งรอเงินทอน แล้วก็บอกว่า เงินทอนล่ะคะ
แท๊กซี่: ผมนึกว่าทิป
อิฉัน: สาดดดด... ขับอย่างนี้ ปากอย่างนี้ ยังหวังทิปอีกเหรอ แค่แกกลับให้ถึงบ้าน ไม่โดนใครตบปาก ฉันก็ดีใจด้วยแล้ว (คิดในใจนะคะ ไม่ได้บอกแท๊กซี่)
สิ่งสุดท้ายคือ ไม่ได้ดูชื่อและทะเบียนรถ เพราะมัวแต่ภาวนา ให้กลับถึงบ้านปลอดภัย ตั้งสติไม่สวนกลับ หรือเหน็บแนม จำได้แค่ว่าเป็นรถเขียวเหลือง คนขับผู้ชาย ร่างกายใหญ่และอ้วนมาก (ถึงขนาดต้องมีที่เท้าแขนแบบสร้างเอง)
ขอระบดระบายแค่นี้ล่ะค่ะ
นั่นปากหรือคะ คุณแท๊กซี่
เมื่อคืนขึ้นแท๊กซี่จะกลับบ้าน คนขับแท๊กซี่ตัวใหญ่มาก ใหญ่ขนาดต้องทำที่เท้าแขนพิเศษของตัวเอง อิฉันนั่งเบาะหน้า แต่คุณพ่อนั่งเบาะหลัง (ไปกัน 2 คน พ่อลูก) อิฉันกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย แท๊กซี่ก็พูดขึ้นมาว่า..
แท๊กซี่: ไม่ต้องคาดหรอกครับ ดึกแล้ว
คุณพ่อ: แล้วตำรวจไม่จับหรือคะ
แท๊กซี่: ตำรวจไม่มีหรอก ไม่ต้องคาด
แต่.. อิฉันคิดในใจ ถ้าเกิดตำรวจตั้งด่าน แล้วจับ ใครจ่าย.. เข็มขัดก็คาดบนร่างการเรา ไม่ได้คาดบนตัวคุณนี่นา
แต่.. เพราะที่เท้าแขนพิเศษ มันใหญ่ และบังตัวล็อคเข็มขัด ดิฉันเลยยุกยิก อีกครั้ง แท๊กซี่ก็พูดเหมือนเดิมว่าไม่ต้องคาด
สุดท้ายดิฉันก็ดั้นดนจนคาดได้ ... ถ้าเกิดอุบัติเหตุ แล้วอิฉันพุ่งออกจากรถ แกจะช่วยฉันไหม...
คราวนี้ เส้นทางกลับบ้านเหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยค่ะ ใครขับช้า แกบีบแตรและเปิดไฟสูงไล่ เฉียดฉิวฝ่าไฟแดง และสบถคำหยาบ ทั้งพ่อแม่ เรียกมาครบตระกูล (สงสัยคนขับจะเหงา เลยเรียกญาติตลอด) เกรงว่าถ้าพิมพ์ให้อ่าน คงไม่ผ่านเซนเซอร์พันทิพ
ก่อนลงจากรถ ดิฉันจ่ายเงิน และบอกว่ามี 100 บาท คนขับรับเงินไปแล้วก็เฉยๆ ฉันก็นั่งรอเงินทอน แล้วก็บอกว่า เงินทอนล่ะคะ
แท๊กซี่: ผมนึกว่าทิป
อิฉัน: สาดดดด... ขับอย่างนี้ ปากอย่างนี้ ยังหวังทิปอีกเหรอ แค่แกกลับให้ถึงบ้าน ไม่โดนใครตบปาก ฉันก็ดีใจด้วยแล้ว (คิดในใจนะคะ ไม่ได้บอกแท๊กซี่)
สิ่งสุดท้ายคือ ไม่ได้ดูชื่อและทะเบียนรถ เพราะมัวแต่ภาวนา ให้กลับถึงบ้านปลอดภัย ตั้งสติไม่สวนกลับ หรือเหน็บแนม จำได้แค่ว่าเป็นรถเขียวเหลือง คนขับผู้ชาย ร่างกายใหญ่และอ้วนมาก (ถึงขนาดต้องมีที่เท้าแขนแบบสร้างเอง)
ขอระบดระบายแค่นี้ล่ะค่ะ