ประเทศเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน ประสบการณ์ดีที่สุดในชีวิต+แย่ที่สุดในชีวิต จนกลายมาเป็นฉันในทุกวันนี้

ปัจจุบัน เราอายุ 20 ปี เคยไปแลกเปลี่ยนตอนอายุ 17 ทุกภาพ ทุกเหตุการณ์เราจำได้ไม่เคยลืม
จะเริ่มเข้าเรื่องแล้วนะ จะเล่าทั้งแต่แรกเลย... เป็นเรื่องที่ยาวมากๆนะ แต่รับรองไม่น่าเบื่อแน่นอน 55555555

เราเรียนโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นโรงเรียนหญิงล้วน เราเป็นเด็กดีในสายตาพ่อแม่มาก ทุกวันที่ไปโรงเรียนจะมีคนไปรับ-ส่งทุกวันแต่พออยู่ในรั่วโรงเรียนก็จะกลายเป็นอีกคนที่ไม่เคยตั้งใจเรียนเอาง่ายๆเราอะ "เด็กหลังห้อง" จนเราขึ้น ม.4 มาก็เจอแจคพอตเลยได้ครูที่ปรึกษาเป็น อ.ฝ่ายปกครอง เราเป็นคนไม่ชอบเข้าเรียน ไม่ชอบยุ่งกับใครมาก และคิดว่าตัวเองเก่งตลอด อาจเพราะมั่นใจในตัวเองสูงเนื่องจาก ที่บ้านเราค่อนข้างมีฐานะ
เราเลยไม่ค่อยแคร์ใคร แต่ไปๆมาๆ อยากเจ๊งกว่าเดิม คิดว่าที่เป็นอยู่มันไม่เท่ เราเลยเข้าไปอยู่กับพวกที่ชอบมีเรื่องหรือที่เรียกว่า
"พวกอันทพาลในโรงเรียน"
55555 คิดแล้วยังตลกตัวเองเลย ต้องเข้าใจก่อนนะว่าโรงเรียนรัฐบาลในต่างจังหวัดเป็นอะไรที่กฏระเบียบสูงมาก
ห้ามกระโปรงสั้น ห้ามถุงเท้าพื้นดำ ห้ามซอยผม ห้ามห้ามห้าม
พอเราเจอกลุ่มเพื่อนที่ไม่ดี เราก็เริ่มมีการทะเลาะตบตีไปเรื่อยจนเราไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่ขนาดนี้
เย็นวันหนึ่งพอเรากลับบ้านไปเราเห็นแม่กับพ่อเรานั่งคุยกับใครไม่รู้ สีหน้าเครียดมาก
เราเลยเดินเข้าไป ปรากฏว่าเป็น ครูที่ปรึกษาเราเอง พูดเรื่องเราทั้งหมดในโรงเรียน จนแม่เราร้องไห้เลย แม่เราถามครูว่าครูมีทางออกมั้ย
ครูบอกว่า "ค่ะ มีแน่นอน คุณแม่พร้อมมั้ยหละคะ?"
แน่นอนแม่เราพร้อม จากนั้นเรื่องนี้ก็เกิดขึ้น
เราเลยได้ไปสอบชิงทุนแลกเปลี่ยนประเทศอเมริกา เรายอมรับว่าตอนนั้นเราอยากไปมาก
ซึ่งเราเป็นคนที่ภาษาอังกฤษดีในระดับหนึ่งอยู่แล้วเพราะว่าที่บ้านเราให้เราเรียนพิเศษภาษาอังกฤษแบบ private มาตั้งแต่เรา ม.1
เรื่องสอบ เรื่องวีซ่า อะไรไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เราต้องเดินทางอเมริกา ดอกไม้
เราได้ Host Family อยู่ที่ Jerome/Idaho อยากจะบอกว่าตอนเดินทางไป Homesick มากกกกกกกกก แบบใจจะขาดไม่เคยห่างพ่อห่างแม่
เราร้องไห้ตั้งแต่ที่ไทยจนถึงอเมริกา แต่พอขึ้นเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายเราก็เริ่มหยุดเพราะเหนื่อย 5555555
เราลงเครื่องมาใจคอเราไม่ดีเลย คือความรู้สึกที่อยากมาที่นี่มันหายไปหมดแล้วในใจคิด "อยากกลับบ้านอยากกลับบ้าน"
เราลงเครื่องมา เราเจอโฮสเรายืนรอเราอยู่แล้วก็ถือป้ายกระดาษเก่าๆ เขียนว่า "Welcome to USA" ในใจคิดทำไมมันเก่าจังวะ - -'' แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
เราเรียกโฮสว่า Mom and Dad เป็นโฮสสามีภรรยา มีลูกสองคนแต่ลูกย้ายไปอยู่เยอรมันกับแฟน 1 คน อีกคนก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
ในบ้านนั้น มี เรา, mom, dad, แล้วก็หมาอีกตัวชื่อ LADY BUG

พอเราถึงบ้านเค้าก็เตรียมอาหารไว้แล้ว ซึ่งก่อต้องขอบคุณพระเจ้าก็กินข้าว คือจริงๆ เราว่าคนเมกาส่วนมากก็ไม่ได้เคร่งศาสนาเลยนะ แต่โฮสเราคนนี้ เหอะๆ คอยดูกันต่อไป.....
บนโต๊ะอาหารเราถามเค้าว่า กินข้าวเสร็จขอโทรหาแม่ได้มั้ยเพราะว่ายังไม่ได้บอกแม่เลยว่าถึงแล้ว มัมก่อตอบว่า ได้นะ แต่ 10 นาที
เราก็แบบดีใจ พอกินเสร็จก็โทรหาแม่ ขณะที่เราคุยกับแม่อยู่ มัมก็ยืนมองตลอดเวลา พอ 10 นาทีปุ๊ป นางตัดสายเองเลยจ้า
เราเลยเข้าไปคุยว่า อะไรยังไง คือได้ข้อสรุปมาว่า อาทิตย์หนึ่งคุยกับแม่ได้ 1 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที วันนี้นับได้ เพราะฉะนั้นจะได้โทรอีกทีอาทิตย์หน้า
คอมเล่นได้ 10 นาที (ต้องเล่นคอมบ้านนางนะ เพราะนางไม่ให้พาสเวิด wifi เรา) เราเป็น homesick อยู่แล้วยิ่งเจอแบบนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลย
ผ่านไปสองสามวัน เค้าพาเราไปกินอาหารที่ Sonic เป็นแบบคล้ายแมกโดนัล คือเราชอบมาก วันต่อมาเค้าพาเราไปในเมือง ไปทำทุระที่ธนาคารกับเค้า เราอยากไป sonic อีกซึ่งมันอยู่ในย่านนั้นเลย เราบอกว่า พาไปหน่อยนะ นางตอบกลับมา ไม่ เพราะที่บ้านอาหารเต็มตู้เย็น เราก้อเลยบอกว่า ก็อยากกินอะ เด่วฉันจ่ายเองไรงี้ นางก็บอก nononono โอเคคะ เรากลับไปกินข้าวบ้าน

พอกลับมาบ้าน เราก็เปิดตู้เย็นหาอะไรกิน นางบอก อันนั้นกินไม่ได้ อันนั้นกินไม่ดี คือสรุป นางให้เรากินแค่ซีเรียลกับนม -0-
หน้าที่ของเราในบ้านคืออะไรรู้มั้ย ให้อาหารกบยักษ์จ้า แบบเราเป็นคนกลัวสัตว์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว คือในประวัติเราที่เขียนไปให้นาง ก็บอกชัดเจนอยู่แล้วแต่นางก็ยืนยันจะให้เราทำ จะทำไงได้หละ ติดต่อใครก็ไม่ได้ เอาวะเป็นไงเป็นกัน
คือคิดถึงความรู้สึกดิ เราต้องให้อาหารกบยักษ์ที่มันลอยอืดๆอยู่ในน้ำอะ ewwwwww มากอะ คือเราทนไม่ไหวจริงๆ อะ
วันเวลาก็ผ่านไปช้าเหลือเกิน เราคิดว่ามะไหร่จะเปิดเทอม มะไหร่จะมีเพื่อน คือเราเหงามาก และ อาการ homesick ก็ไม่หายเลย
เราพยายามทุกอย่างให้ลืมบ้าน โดยการ ตัดหญ้าหน้าบ้าน จับหมาอาบน้ำ ถอดวัชพืช ให้อาหารกบ ชีวิต.....
แต่เราก็ลืมไม่ได้ คืนนั้นเราตัดสินใจ ย่องมาโทรศัพท์หาแม่ แล้วเล่าให้แม่ฟัง แม่เราร้องไห้ สงสารเรามาก แต่ยุๆสายก็ตัด นางเดินมาเลยบอกว่าถ้าทำอีก
นางจะส่งเรากลับไทย

เช้าวันต่อมา นางพาเราไปรู้จักกับเพื่อนบ้าน next door ชื่อ Ashly นิสัยดีมาก อายุเท่าเรา คืนแรกนางพาเราไปดูหนังเลย มัมก็ให้ไปบอกจะได้ไม่คิดถึงบ้าน
พอเราไป hangout บ่อยๆ เราก็สนิทกันจนเราเริ่มเล่าทุกอย่างให้ Ash ฟัง Ash สงสารเราเลยรีบให้ยืมโทรศัพท์มือถือโทรหาแม่ เราได้นั่งคุยกับแม่เป็น ชม. จนเชื่อมั้ย เราหายขาดจากการเป็น Homesick อยู่ๆ มันก็หาย เพราะคงหลายวันแล้ว แล้วก้อได้ติดต่อกับแม่ตลอด เราถือว่าเราโชคดีที่เจอเพื่อนบ้านดีนะ Ash พาเราไปรู้จักครอบครัว แม่ของเขา พ่อเลี้ยงของเขา เพื่อนสนิทของเขาชื่อ Mattie จนเรากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน 3 คน

จนเราไปเล่นบ้าน Ash ทุกวัน Ashกับmattie ชอบพาไปเที่ยว จนมันกลายเป็นสองอาทิตย์แรกที่มาอยู่อเมริกาแล้วมีความสุข

คนขวาคือ Ashly คนซ้าย Mattie

บรรยากาศตอนไปเที่ยวอุนทยานกัน
เราถ่ายรูปน้อยมากเพราะกล้องไม่ค่อยดีแล้วก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ 5555555 หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน โฮสมัมบอกเราว่าเราภาษาอังกฤษห่วยแตกมากเลยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปโรงเรียน ดูสิว่าจะเรียนได้รึป่าว เราก็งงเพราะว่าอีกประมาณ 2 อาทิตย์กว่าจะเปิดเทอมทำไมรีบไปจัง
พอไปเค้าก็พาเราไปหาครูใหญ่ของโรงเรียน แล้วก็หยิบใบประวัติเราที่เราเขียนส่งให้เค้าขึ้นมา ตอนแรกครูใหญ่บอกว่า นักเรียนแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่จะมีปัญหาด้านการสื่อสารเป็นธรรมดา คือครูใหญ่ใจดีมาก ไม่อะไรเลย แต่โฮสเราคือ ชี้คำศัพท์โน้นนี่ให้เราแปล ให้เรา expain เป็นภาษาอังกฤษอีกที คือ เราก็ทำไม่ได้อะ คือไม่เก่งขนาดนั้น อยู่ๆ มัมก็พูดมาว่า เห็นมั้ย บอกแล้ว คุณมันโง่ เรียนไม่ได้หรอก คิดว่าครูใหญ่อึ้งมั้ย? 5555555
เราลากเรากลับบ้าน แล้วรู้มั้ยบอกว่าไง ให้เราโทรหาแม่เอาเงินมาประมาณ 5 แสนบาทไทย เพื่อที่จะมาเข้าเอกชน และจ่ายเงินให้เค้าค่ารับส่งด้วยอาทิตย์ละประมาณ 75$ เพราะเอกชนที่นี่ไม่มี school bus -0- แม่จ้าวววววววว

ไว้มาต่อนะ กิกิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่