ขอเล่าประสบการณ์ไปหาคุณหมอเนื่องจากลูกชายท้องผูกมาก จนเป็นเรื่องทุกข์ใจของแม่ ออกตัวก่อนว่าคำแนะนำของคุณหมออาจจะเหมาะกับลูกของเรา ถ้าเป็นไปได้มีโอกาสอยากให้ไปปรึกษากับคุณหมอโดยตรงเองดีกว่าค่ะ
ลูกชายเราอายุ 2 ขวบ ท้องผูกมาก 3-4 วันจึงจะถ่าย ทำให้อึออกมาแข็ง ก้อนใหญ่ลูกร้องไห้เพราะเจ็บทุกครั้ง บางครั้งถ่ายมีเลือดปนออกมา เป็นอย่างนี้อยู่ 3 เดือน
เรื่องการกินขวบปีแรกลูกกินนมแม่ล้วนก็ถ่ายน้อย บางคนบอกว่าลูกทานนมแม่จะถ่ายน้อยเพราะดูดซึมได้เยอะ เริ่มอาหารเสริมตอน 6 เดือน ทานได้ทุกอย่าง ผัก ผลไม้ นม โยเกิร์ต ครบ 1 ขวบ อาหารสามมื้อกินนมผสมและนมกล่องไทยเดนมาร์ค
ช่วงที่เราสังเกตว่าลูกท้องผูกก็จะเน้นให้ลูกผลไม้มากขึ้น เสริมน้ำลูกพรุน แต่ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างลูกยังมีอาการท้องผูก 3-4 วันถ่าย ออกมาเป็นก้อนแข็งใหญ่มาก มีเลือดออก จนเราต้องใช้วิธีการสวนให้ลูก 2 ครั้ง(ใช้ลูกยางสวนทวาร) ใช้กลีเซอรีน 1 ครั้ง(เป็นแท่งเล็กๆเหมือนสบู่) เริ่มรู้สึกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่แค่ช่วยให้ผ่านไปได้เป็นครั้ง มีคำแนะนำหลากหลายทั้งเปลี่ยนนม ชงนมให้จางขึ้น ฝึกนั่งกระโถนใหม่ เราเป็นกังวลและสงสารลูก พอดีกับญาติผู้ใหญ่ไปหาหมอที่กรุงเทพเราเลยพาลูกไปปรึกษาคุณหมอ
ขออนุญาตลงชื่อคุณหมอนะคะ คุณหมอที่เราได้ปรึกษา ชื่อคุณหมอมิ่งเมือง เป็นกุมารแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารเด็ก คุณหมอซักถามอาการ ประวัติต่างๆของลูก รายละเอียดตามข้อความข้างบน ชื่อนม สูตร พฤติกรรมต่างๆอย่างละเอียดและสรุปอาการของลูกเราว่า ลูกเราอั้นอึ เป็นวงจรว่าอึแข็งถ่ายแล้วเจ็บไม่อยากอึก็อั้นไว้ อั้นไว้อึก็แข็งพอถ่ายก็เจ็บ เจ็บไม่อยากถ่ายก็อั้นไม่เบ่ง คุณหมอซักประวัติแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาจากระบบบีบตัวของลำไส้แต่เป็นเนื่องจากการอั้น เป็นอาการทางใจ ทางแก้คือทำให้หายกลัวด้วยการกินยาที่ทำให้อึนิ่ม สรุปคำแนะนำของคุณหมอเป็นข้อๆนะคะ
1. กินยา hepalac จริงๆคุณหมอบอกว่าชอบยาอีกตัวมากกว่าได้ผลดีแต่กินยากไม่อร่อย อันนี้หวานเหมือนน้ำผึ้งกินง่าย
ยาตัวนี้ช่วยทำให้อึนิ่มค่ะ คุณหมอบอกว่ายานี้ไม่มีผลต่อระบบลำไส้ ตอนแรกเรากังวลว่าการให้ลูกกินยาระบายจะทำให้ระบบลำไส้ของลูกเคยชินกับยาและขี้เกียจ ยาตัวนี้ให้กินผสมกับน้ำกับนมได้เลยค่ะ เราเคยเห็นชื่อยาตัวนี้ในห้อง pantip และเคยคิดจะซื้อมาใช้ คิดว่าใช้เป็นครั้งๆไปแต่ที่คุณหมอแนะนำคือ ลูกเราต้องกินยานี้ประมาณ 4-6 เดือนค่ะ ให้กินจนลูกลืมอาการทางใจไปเลยค่ะ
ปริมาณการกินยา เริ่มต้นวันละ 20 cc เยอะกว่าที่เขียนไว้ข้างขวดมากๆ เราต้องให้ลูกเราถ่ายเหลวแต่ไม่เป็นน้ำ ตามรูปคือ แบบ 5 หรือ 4 แล้วค่อยๆปรับปริมาณยาลง จากวันละ 20 เป็น 18 เป็น 16 เป็น 10 จนกว่าลูกจะสบายใจ ลืมความเจ็บจากการอึเลิกกลัวการถ่ายจึงจะเลิกกินยาตัวนี้
2. เรื่องอาหารโดยส่วนใหญ่กินเหมือนเดิมได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยี่ห้อนม ไม่ต้องเลิกนมกล่อง ... แต่ ... งดกล้วยทุกชนิด งดข้าวกล้อง ถ้าอาหารฝรั่งก็งดพวกชีส ซีเรียล
3. ลูกเรายังไม่ได้ Toilet train หรือเลิกเพิร์ส คุณหมอแนะนำว่าตอนนี้ไม่ต้องไปยุ่งไปฝึกเรื่องการขับถ่ายของลูก ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสบายๆให้ลูกลืมไปก่อนเลย แก้ปัญหาเรื่องพฤติกรรมการถ่าย เลิกท้องผูกได้แล้วค่อยว่ากันอีกที ไม่ต้องกังวลว่าอะไรจะช้าเกินไป
(เรามานึกๆว่าการที่ลูกอั้นอึ เกิดช่วงเดียวกับที่เราเคยฝึกลูกเลิกเพิร์สอาจจะเป็นสาเหตุ)
เพิ่มข้อ 4 ค่ะ คุณหมอบอกว่าหลังรักษาหายแล้วก็อย่าคาดหวังว่าลูกจะถ่ายทุกวัน ขอให้ไม่มีการอั้น เลิกกลัว ถ่ายไม่เป็นก้อนแข็งก็พอ เพราะมนุษย์แต่ละคนพฤติกรรมการถ่ายไม่เหมือนกัน บางคนสามารถถ่ายทุกวันซึ่งเป็นการดีที่สุด แต่บางคน(อย่างเรา)ไม่ได้ถ่ายทุกวัน อาจจะวันเว้นวันก็ไม่ป่วย ไม่ท้องอืด สบายดี
หวังว่าข้อมูลที่เราให้จะเป็นประโยชน์แก่ลูกของเพื่อนคนอื่นๆนะคะ ก่อนหน้านี้เราก็ได้ข้อมูลดีๆจากที่นี่ ขอแบ่งปันบ้างค่ะ หมายเหตุอีกครั้งว่า ถ้าเป็นไปได้พบคุณหมอปรึกษาเป็นกรณีๆไปดีที่สุดค่ะ
เมื่อลูกท้องผูก... แชร์คำแนะนำดีๆจากคุณหมอ
ลูกชายเราอายุ 2 ขวบ ท้องผูกมาก 3-4 วันจึงจะถ่าย ทำให้อึออกมาแข็ง ก้อนใหญ่ลูกร้องไห้เพราะเจ็บทุกครั้ง บางครั้งถ่ายมีเลือดปนออกมา เป็นอย่างนี้อยู่ 3 เดือน
เรื่องการกินขวบปีแรกลูกกินนมแม่ล้วนก็ถ่ายน้อย บางคนบอกว่าลูกทานนมแม่จะถ่ายน้อยเพราะดูดซึมได้เยอะ เริ่มอาหารเสริมตอน 6 เดือน ทานได้ทุกอย่าง ผัก ผลไม้ นม โยเกิร์ต ครบ 1 ขวบ อาหารสามมื้อกินนมผสมและนมกล่องไทยเดนมาร์ค
ช่วงที่เราสังเกตว่าลูกท้องผูกก็จะเน้นให้ลูกผลไม้มากขึ้น เสริมน้ำลูกพรุน แต่ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างลูกยังมีอาการท้องผูก 3-4 วันถ่าย ออกมาเป็นก้อนแข็งใหญ่มาก มีเลือดออก จนเราต้องใช้วิธีการสวนให้ลูก 2 ครั้ง(ใช้ลูกยางสวนทวาร) ใช้กลีเซอรีน 1 ครั้ง(เป็นแท่งเล็กๆเหมือนสบู่) เริ่มรู้สึกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่แค่ช่วยให้ผ่านไปได้เป็นครั้ง มีคำแนะนำหลากหลายทั้งเปลี่ยนนม ชงนมให้จางขึ้น ฝึกนั่งกระโถนใหม่ เราเป็นกังวลและสงสารลูก พอดีกับญาติผู้ใหญ่ไปหาหมอที่กรุงเทพเราเลยพาลูกไปปรึกษาคุณหมอ
ขออนุญาตลงชื่อคุณหมอนะคะ คุณหมอที่เราได้ปรึกษา ชื่อคุณหมอมิ่งเมือง เป็นกุมารแพทย์ โรคระบบทางเดินอาหารเด็ก คุณหมอซักถามอาการ ประวัติต่างๆของลูก รายละเอียดตามข้อความข้างบน ชื่อนม สูตร พฤติกรรมต่างๆอย่างละเอียดและสรุปอาการของลูกเราว่า ลูกเราอั้นอึ เป็นวงจรว่าอึแข็งถ่ายแล้วเจ็บไม่อยากอึก็อั้นไว้ อั้นไว้อึก็แข็งพอถ่ายก็เจ็บ เจ็บไม่อยากถ่ายก็อั้นไม่เบ่ง คุณหมอซักประวัติแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาจากระบบบีบตัวของลำไส้แต่เป็นเนื่องจากการอั้น เป็นอาการทางใจ ทางแก้คือทำให้หายกลัวด้วยการกินยาที่ทำให้อึนิ่ม สรุปคำแนะนำของคุณหมอเป็นข้อๆนะคะ
1. กินยา hepalac จริงๆคุณหมอบอกว่าชอบยาอีกตัวมากกว่าได้ผลดีแต่กินยากไม่อร่อย อันนี้หวานเหมือนน้ำผึ้งกินง่าย
ยาตัวนี้ช่วยทำให้อึนิ่มค่ะ คุณหมอบอกว่ายานี้ไม่มีผลต่อระบบลำไส้ ตอนแรกเรากังวลว่าการให้ลูกกินยาระบายจะทำให้ระบบลำไส้ของลูกเคยชินกับยาและขี้เกียจ ยาตัวนี้ให้กินผสมกับน้ำกับนมได้เลยค่ะ เราเคยเห็นชื่อยาตัวนี้ในห้อง pantip และเคยคิดจะซื้อมาใช้ คิดว่าใช้เป็นครั้งๆไปแต่ที่คุณหมอแนะนำคือ ลูกเราต้องกินยานี้ประมาณ 4-6 เดือนค่ะ ให้กินจนลูกลืมอาการทางใจไปเลยค่ะ
ปริมาณการกินยา เริ่มต้นวันละ 20 cc เยอะกว่าที่เขียนไว้ข้างขวดมากๆ เราต้องให้ลูกเราถ่ายเหลวแต่ไม่เป็นน้ำ ตามรูปคือ แบบ 5 หรือ 4 แล้วค่อยๆปรับปริมาณยาลง จากวันละ 20 เป็น 18 เป็น 16 เป็น 10 จนกว่าลูกจะสบายใจ ลืมความเจ็บจากการอึเลิกกลัวการถ่ายจึงจะเลิกกินยาตัวนี้
2. เรื่องอาหารโดยส่วนใหญ่กินเหมือนเดิมได้ ไม่ต้องเปลี่ยนยี่ห้อนม ไม่ต้องเลิกนมกล่อง ... แต่ ... งดกล้วยทุกชนิด งดข้าวกล้อง ถ้าอาหารฝรั่งก็งดพวกชีส ซีเรียล
3. ลูกเรายังไม่ได้ Toilet train หรือเลิกเพิร์ส คุณหมอแนะนำว่าตอนนี้ไม่ต้องไปยุ่งไปฝึกเรื่องการขับถ่ายของลูก ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสบายๆให้ลูกลืมไปก่อนเลย แก้ปัญหาเรื่องพฤติกรรมการถ่าย เลิกท้องผูกได้แล้วค่อยว่ากันอีกที ไม่ต้องกังวลว่าอะไรจะช้าเกินไป
(เรามานึกๆว่าการที่ลูกอั้นอึ เกิดช่วงเดียวกับที่เราเคยฝึกลูกเลิกเพิร์สอาจจะเป็นสาเหตุ)
เพิ่มข้อ 4 ค่ะ คุณหมอบอกว่าหลังรักษาหายแล้วก็อย่าคาดหวังว่าลูกจะถ่ายทุกวัน ขอให้ไม่มีการอั้น เลิกกลัว ถ่ายไม่เป็นก้อนแข็งก็พอ เพราะมนุษย์แต่ละคนพฤติกรรมการถ่ายไม่เหมือนกัน บางคนสามารถถ่ายทุกวันซึ่งเป็นการดีที่สุด แต่บางคน(อย่างเรา)ไม่ได้ถ่ายทุกวัน อาจจะวันเว้นวันก็ไม่ป่วย ไม่ท้องอืด สบายดี
หวังว่าข้อมูลที่เราให้จะเป็นประโยชน์แก่ลูกของเพื่อนคนอื่นๆนะคะ ก่อนหน้านี้เราก็ได้ข้อมูลดีๆจากที่นี่ ขอแบ่งปันบ้างค่ะ หมายเหตุอีกครั้งว่า ถ้าเป็นไปได้พบคุณหมอปรึกษาเป็นกรณีๆไปดีที่สุดค่ะ