US BOX OFFICE July 4-6, 2014
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
Transformers: Age of Extinction คว้าอันดับ 1 หนังทำเงินในสุดสัปดาห์วันชาติที่เหงาที่สุดปีหนึ่ง ไปครองได้อย่างสบายๆ ขณะที่หนัง เมลิสสา แม็คาร์ธีย์ Tammy ก็ถือว่าทำได้โอเคกับอันดับ 2 ส่วน Deliver Us From Evil กับ Earth to Echo นั้นล้มพังพาบตั้งแต่ออกสตาร์ท
หนัง 12 อันดับแรกของสัปดาห์นี้ทำเงินรวมกัน 120.6 ล้านเหรียญ ลดลงจากสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนถึง 46% โดยตอนนั้น Despicable Me 2 และ The Lone Ranger เปิดตัวพร้อมกัน ทำให้สุดสัปดาห์นี้เป็นสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกา ที่รายได้แย่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ที่ทำไว้ 116.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อดูจากรายได้ต้นเดือนกรกฎาคมยังจมขนาดนี้ ไล่เรียงไปจนถึงหนังที่เปิดตัวกันมาในช่วงซัมเมอร์ ไม่น่าแปลกใจที่ซัมเมอร์ปีนี้จะเป็นหนึ่งในปีที่ทำรายได้แย่ที่สุดในรอบทศวรรษ
Transformers: Age of Extinction รายได้ร่วงกราว 63% ทำรายได้มาอีก 37.1 ล้านเหรียญ โดยไม่มีคู่ปรับที่เหมาะมือ ทำให้กลายเป็นหนังเรื่องที่ 2 ของปีนี้ต่อจาก Captain America: The Winter Soldier ที่ครองอันดับหนึ่งหนังทำเงินได้สองสัปดาห์ติดกัน รายได้รวมของหนังตอนนี้เป็น 175.4 ล้านเหรียญตามหนังสองภาคก่อนแบบห่างๆ และหากหนังทำเงินในระดับนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อปิดโปรแกรมรายได้น่าจะอยู่ระหว่าง 245 - 265 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็น Tammy เปิดตัวด้วยรายได้ 21.2 บ้านเหรียญ (และหากนับ 5 วันจะเป็น 33.3 ล้านเหรียญ) ต่ำกว่า We're the Millers ที่ทำไว้ 37.9 ล้านเหรียญจากการฉาย 5 วัน และกระทั่งนับรายได้รวม 5 วัน Tammy ก็ทำรายได้ต่ำกว่ารายได้ 3 วันของหนังเมลิสสา แม็คคาร์ธีย์เรื่อง The Heat กับ Identity Thief เมื่อปี 2013 หากก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับหนังตลกคำวิจารณ์แย่ และการที่โดยปกติ หนังตลกต้องการมุขเด็ดๆ โดนๆ เพื่อขายหนัง แต่กับ Tammy ที่ทำรายได้เกิน 30 ล้านจากการฉาย 5 วัน โดยไม่มีลูกเล่นอะไรเลย แสดงว่าแม็คคาร์ธีย์เป็นดาราตลกที่ขายได้ในยามนี้ แน่นอนว่าหนังอาจจะเหนื่อยโคตรๆ ในระยะยาว แถมยังได้คะแนน C+ จากซีนีมาสกอร์อีก หมายความว่า ปากต่อปากจะไม่ทำงาน อย่างดีที่สุดหนังก็น่าจะทำเงินได้แถวๆ 70 ล้านตอนปิดโปรแกรม
Deliver Us From Evil เปิดตัวที่อันดับ 3 ด้วยรายได้ 9.7 ล้านเหรียญ รายได้ 5 วัน 15.3 ล้าน ซึ่งต่ำกว่ารายได้เปิดตัวของ Sinister หนังเรื่องก่อนของผู้กำกับสก็อทท์ เดอร์ริคสัน เมื่อปลายปี 2012 หนังสยองขวัญเหนือธรรมชาติเรื่องนี้ ดูเหมือนน่าจะทำได้ดีกับการออกฉายในช่วงนี้ ตัวอย่างแรกก็มาพร้อมฉากเด็ดๆ และไม่มีหนังอะไรแบบนี้ให้เห็นจริงๆ จังๆ เลยในซัมเมอร์นี้ โชคไม่ดีที่ปี 2014 เป็นปีที่คนดูเซ็งกับหนังผีเข้ากันแล้ว Paranormal Activity: The Marked Ones, Devil's Due, The Quiet Ones ล้วนไปได้ไม่ถึงไหน และ Deliver Us From Evil ก็หนีไม่พ้น สำหรับคนดู 51% เป็นผู้ชาย และ 51% อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยปกติหนังสยองขวัญมักจะยืนระยะไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งได้คะแนน B- จากวีนีมาสกอร์อีก ยิ่งตอกย้ำว่าหนังไม่น่าจะรอด หากทำรายได้เกิน 35 ล้านได้ก็หรูแล้ว
22 Jump Street รายได้ตกแค่ 38% ทำเงินมาอีก 9.8 ล้านเหรียญ มาถึงวันนี้หนังตลก-แอ็คชัน ภาคต่อทำเงินได้อย่างน่าพอใจ 159.3 ล้านเหรียญ ส่วน How to Train Your Dragon 2 ยังไม่หลุดจากห้าอันดับแรก เก็ยรายได้เพิ่มอีก 9 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อน 32% รายได้รวมน่าผิดหวังมากๆ เมื่อทำได้แค่เพียง 140.2 ล้านเหรียญ
Earth to Echo เปิดตัวในอันดับ 6 ด้วยรายได้ 8.4 ล้านเหรียญ (13.6 ล้านสำหรับ 5 วัน) ถือเป็นหนึ่งในหนังเจอฟิล์มที่เปิดตัวได้แย่ที่สุด หนังทำได้พอๆ กับหนังสยองขวัญ เจอฟิล์มคว่ำสนิทอย่าง Apollo 18 กับ Devil's Due แสดงให้เห็นว่า 5 ปีหลังจาก Paranormal Activity หนังที่ใช้เทคนิคนี้ในการเล่าเรื่อง ตลาดวายไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคนดู Earth to Echo 54% เป็นผู้หญิง และ 52% อายุต่ำกว่า 25 ปี คะแนนซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A- แต่หนังก็ไม่น่าจะไปได้สวย เพราะสัปดาห์หน้ามี Planes: Fire & Rescue ที่ดูดีกว่า มารอแย่งคนดูกลุ่มครอบครัวเรียบร้อยแล้ว
ด้วยโรงฉาย 1,105 โรงหนัง Dinesh D'Souza's America เปิดตัวนอกสิบอันดับแรกด้วยรายได้ 2.74 ล้านเหรียญ (5 วัน 4 ล้านเหรียญ) ไม่ถึงครึ่งของที่ 2016: Obama's America ทำไว้ 6.5 ล้านเหรียญในตอนเปิดตัวเมื่อสิงหาคม 2012 แม้จะได้ A+ จากซีนีมาสกอร์ แต่หนังก็ไม่น่าจะยืนระยะได้เหมือนเรื่องก่อน และถ้าทำเงินได้เกิน 33.5 ล้านก็ถือว่าน่าประหลาดใจสุดๆ
กับการฉายในวงจำกัด Begin Again ของผู้กำกับจอห์น คาร์นีย์ เพิ่มโรงเป็น 175 โรงและทำรายได้สวยงาม 1.26 ล้านเหรียญ ขณะที่ Snowpiercer เปิดตัวกว่าล้านเหรียญจากการฉาย 250 โรง และเตรียมขายลงแผ่นในวันศุกร์ที่จะถึงนี้เลย
ในตลาดนอกอเมริกา Transformers: Age of Extinction ยังแข็งแรง แม้จะไม่มีการเปิดตัวในตลาดใหม่ โดยทำเงินอีก 95.8 ล้านเหรียญ รายได้รวมพุ่งไปที่ 400.9 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า Dark of the Moon 21% จากการฉายในเวลาเท่ากันในพื้นที่เดียวกัน โดยตลาดใหญ่ก็คงไม่พ้นจีน ที่หนังได้เงินมาอีก 50.9 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมเฉพาะที่นี่ 212.8 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าในอเมริกาถึง 35 ล้านเหรียญ และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดที่จีนไปแล้ว เมื่อเอาชนะ 217.7 ล้านของ Avatar ได้สำเร็จ สุดสัปดาห์หน้า Transformers: Age of Extinction จะเปิดตัวในอังกฤษ, เม็กซิโก และตลาดเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง หนังน่าจะทำรายได้เกิน 700 ล้านเหรียญแน่ๆ และมีศักยภาพพอที่จะไปถึง 800 ล้าน
How to Train Your Dragon 2 ได้เงินมาอีก 33.5 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้นอกอเมริกาไปอยู่ที่ 152.6 ล้านเหรียญ หนังขึ้นอันดับ 1 ที่ฝรั่งเศสด้วยรายได้ 7.5 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังอเมริกันเปิดตัวสูงสุดที่นี่ของปีนี้ หนังยังมีตลาดอังกฤษ, เยอรมันนี, อิตาลี, สเปน, เกาหลีใต้ และจีน ให้เล่น
Maleficent ทำรายได้อีก 17.3 ล้านเหรียญ โดยก้อนหลักๆ มาจากการเปิดตัวอันดับ 1 ที่ญี่ปุ่น 7.1 ล้านเหรียญ โดยเขี่ย Frozen ลงมาหลังจากครองที่ 1 มา 16 สัปดาห์ติด กับการที่หนังน่าจะทำได้ดีที่นี่ ทำให้รายได้รวมของหนังที่ 416.3 ล้านเหรียญ น่าจะขยับไปที่ 500 ล้านเหรียญได้
อ่านแล้วชอบ คลิกไลค์ให้กำลังใจได้ที่
www.facebook.com/Sadaos
วันชาติอเมริกา หนัง Transformers 4 ยังทรงตัว ยึดอันดับ 1 สุดสัปดาห์เหงาๆ ไปอีกสัปดาห์
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
Transformers: Age of Extinction คว้าอันดับ 1 หนังทำเงินในสุดสัปดาห์วันชาติที่เหงาที่สุดปีหนึ่ง ไปครองได้อย่างสบายๆ ขณะที่หนัง เมลิสสา แม็คาร์ธีย์ Tammy ก็ถือว่าทำได้โอเคกับอันดับ 2 ส่วน Deliver Us From Evil กับ Earth to Echo นั้นล้มพังพาบตั้งแต่ออกสตาร์ท
หนัง 12 อันดับแรกของสัปดาห์นี้ทำเงินรวมกัน 120.6 ล้านเหรียญ ลดลงจากสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนถึง 46% โดยตอนนั้น Despicable Me 2 และ The Lone Ranger เปิดตัวพร้อมกัน ทำให้สุดสัปดาห์นี้เป็นสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกา ที่รายได้แย่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ที่ทำไว้ 116.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อดูจากรายได้ต้นเดือนกรกฎาคมยังจมขนาดนี้ ไล่เรียงไปจนถึงหนังที่เปิดตัวกันมาในช่วงซัมเมอร์ ไม่น่าแปลกใจที่ซัมเมอร์ปีนี้จะเป็นหนึ่งในปีที่ทำรายได้แย่ที่สุดในรอบทศวรรษ
Transformers: Age of Extinction รายได้ร่วงกราว 63% ทำรายได้มาอีก 37.1 ล้านเหรียญ โดยไม่มีคู่ปรับที่เหมาะมือ ทำให้กลายเป็นหนังเรื่องที่ 2 ของปีนี้ต่อจาก Captain America: The Winter Soldier ที่ครองอันดับหนึ่งหนังทำเงินได้สองสัปดาห์ติดกัน รายได้รวมของหนังตอนนี้เป็น 175.4 ล้านเหรียญตามหนังสองภาคก่อนแบบห่างๆ และหากหนังทำเงินในระดับนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อปิดโปรแกรมรายได้น่าจะอยู่ระหว่าง 245 - 265 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็น Tammy เปิดตัวด้วยรายได้ 21.2 บ้านเหรียญ (และหากนับ 5 วันจะเป็น 33.3 ล้านเหรียญ) ต่ำกว่า We're the Millers ที่ทำไว้ 37.9 ล้านเหรียญจากการฉาย 5 วัน และกระทั่งนับรายได้รวม 5 วัน Tammy ก็ทำรายได้ต่ำกว่ารายได้ 3 วันของหนังเมลิสสา แม็คคาร์ธีย์เรื่อง The Heat กับ Identity Thief เมื่อปี 2013 หากก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับหนังตลกคำวิจารณ์แย่ และการที่โดยปกติ หนังตลกต้องการมุขเด็ดๆ โดนๆ เพื่อขายหนัง แต่กับ Tammy ที่ทำรายได้เกิน 30 ล้านจากการฉาย 5 วัน โดยไม่มีลูกเล่นอะไรเลย แสดงว่าแม็คคาร์ธีย์เป็นดาราตลกที่ขายได้ในยามนี้ แน่นอนว่าหนังอาจจะเหนื่อยโคตรๆ ในระยะยาว แถมยังได้คะแนน C+ จากซีนีมาสกอร์อีก หมายความว่า ปากต่อปากจะไม่ทำงาน อย่างดีที่สุดหนังก็น่าจะทำเงินได้แถวๆ 70 ล้านตอนปิดโปรแกรม
Deliver Us From Evil เปิดตัวที่อันดับ 3 ด้วยรายได้ 9.7 ล้านเหรียญ รายได้ 5 วัน 15.3 ล้าน ซึ่งต่ำกว่ารายได้เปิดตัวของ Sinister หนังเรื่องก่อนของผู้กำกับสก็อทท์ เดอร์ริคสัน เมื่อปลายปี 2012 หนังสยองขวัญเหนือธรรมชาติเรื่องนี้ ดูเหมือนน่าจะทำได้ดีกับการออกฉายในช่วงนี้ ตัวอย่างแรกก็มาพร้อมฉากเด็ดๆ และไม่มีหนังอะไรแบบนี้ให้เห็นจริงๆ จังๆ เลยในซัมเมอร์นี้ โชคไม่ดีที่ปี 2014 เป็นปีที่คนดูเซ็งกับหนังผีเข้ากันแล้ว Paranormal Activity: The Marked Ones, Devil's Due, The Quiet Ones ล้วนไปได้ไม่ถึงไหน และ Deliver Us From Evil ก็หนีไม่พ้น สำหรับคนดู 51% เป็นผู้ชาย และ 51% อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยปกติหนังสยองขวัญมักจะยืนระยะไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งได้คะแนน B- จากวีนีมาสกอร์อีก ยิ่งตอกย้ำว่าหนังไม่น่าจะรอด หากทำรายได้เกิน 35 ล้านได้ก็หรูแล้ว
22 Jump Street รายได้ตกแค่ 38% ทำเงินมาอีก 9.8 ล้านเหรียญ มาถึงวันนี้หนังตลก-แอ็คชัน ภาคต่อทำเงินได้อย่างน่าพอใจ 159.3 ล้านเหรียญ ส่วน How to Train Your Dragon 2 ยังไม่หลุดจากห้าอันดับแรก เก็ยรายได้เพิ่มอีก 9 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อน 32% รายได้รวมน่าผิดหวังมากๆ เมื่อทำได้แค่เพียง 140.2 ล้านเหรียญ
Earth to Echo เปิดตัวในอันดับ 6 ด้วยรายได้ 8.4 ล้านเหรียญ (13.6 ล้านสำหรับ 5 วัน) ถือเป็นหนึ่งในหนังเจอฟิล์มที่เปิดตัวได้แย่ที่สุด หนังทำได้พอๆ กับหนังสยองขวัญ เจอฟิล์มคว่ำสนิทอย่าง Apollo 18 กับ Devil's Due แสดงให้เห็นว่า 5 ปีหลังจาก Paranormal Activity หนังที่ใช้เทคนิคนี้ในการเล่าเรื่อง ตลาดวายไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคนดู Earth to Echo 54% เป็นผู้หญิง และ 52% อายุต่ำกว่า 25 ปี คะแนนซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A- แต่หนังก็ไม่น่าจะไปได้สวย เพราะสัปดาห์หน้ามี Planes: Fire & Rescue ที่ดูดีกว่า มารอแย่งคนดูกลุ่มครอบครัวเรียบร้อยแล้ว
ด้วยโรงฉาย 1,105 โรงหนัง Dinesh D'Souza's America เปิดตัวนอกสิบอันดับแรกด้วยรายได้ 2.74 ล้านเหรียญ (5 วัน 4 ล้านเหรียญ) ไม่ถึงครึ่งของที่ 2016: Obama's America ทำไว้ 6.5 ล้านเหรียญในตอนเปิดตัวเมื่อสิงหาคม 2012 แม้จะได้ A+ จากซีนีมาสกอร์ แต่หนังก็ไม่น่าจะยืนระยะได้เหมือนเรื่องก่อน และถ้าทำเงินได้เกิน 33.5 ล้านก็ถือว่าน่าประหลาดใจสุดๆ
กับการฉายในวงจำกัด Begin Again ของผู้กำกับจอห์น คาร์นีย์ เพิ่มโรงเป็น 175 โรงและทำรายได้สวยงาม 1.26 ล้านเหรียญ ขณะที่ Snowpiercer เปิดตัวกว่าล้านเหรียญจากการฉาย 250 โรง และเตรียมขายลงแผ่นในวันศุกร์ที่จะถึงนี้เลย
ในตลาดนอกอเมริกา Transformers: Age of Extinction ยังแข็งแรง แม้จะไม่มีการเปิดตัวในตลาดใหม่ โดยทำเงินอีก 95.8 ล้านเหรียญ รายได้รวมพุ่งไปที่ 400.9 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า Dark of the Moon 21% จากการฉายในเวลาเท่ากันในพื้นที่เดียวกัน โดยตลาดใหญ่ก็คงไม่พ้นจีน ที่หนังได้เงินมาอีก 50.9 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมเฉพาะที่นี่ 212.8 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าในอเมริกาถึง 35 ล้านเหรียญ และกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดที่จีนไปแล้ว เมื่อเอาชนะ 217.7 ล้านของ Avatar ได้สำเร็จ สุดสัปดาห์หน้า Transformers: Age of Extinction จะเปิดตัวในอังกฤษ, เม็กซิโก และตลาดเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง หนังน่าจะทำรายได้เกิน 700 ล้านเหรียญแน่ๆ และมีศักยภาพพอที่จะไปถึง 800 ล้าน
How to Train Your Dragon 2 ได้เงินมาอีก 33.5 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้นอกอเมริกาไปอยู่ที่ 152.6 ล้านเหรียญ หนังขึ้นอันดับ 1 ที่ฝรั่งเศสด้วยรายได้ 7.5 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 2 หนังอเมริกันเปิดตัวสูงสุดที่นี่ของปีนี้ หนังยังมีตลาดอังกฤษ, เยอรมันนี, อิตาลี, สเปน, เกาหลีใต้ และจีน ให้เล่น
Maleficent ทำรายได้อีก 17.3 ล้านเหรียญ โดยก้อนหลักๆ มาจากการเปิดตัวอันดับ 1 ที่ญี่ปุ่น 7.1 ล้านเหรียญ โดยเขี่ย Frozen ลงมาหลังจากครองที่ 1 มา 16 สัปดาห์ติด กับการที่หนังน่าจะทำได้ดีที่นี่ ทำให้รายได้รวมของหนังที่ 416.3 ล้านเหรียญ น่าจะขยับไปที่ 500 ล้านเหรียญได้
อ่านแล้วชอบ คลิกไลค์ให้กำลังใจได้ที่ www.facebook.com/Sadaos