เดินทางครั้งแรกกับ รถไฟไทย ปลอดภัยจริงหรือ???

เรื่องนี้ผ่านมาแล้วประมาณหนึ่งเดือน ตอนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่ได้ตกเป็นข่าวและผมก็คิดว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง
จนเกิดข่าวเกี่ยวกับรถไฟขึ้น เลยตัดสินใจเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น และ สิ่งที่ผมสังเกตและสงสัยเกี่ยวกับ รถไฟของไทย

บอกเลยว่า เป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกและคิดว่าน่าจะไม่ขึ้นอีก(ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง)

เหตุการณ์จะคล้ายๆกับ http://ppantip.com/topic/31882829 อันนี้นะครับ ขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปอ่านเป็นข้อๆได้เลยครับ กระทู้นี้ผมเล่าๆสิ่งที่เจอไปด้วยนะครับ อาจยาวหน่อย

เริ่มจาก ผมต้องเดินทางไปงานประชุมวิชาการที่กรุงเทพ ผมอยู่เชียงใหม่ ตอนแรกลังเลอยู่นานว่าจะนั่งรถทัวร์หรือรถไฟดี(เดินทางทุกครั้งผมนั่งรถทัวร์บริษัทหนึ่งเสมอครับที่เขาแยกรถเข้าออกไปที่บริษัทเขาเลยไม่เคยนั่งเครื่อง)
ทุกครั้งที่นั่งรถทัวร์จะออกประมาณ สองทุ่ม ถึงกรุงเทพก็ประมาณตีห้า และไกลจากรถไฟฟ้า เลยตัดสินใจอยากลองนั่งรถไฟดูเพราะหัวลำโพงติดรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็เลยซื้อตั๋วรถไฟ ไป-กลับ เชียงใหม่-กรุงเทพ

ขาไปวันที่ 28 พ.ค. 57 นั่งปรับอากาศ เวลา 17.00น.
ขากลับวันที่ 2 มิ.ย. 57 นั่งปรับอากาศ เวลา 18.00น.

ขาไป...

ผมก็เดินทางไปก่อนเวลาปกติ หาซื้อของกินเก็บไว้กินเหมือนนั่งรถทัวร์ แต่ซื้อไม่มากเพราะคิดว่า บนรถไฟน่าจะมีน้ำกับขนมปังแจกเหมือนรถทัวร์ พอเดินทางไปถึงพร้อมกระเป๋าเป้ใหญ่ๆสองใบ ก็เดินออกหาขบวนและตู้ตามหมายเลขตั๋ว แล้วก็ขึ้นหาที่นั่งปกติ รถไฟออกตรงเวลาดีครับ
ข้อสังเกตที่ผมสงสัยคือ

1.ทางเข้าสถานีรถไฟไม่เห็นมียามหรือเจ้าหน้าที่ ไม่มีตรวจ ค้นตัว หรือสแกน กระเป๋าเดินทางเลยหรอครับ???
2.คนที่ใส่เครื่องแบบ ยืนอยู่หน้าทางเข้าตู้ก่อนขึ้นรถไฟ(ผมมักจะไปถามว่าเลขตู้นี้อยู่ตรงไหน) เขาเป็นใคร?? ตำรวจรถไฟ หรือว่าแค่พนักงานในเครื่องแบบ และ มีอยู่แค่ไม่กี่คนไม่ครบทุกทางขึ้นตู้ แบบนี้ใครจะขึ้นก็ได้งั้นหรอครับ???
3.ไม่มีการตรวจตั๋วหรือบัตรประชาชนว่าตรงไหมก่อนขึ้น???
4.รถไฟขบวนยาวมาก แต่กล้องวงจร มีแค่หน้าสถานีรถไฟ และกล้องบริเวณก่อนขึ้นรถไฟตู้ต่างๆไม่เห็นมี (หรือผมสังเกตไม่เห็นเองไม่แน่ใจ)

หลังจากผมเจอที่นั่ง ที่นั่งปรับอากาศ จะเป็นแถวละสามที่นั่ง ติดกันสองที่นั่งและแยกเดี่ยวๆอีกหนึ่งที่นั่ง ผมทั้งไปทั้งกลับนั่งเดี่ยวๆครับ ทั้งตู้มีประมาณ 30 ที่นั่ง(ไม่แน่ใจ) มีที่อำนวยความสะดวกขึ้นลงสำหรับรถเข็นคนพิการ(ตรงนี้ชื่นชมครับ) วันขาไปในตู้คนสี่ห้าคนมีพี่นั่งรถเข็น(เหมือนบาดเจ็บที่ขา)หนึ่งคน และพี่ผู้หญิงที่ดูเลอีกหนึ่งคน มีพี่ผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งที่นั่งเดี่ยวข้างหลังผม

เหตุการแรกที่เจอคือ
พนักงานถือถาดน้ำส้มดูๆแล้วน่าจะแก้วละ20บ. ตามตลาดทั่วไป เดินผ่านมาแล้วก็หยุดแล้วยื่นถาดมาที่ผม ผมก็นึกว่าแจกเหมือนรถทัวร์ ก็เลยหยิบไปแก้วนึง แล้วพี่เขาก็เดินผ่านไปหาคนอื่นๆ แล้วซักพักก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่า มาเก็บตังค่าน้ำส้ม 50 บ. อมยิ้ม24 ด้วยความเงิบและหยิบมาแล้ว เลยจ่ายๆไป สรุปทั้งคืน ไม่มีของฟรีเหมือนที่คิดจากรถไฟครับ

สิ่งที่ผมสังเกตเพิ่มได้หลังจากนั่งไปซักพัก

5. ที่วางกระเป๋าข้างบนหัวเราเป็นแนวยาวๆ ไม่มีกั้นเป็นช่องๆตามที่นั่ง นั่นหมายความว่า มันไหลไปตรงกับหัวคนอื่นได้
6. มีอาหารขายพร้อมพนักงานเดินผ่านไปมาทะลุแต่ละตู้อย่างวุ่นวายตลอด
7. ตู้รถไฟเดินทะลุหากันได้(ไม่รู้ว่าเชื่อมหากันทุกตู้ไหมนะครับ ผมไม่ได้ลองเดินกลัวของหาย)
***8. มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขาย??????
***9. เมื่อรถไฟออกจากสถานีได้ซักพัก พึ่งมีพนักงานรถไฟมาเช็คตั๋วว่านั่งตรงไหม ???? ถ้าแบบนี้คนไม่มีตั๋วแอบขึ้นแล้วเนี่ยนๆลุกเดินไปเดินมาข้ามตู้ก็ไม่โดนตรวจหรอครับ?

แล้วแหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น เมื่อมีชายรูปร่างล่ำๆ ตัวสูงประมาณ 170 ผิวคล้ำ ผมดำสั้น หน้าตาไม่เหมือนต่างด้าวที่มาจากทางลาวหรือพม่า หน้าตาออกไปทางเหมือนคนมาเลเซียมากกว่า(ผมและพี่ๆในตู้เดียวกันนั่งสันนิษฐานกันเอง) เดินไปเดินมาผ่านตู้ผมซักสองสามรอบถือถุงผ้าเล็กๆหิ้วไปหิ้วมา ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตอะไร พอผ่านมาอีกรอบ สังเกตได้เลยว่า แอบเดินตามหลัง ตำรวจรถไฟ ทิ้งระยะห่างพอควร จนตำรวจรถไฟคุมตัวมานั่งตู้เดียวกับผม และเล่าให้ผมและพี่ๆที่นั่งในตู้นั่งปรับอากาศฟังว่า แอบสงสัยเพราะเห็นว่า ตอนแรกเขานั่งอยู่ในตู้นอน ซึ่งพอมีคนเข้าไป เขาก็เดินออกมาย้ายไปตู้นั่งพัดลมบ้าง นั่งตู้แอร์เยื้องๆผมบ้าง พอเห็นตำรวจมาเขาก็ทำท่าทีลุกเดินไปเดินมาจนตำรวจรถไฟถามว่านั่งตรงไหน เขาก็ไม่ตอบ ส่ายหน้าแล้วจะลุกไปย้ายที่นั่ง จนสุดท้ายก็รู้เลยว่า"ไม่มีตั๋ว" และมากกว่านั้นคือ "เขาไม่มีบัตรอะไรเลย" เพราะจะซื้อตั๋วได้ต้องมีปัตรประชาชน และยังไม่พอตอนจับได้นึกว่าไม่มีเงินที่ไหนได้ เอาถุงผ้าเล็กๆยัดใส่มือตำรวจ ก็เลยเปิดดู มีเงินสองสามพันกว่าบาท

ตำรวจก็เลยชี้ให้นั่งตรงนี้ห้ามลุกไปไหน เขาก็ไม่ยอมนั่ง คุกเข่าก้มเหมือนกราบ พนักงานกับตำรวจดึงให้ลุกก็ไม่ลุก ก้มกราบอยู่นั่นแหละ จนขู่ว่า ไม่ลุกจะจับส่งตำรวจลำปาง(ตอนนี้รถไฟยังอยู่ในป่า เวลาหกโมงเย็นกว่าๆ ยังไม่ถึงลำปาง) มันก็เลยกลัว เลยลุกขึ้นนั้ง โดยมีตำรวจยืนคุมอยู่ ระหว่างนั้น ทั้งพี่ๆข้างหลังผมพนักงานก็พยายาม ถามเป็นภาษาอังกฤษต่างๆนาๆ ว่ามาจากไหน จะไปไหน คนที่ไหน บลาๆ เยอะมาก แต่ ไม่ตอบเลย ก้มหน้าก้มตา เงียบ พยายามจะลงที่ที่นั่งมาคุกเข่าอยู่นั่นแหละ และพึมพัมๆภาษาอะไรไม่รู้แล้วชี้เหมือนจะขึ้นขบวนนี้ ทุกคนเลยเดาว่าคงจะแอบเข้ากรุงเทพ

หลังจากคุมตัวซักครึ่งชั่วโมง ตำรวจรถไฟก็ชิวเหลือเกินนนนนนนนนนนนนนน อมยิ้ม20 จะลุกไปกินข้าวที่ตู้กินข้าว เลยให้พนักงานรถไฟ ผช คนนึงนั่งข้างๆแทน พอตำรวจพ้นสายตาไป รถไฟจอดสถานีย่อยเล็กๆกลางป่า(ป่าจริงๆมีบ้านไม่กี่หลังกับศาลาหมอนรถไฟไว้ทำรถไฟรางคู่มั้ง ไม่รู้จอดแวะทำไม) แล้วเขาก็พยายามลุก พนักงานรถไฟคนเดียว ตัวเล็กกว่ามาก พยายามจับ แต่ไม่ไหว ทุกคนก็ตกใจ แล้วเขาก็ลุกวิ่งไปทางเชื่อมระหว่างตู้ แล้วก็กระโดดออกรถไฟ วิ่งๆไปหลบตรงศาลา ทุกคนในตู้และพนักงานก็ส่องผ่านหน้าต่าง แบบงงครับ มันวิ่งไปทำไม กลางป่า เวลาประมาณทุ่มนึง เกือบมืดสนิทเลยครับ แล้วรถไฟก็ออกไป เขาก็แอบหลับตรงศาลา จนลับตาไป

ข้อสังเกตครับ

10. ตำรวจรถไฟเป็นตำรวจจริงๆไหมครับ? ทำไมไม่ทำอะไรเลย ไม่จับใส่กุญแจมือ หรือทำอะไรเลย ผมเห็นแล้วแอบงง เหมือนคุมตัว แล้วแบบชิวมาก ถอดชุดตำรวจเหลือแต่เสื้อรำรองแล้วไปทานข้าว -*-

11. เวลามีคนไม่มีตั๋ว ตำรวจรถไฟจะต้องคุมตัวเขาลงในสถานีถัดไปเลยไม่ใช่หรอครับ อันนี้หยุดมาหลายสถานี ไม่เห็นนำเขาลงเลย และเท่าที่ฟังตำรวจคุยกับพนักงานเหมือนจะให้เขานั่งไปแต่ตำรวจจะข้างๆไปเรื่อยๆด้วยซ้ำ แบบนี้กลางดึกไม่อันตรายเลยหรอครับ?(ดีที่เขาโดดหนีไปก่อนผมเลยไม่ได้โวยวาย แอบน่ากลัวจริงๆ)

12. ตำรวจรถไฟมีกี่คนต่อหนึ่งขบวนครับ ผมเห็นแค่คนเดียวที่มาควบคุมคนแปลกหน้า พอไม่มีคนแปลก ก็หายไปเลย รถไฟยาวมาก ดูแลทั่วถึงไหม มีเวรเดินตรวจไหมครับมันเดินทะลุหากันได้นะ ไม่เห็นมีเลย หายไปเลยแม้แต่เดินผ่านก็ไม่เห็น?

แล้วก็จบเรื่องวุ่นๆไปครับ นั่งไปเรื่อยๆ ผมก็ย้ายกระเป๋าที่ไว้ข้างบนลงมาไว้ข้างเท้าหมด เพราะเวลานอนคนเดินผ่านตลอดไม่ปลอดภัย และไม่ค่อยกล้านอนครับรู้สึกแบบมีคนเดินผ่านตลอดเวลา แม้กระทั่งพนักงานยังแอบมาหลับที่นั่งว่างๆหลายคนเลย ก็เลยนั่งเล่นเกมฟังเพลงไปเรื่อยๆ งีบบ้างนิดๆ จนไกล้ถึงประมาณเจ็ดโมงเช้า ก็จอดสถานีย่อยๆในกรุงเทพก่อนถึงหัวลำโพงบ่อยมาก มีคนเข้าออก เดินผ่านไปผ่านมาเยอะมาก บางคนผมเห็นขึ้นตู้อื่นแล้ว เดินมาจากไหนไม่รู้ มาถามว่ามีคนนั่งไหม พอรู้ว่าไม่มี ก็มานั่งเฉยแบบงงๆ ตกลงเขาซื้อตั๋วไหมหรือยังไงผมก็ไม่ทราบผมไม่ได้อยู่กรุงเทพ รู้แค่ว่า เขาคงนั่งรถไฟไปหัวลำโพงเพื่อไปทำงานที่อื่นต่อ แล้วแอบเนียนมานั่งตู้ปรับอากาศ มีหลายคนมากๆ อมยิ้ม11 ก็นั่งไปเรื่อยๆจนถึงจุดหมายประมาณ 9 โมงเช้าครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 16 ชั่วโมงครับ

จบการเดินทางขาไป

ขากลับ...

ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปหัวลำโพงครับ ขากลับผมซื้อข้าวอะไรไปเรียบร้อย เพราะของบนรถไฟมันแพงเกินไป เข้าไปก่อนเวลาปกติครับ ขากลับมีคนนั่งค่อนข้างเยอะกว่าขามาประมาณ 10คน(จากที่นั่งประมาณ 30ที่นั่ง) แต่คราวนี้รถไฟไม่ออกตรงเวลาครับ ไฟตู้ผมดับ โครตร้อนเลย หน้าต่างที่ผมนั่งเปิดไม่ได้เพราะเป็นตู้นั่งปรับอากาศ พนักงานซ่อมวิ่งกันไปวิ่งกันมา ห้าหกคน คนในตู้โวยกันใหญ่ว่าถ้าไม่ดีจะชดเชยค่าตั๋วให้ไหม สุดท้าย ใช้เวลาซ่อมไป ชั่วโมงนิดๆครับ กว่ารถไฟจะออกก็เลทไป ชั่วโมงครึ่งครับ

ข้อสังเกตขากลับคล้ายๆเดิมคือ

นี่มันสถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีหลักของไทยหรอนี่(ผมคิดเองในใจ555+) พวกกล้องวงจรมีไม่กี่จุด การรักษาความปลอดภัย ยาม ตำรวจ พนักงานในเครื่องแบบก่อนขึ้นรถไฟไม่กี่คน ขึ้นตู้ไหนก็ได้ไม่มีตรวจตั๋วก่อนขึ้น กระเป๋าแบกไปใหญ่แค่ไหนก็ได้ไม่มีใครค้น ไม่มีใครถาม ไม่มีสแกน ชิวดีจริงๆครับ แหมะ คนเดินทะลุผ่านตู้กันเป็นว่าเล่น รอบนี้ไม่เจอแม้แต่ตำรวจรถไฟ ไม่เห็นเดินผ่านเลยซักนิด สงสัยชีวิตและของมีค่าต้องดูแลเองเช่นเคย

แล้วก็เกิดเหตุการณ์น่าสนใจครับ เมื่อลุง 4 คนนั่งที่นั่งติดกันแบบ สองที่นั่ง สองแถว แอบพก "เหล้าขาว หรือ เหล้าเถื่อน" มาซดกันเองเลย เพียวๆยกตามด้วยน้ำปล่าวตามสไตล์คนกินเหล้าขาวครับ กลุ่นฟุ้งเลย เสียงดังอีกต่างหาก เมากรึ่มๆ ก็ลุกเดินไปมาไปห้องอาหารมั่ง สั่งเบียร์มั้ง ดีนะครับ ที่ดึกๆลุงแกคงได้ที่ ก็นอนหลับกันทั้งแก้งไป

***แล้วถ้าเกิดเขากินเยอะจนเมาไม่ได้สติหละครับ จะทำยังไง???

ก็เดินทางมาเรื่อยๆจนถึงเชียงใหม่ 10 โมงเช้าครับ เวลาเดินทางประมาณ 16-17 ชั่วโมงครับ



ที่ผมมาเล่านี้ ผมไม่ได้บอกว่า เดินทางด้วยอะไรดีกว่ากัน ปลอดภัยกว่ากัน ทุกการเดินทางต่างมีช่องโหว่ของความปลอดภัย เพราะการจัดการระบบความปลอดภัยของบ้านเราทั้งเครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ ยังปล่อยปละละเลยไปเยอะมากๆ ทุกคนต่างมัวแต่มองว่า มันไม่เป็นไร ทั้งๆที่อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ทุกเวลาจริงๆ

และที่เล่าไปนี้ไม่ได้คิดจะโจมตีอะไร แต่คือสิ่งที่ผมเจอมาและสังเกตว่า ทำไมมันหละหลวมมากๆ จนเกิดเกี่ยวกับเหตุการณืบนรถไฟขึ้น(ขอไม่กล่าวถึงและขอแสดงความเสียใจครับ) ผมว่าคนที่เคยขึ้นรถไฟคงมีคนเคยเจอเหตุการณ์แปลกๆมากกว่าที่ผมเจอ เพียงแค่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยปล่อยๆมันไปและไม่ได้เล่าให้คนอื่นฟังมากนัก ในมุมกลับกัน ผมว่าถึงเวลาแล้วไหมครับ ที่เราควรจะกล่าวถึงเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆที่พบเจอ เพื่อจะได้เป็นสิ่งสะท้อนให้บ้านของเราพัฒนาให้ปลอดภัยมากขึ้นไปอีก เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียและน่าหดหู่ขึ้นอีกครับ

ตามความคิดเห็นของผม ที่ดูปลอดภัยที่สุดคงของบ้านเราตอนนี้เป็นสนามบินที่ดูปลอดภัยที่สุด รองลงมาก็ บริษัทรถทัวร์บางบริษัท(คหสต. นะครับ) การนั่งรถไฟห็สนุกไปอีกแบบแม้จะช้าหน่อย(ช้าโครตๆ-*-) แต่ก็ได้ฟิลลิ่งอีกแบบ แต่จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น คงต้องระมัดระวังขึ้นเยอะนะครับ

ขอบคุณครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่