### Filmzlap Review : The Fault In Our Stars : ดาวบันดาล [ไม่สปอยล์]



#FilmzlapReview  
The Fault In Our Stars : ดาวบันดาล
การไม่มีโรคเป็น "รัก" อันประเสริฐ
เรตติ้ง : 3.5 / 5

ผลงานสร้างจากนิยายขายดีเทน้ำเทท่าที่แฟนนักอ่านทั่วโลกติดงอมแงมแล้วก็เสียน้ำตากันมามากมายที่ได้สาวเชย์ลีน วู้ดลี่ย์และพ่อหนุ่มแองเซล เอลกอร์ท ที่เคยรับบทเป็นพี่น้องกันใน Divergent มาลงจอเป็นพระ-นางผู้ต้องทนทุกข์กับโรคร้ายที่ทำให้พวกเขาบกพร่องในการใช้ชีวิต แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของความรักของพวกเขาทั้งคู่ และนำมาซึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจไปในเวลาเดียวกัน

ผมไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน จึงไม่เกิดการเปรียบเทียบใดๆกับต้นฉบับ ซึ่งหลังจากที่ได้ชมแล้ว ก็รู้สึกว่านี่ก็เป็นหนังโรแมนติกดราม่าที่สอนอะไรในชีวิตได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการมีชีวิตอยู่บนโลกให้คุ้มค่าที่สุดทุกวินาที ด้วยการหยิบเอาตัวละครที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการใช้ชีวิต มาเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวและนำพาไปสู่จุดต่างๆที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเจ็บปวดและอิ่มเอมได้ในหลากหลายบริบท

ผู้กำกับ จอช บุน สร้างสรรค์หนังเรื่องนี้ออกมาในรูปแบบงานโรแมนติกเอาใจวัยรุ่นเป็นหลัก ด้วยดาราหล่อสวยที่มาพร้อมฝีไม้ลายมือทางการแสดงที่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เชย์ลีน วู้ดลี่ย์ และ แองเซล เอลกอร์ท ถ่ายทอดมุมมองตัวละครออกมาได้มีมิติหลากหลายและทำให้เราเชื่อในความเป็นตัวละครของพวกเขา ที่สำคัญก็คือ เคมีเข้ากันได้อย่างลงตัว ถึงแม้จะเป็นหนังที่มีแต่เรื่องราวของพวกเขา แต่เสน่ห์ทางตัวละครและการแสดงที่งัดเอาศักยภาพเจ๋งๆออกมา ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อที่จะได้ดูเรื่องราวของพวกเขาตลอดทั้งเรื่องแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ยังคงติดภาพการเป็น "พี่น้อง" กันในหนัง Divergent มาก็เท่านั้นแหละ

หนังพยายามทำให้เรามองเห็นโลกสีเทาของตัวละครที่อยู่ด้วยความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่าง หรือแปลกแยกจากโลกใบนี้ ชีวิตดำเนินต่อไปด้วยแนวทางเหมือนเช่นคนปกติ แต่ด้วยอุปสรรคทางกายภาพที่ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้เพื่ออยู่กับมันให้ได้ เป็นหนังวัยรุ่นที่ชวนเจ็บปวด และหดหู่ในแง่นามธรรม แต่ด้วยรูปธรรมแล้ว หนังนำเสนอออกมาในแบบที่ฟีลกู้ด และสอนใจให้ผู้ชมได้มองเห็นความคุ้มค่าในการใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น และยิ่งถ่ายทอดผ่านตัวละครวัยรุ่นด้วยแล้ว หนังก็ยังซึมลึกเข้าสู่ผู้ชมวัยดังกล่าวได้ไม่ยาก และไม่ใช่แค่ดูเพื่อผ่านไป แต่ยังเก็บข้อคิดดีๆมาตกผลึกในใจได้อีกเพียบ

และด้วยความที่หนังไม่ฟูมฟายอะไรมากมาย มันเลยกลายเป็นงานที่เหมาะสำหรับคู่รักที่ควรจะมาดูเพื่อเก็บสิ่งดีๆในชีวิตกลับไปคิดตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แทนที่จะมาร้องห่มร้องไห้ด้วยกันในโรง หนังมีโมเมนท์ที่ทำให้น้ำตารื้นออกมาโดยไม่รู้ตัวเพียบ ทั้งอิ่มใจ และรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตัวละคร ซึ่งคิดไปว่า ถ้าเราเป็นพวกเขาขึ้นมาจริงๆ เราจะสามารถทำเป็นในสิ่งเหล่านี้และเรียนรู้กับมันได้ดีแค่ไหน หรือแม้แต่เราเองไม่ได้บกพร่องอะไรทางร่างกายในสักส่วน เราจะยังทำเหมือนที่พวกเขาทำได้ไหม มองข้ามปัญหาทุกอย่างไป และใช้ "ใจ" อยู่กับมัน

ผมชอบช่วงแรกของหนังมากกว่าช่วงท้าย เพราะการปูมิติตัวละครต่างๆของหนังนั้นน่าสนใจมาก ซึ่งนักแสดงก็ถ่ายทอดตรงครึ่งแรกนั้นออกมาได้เยี่ยมยอดมากๆ และแน่นอนว่าก็ยังทำให้น้ำตาซึมได้เหมือนกัน ส่วนช่วงท้ายที่โทนหนังอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รู้สึกว่าหนังค่อนข้างรีบรัด รวบเร่งเกินไปนิด และไม่ได้ปล่อยช่วงเวลาให้เข้าถึงสักเท่าไหร่ เลยเหมือนยังไม่พีค ไม่จี๊ดพอที่จะทำให้ออกจากโรงด้วยอารมณ์เต็มอิ่มเหมือนที่คาดหวังเอาไว้ (ยอมรับว่าคาดหวังในส่วนท้ายเอาไว้พอสมควร)

อย่างไรก็ดีหนังก็เป็นงานโรแมนติกที่ไม่ว่าจะเพศไหน วัยใดก็ไม่ควรพลาด ท่ามกลางหนังมากมายในช่วงนี้ที่ออกมาและดูเหมือนจะห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนี้แหละที่ทำให้กลับมามองดูชีวิตเราจริงๆอีกครั้ง ว่าเราได้ทำให้มันคุ้มค่าในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ความรักที่คุณให้กับคนที่คุณรัก เพียงพอต่อการมอบมให้กันและกันในวันที่ยังมีลมหายใจแล้วหรือยัง เพราะถ้าสายเกินไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำในสิ่งเหล่านั้นอีกเลยตลอดชีวิต ดูหนัง ดูละครแล้วย้อนกลับมองดูตัวเอง นี่คือสิ่งที่หนังทำให้เราย้อนกลับมามองดูชีวิตรักของเราอย่าง "รอบคอบ" มากยิ่งขึ้นครับ

ยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้มยิ้ม

พูดคุยและติดตามข่าวสารต่อได้ที่
http://facebook.com/filmzlapsocial
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่