นี่คือกระทู้แรกของดิฉัน และมันก็เป็นการตั้งกระทู้ที่เกิดขึ้นมาจากความเจ็บของหัวใจ ตำแหน่งเมียหลวงนี้ ดิฉันได้รับมาเมื่อเดือนมกราคม 2557 เมื่อความลับของชายหญิงชั่วคู่หนึ่งได้รับการเปิดเผย
ดิฉันแต่งงานกับสามีมาแล้ว 5 ปี ถ้านับรวมเวลาที่คบหากันก็ 8 ปี พื้นฐานความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นมาจากความเป็นเพื่อน การแต่งงานเกิดจากความต้องการของเขาและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในขณะนั้นดิฉันยังไม่ค่อยพร้อม เพราะยังรักกับการใช้ชีวิตแบบสาวๆ แต่สุดท้ายดิฉันก็เลือกที่จะทิ้งความฝัน ทิ้งชีวิตแบบสาวๆ มาแต่งงานเป็นภรรยาของเขา ปี 2555 เขาได้งานทำที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งวิศวกร ดิฉันได้ย้ายตามมาอยู่กับเขาที่นี่ และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล แต่คนละบริษัทกับสามี ที่ผ่านมาชีวิตคู่ก็ถือว่าราบรื่นดี เขาเป็นสามีที่ดีมาก แทบไม่มีข้อเสียอะไรเลย นอกจากเรื่องที่ชอบดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ เพราะสายอาชีพของเขามักมีการสังสรรค์กันเป็นประจำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดิฉันพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เท่าที่ภรรยาคนหนึ่งจำทำเพื่อสามีได้ ให้ทั้งความรัก ความไว้ใจ และให้เกียรติ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา จนมาถึงเดือนธันวาคม 2556 ดิฉันเริ่มระแคะระคายเมื่อเห็น Facebook ของผู้หญิงคนหนึ่งมากระหน่ำกด like รูปคู่ของดิฉันกับสามี ซึ่งรูปเหล่านั้นอยู่ใน Facebook ของดิฉัน ทุกรูปที่มีการ Tag ชื่อเฟสของสามี นางก็กดทุกรูปเลย เข้าไปดูในเฟสของสามี โอ้..แม่เจ้า ทุกโพสต์ ทุกรูป ทุกสเตตัส มี Facebook ของนางเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งกดไลค์และคอมเม้น ดิฉันถามสามีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำสีหน้าและน้ำเสียงปกติ สามีบอกว่าเป็นสาวโรงงานที่แผนกที่เขาดูแลอยู่ ดิฉันก็โลกสวยจนเกินไป คิดว่าคงไม่มีอะไรมากกว่าคำว่าหัวหน้ากับลูกน้อง และแล้วปีเก่าผ่านไปปีใหม่ผ่านมา เข้าสู่ปี 2557 สามีเริ่มอ้างว่าช่วงนี้มีงานเยอะต้องทำโอที แล้วมีอยู่วันหนึ่ง เขากลับมาทานข้าวที่บ้าน ก่อนจะกลับไปทำโอทีต่อ (ตามที่อ้างไว้) แต่เขาลืมแฟ้มเอกสาร ดิฉันโทรเข้าเบอร์มือถือของเขา แต่เขาปิดเครื่อง ด้วยความเป็นห่วง ดิฉันก็เลยโทรเข้าเบอร์รุ่นพี่ที่ทำงานเขา ให้ช่วยบอกเขาให้หน่อย แล้วพี่คนนั้นก็บอกว่า มันสแกนนิ้วออกงานไปตั้งแต่ 5 โมงแล้วนะ เอาล่ะสิ ใจคอเริ่มไม่ค่อยดี สัญชาตญานแห่งการจับผิดได้เริ่มต้นขึ้น พี่คนนั้นดิฉันรู้จักเขาดีและมีการหยอกล้อเป็นประจำ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะสร้างเรื่องขึ้นมาโกหกดิฉัน ก่อนวางสายพี่เขาแซวว่า ช่วงนี้เราคึกคะนองอะไรฝากรอยดูดไว้ที่คอผัวมาทำงานทุกวันเลย วินาทีที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นความเป็นนางเอกของดิฉันแทบไม่มีเหลือเลย ดิฉันคิดว่าต้องเป็นนังนั่นแน่ๆเลย รีบเปิดดูโน้ตบุคของสามีที่ล๊อคอิน Facebook ทิ้งไว้ เข้าไปอ่านในกล่องข้อความที่สามีคุยกับมัน สัญชาตญานแห่งการเดาของดิฉันเป็นจริงทุกประการ ดิฉันเห็นประโยคหนึ่งแล้วอยากฆ่ามันให้ตายทั้งคู่ ผู้หญิงคนนั้นพิมพ์ประโยคว่า “เมื่อคืนเอาเพลินจนลืมเลยว่าพี่...ปล่อยนอกหรือใน” ประโยคที่ผู้ชายตอบกลับไป “นั่นน่ะสิจำไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวเย็นนี้แก้ตัวใหม่” จากนั้นน้ำตาของดิฉันก็ไหลพรั่งพรูอาบ 2 แก้ม ดิฉันโง่เป็นควาย มีเขามาสวมบนหัว ในขณะที่พวกมันพากันไปขึ้นวิมานสวรรค์ คืนนั้นพอสามีกลับมาบ้าน ดิฉันพยายามข่มใจให้เย็น ทำทุกอย่างเหมือนปกติ พอสามีหลับดิฉันแอบเปิดดูรอยดูดที่คอ (ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว สามีจะใส่เสื้อกันหนาวติดคอตลอด) ดิฉันเห็นรอยแดงทั้งเก่าและใหม่ ไม่อยากจะคิดว่าผู้ชายคนทรยศที่อยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกับคนที่เราคิดฝากชีวิตไว้กับเขา ดิฉันทนเก็บความอึดอัดนี้ไว้ในใจตลอด 1 สัปดาห์ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก สามีกับผู้หญิงคนนั้นยังคงไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม ดิฉันสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้ ได้ความมาว่า เข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ พ.ย. 56 ตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิต หรือพูดง่ายๆก็คือ สาวโรงงาน จบ ม.3 ปัจจุบัน อายุ 20 มีลูกแล้ว 1 คน และเคยมีประสบการณ์นอนกับผู้ชายมาแล้วนับไม่ถ้วน เพื่อนร่วมงานของสามีที่เป็นวิศวกรไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย มันสองคนแอบลักลอบเล่นชู้กันอย่างไม่อายใคร ดิฉันไม่คิดว่าสามีจะหลงเมียน้อยได้ขนาดนี้ น่ารังเกียจมากๆ ไม่ใช่รังเกียจที่การศึกษาหรือตำแหน่งงานนะคะ แต่รังเกียจที่นิสัย ยิ่งรู้ว่าเคยมีประวัติโดนตบเพราะไปแย่งสามีคนอื่น ดิฉันยิ่งรับไม่ได้ เมื่อความอดทนอดกลั้นมาถึงขีดสุด ดิฉันอึดอัดที่ต้องอยู่ในสถานะเมียหลวงที่ถูกยัดเยียดให้ เย็นวันหนึ่งสามีพาดิฉันไปกินข้าวนอกบ้าน สิ่งที่ดิฉันคิดไม่ถึงคือผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยของสามีกับเพื่อนนาง มานั่งอยู่โต๊ะข้างๆ นางทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสถานะความสัมพันธ์แบบ 3 คนผัวเมีย ดิฉันถอนหายใจเข้าหายใจออก เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ดิฉันลุกขึ้นไปลากแขนเมียน้อยเดินมาที่โต๊ะ พูดต่อหน้าสามีเลยว่า “ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม” สามีได้แต่แก้ตัวบอกว่าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ (กล้าพูดนะว่าไม่ได้ตั้งใจ ถ้าตั้งใจจะขนาดไหน) ส่วนเมียน้อยได้แต่ยิ้มระรื่น ถ้าดิฉันเป็นผู้หญิงระดับจิตใจเดียวกับมัน คงตบมันไปตั้งแต่เห็นหน้าแล้วค่ะ แต่เพราะดิฉันอยู่สูงกว่านางมาก ทั้งวุฒิภาวะ วุฒิการศึกษา หน้าที่การงาน และการยอมรับทางสังคม นางบอกว่า “พี่เขารักหนูบอกว่าอยู่กับหนูแล้วมีความสุข” ดิฉันตอบไปว่า “ก็คงมีความสุขอยู่หรอกนะความสุขจากการลักกินขโมยกิน” เหตุการณ์วันนั้นจบลงด้วยการที่เพื่อนนางลากนางออกไปจากร้าน แต่นางได้เริ่มประกาศสงครามกับดิฉันตั้งแต่คืนนั้น ระรานดิฉันทุกวิถีทางเพื่อให้ดิฉันเลิกกับสามี เพื่อที่นางจะได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ออกสังคมได้ ครั้งหนึ่งนางไปเป่าหูสามียังไงไม่รู้จนสามีมาโวยวายใส่ดิฉันหาว่าตามไประรานเมียน้อยเขา เขาถึงขั้นลงมือตบหน้าดิฉันอย่างไม่ยั้งมือและใช้เท้ากระทืบซ้ำตอนดิฉันล้มไปที่พื้น เขาเก็บเสื้อผ้าและย้ายไปอยู่กับเมียน้อย ดูสิคะ ผู้ชายที่มีต้นทุนทางสังคมสูง มีการศึกษาถึงในระดับมหาบัณฑิต แต่กลับใช้กำลังทำร้ายภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเขาตั้งแต่ตอนที่ยังมีแต่ตัวจนมีพร้อมทุกอย่าง เขาเห็นดีเห็นงามไปกับผู้หญิงใจบาปที่รู้จักกันแค่ 3 เดือน และเลือกที่จะทิ้งผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมา 8 ปี เพื่อที่จะไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ดิฉันไม่มีเหลือแม้แต่น้ำตาให้เขาอีกต่อไปแล้ว ความทรงจำดีๆที่ผ่านมาด้วยกันมันก็ไม่สามารถเอามาลบล้างความเลวที่เขาทำกับดิฉัน พอกันทีผู้ชายแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา 8 ปี ถามว่าดิฉันเสียดายไหม ตอบเลยค่ะว่าเสียความรู้สึกมากกว่าที่ไปเสียเวลากับคนแบบนั้น ตั้งแต่เขาออกไปจากชีวิต ดิฉันรู้สึกจากใจเลยว่ามีความสุขมาก ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง หันกลับมารักตัวเอง มีเงินเก็บมากขึ้น ใช้ชีวิตการเป็นหม้ายอย่างภาคภูมิใจ ดีกว่าการเป็นเมียหลวงที่โดนสวมเขาไปวันๆ ส่วนเขากับเมียน้อยได้ข่าวว่าชีวิตคู่ที่เกิดจากการทำผิดศีลธรรมเต็มไปด้วยความทุกข์ มีปัญหาทะเลาะกันประจำ ต่างฝ่ายต่างระแวงกันและกัน จากเป็นคนที่ไม่เคยมีหนี้สิน ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน อดีตสามีมียอดหนี้สูงถึงหลักแสน ร่างกายผอมโทรม วันๆเอาแต่ดื่มเหล้า ช่างน่าสมเพชเวทนาเหลือเกิน
สุดท้ายนี้ขอฝากถึงคุณผู้ชายที่มีภรรยาหรือมีแฟนทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ คุณควรรักและซื่อสัตย์ต่อคนรักของคุณให้มากๆ อย่าเอาชีวิต ความรู้สึก และหัวใจของใครมาล้อเล่น โชคดีแค่ไหนแล้วที่มีผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณ เธอทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ ผู้หญิงบางคนยอมทิ้งความฝัน ทิ้งสิ่งที่รักที่ชอบ เพื่อมาอยู่กับคุณและดูแลคุณ เวลาที่เธอตั้งใจทำอะไรเพื่อคุณอาจจะมีมากกว่าที่เธอได้ทำเพื่อพ่อแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ อย่าทำให้เธอต้องเสียใจจากการไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของคุณ หากคุณมีความรักและซื่อสัตย์กับเธอแล้ว สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมานั้นยิ่งใหญ่มาก นั่นคือ รักแท้ที่จะอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต ถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้คุณมีความสุขมากแค่ไหน แต่สิ่งที่รู้แน่นอนคือเธอจะไม่ทำให้คุณมีทุกข์เพิ่มขึ้นแน่นอน และขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงที่เจอเหตุการณ์โดนคนรักนอกใจทุกท่าน ขอให้คุณมีสติ อย่าจมอยู่กับความเสียใจและน้ำตานานเกินไป มองดูตัวเองในกระจกสิคะ ดูสภาพของตัวเอง แล้วถามคนในกระจกนั้นว่า วันนี้คุณรักตัวเองมากพอหรือยัง ถ้ายังก็ขอให้รักตัวเองมากๆ คุณค่าและความงามในจิตใจของคุณไม่คู่ควรที่จะไปจมปลักอยู่กับคนใจบาปแบบนั้น โลกนี้ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะ ถ้าคุณผ่านพ้นความเจ็บปวดนั้นมาได้ คุณก็จะค้นพบว่าคุณเป็นผู้หญิงที่รักตัวเองและโชคดีที่สุดอีกคนค่ะ สู้ๆนะคะ
ฉันไม่อยากเป็นเมียหลวง
ดิฉันแต่งงานกับสามีมาแล้ว 5 ปี ถ้านับรวมเวลาที่คบหากันก็ 8 ปี พื้นฐานความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นมาจากความเป็นเพื่อน การแต่งงานเกิดจากความต้องการของเขาและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในขณะนั้นดิฉันยังไม่ค่อยพร้อม เพราะยังรักกับการใช้ชีวิตแบบสาวๆ แต่สุดท้ายดิฉันก็เลือกที่จะทิ้งความฝัน ทิ้งชีวิตแบบสาวๆ มาแต่งงานเป็นภรรยาของเขา ปี 2555 เขาได้งานทำที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งวิศวกร ดิฉันได้ย้ายตามมาอยู่กับเขาที่นี่ และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล แต่คนละบริษัทกับสามี ที่ผ่านมาชีวิตคู่ก็ถือว่าราบรื่นดี เขาเป็นสามีที่ดีมาก แทบไม่มีข้อเสียอะไรเลย นอกจากเรื่องที่ชอบดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ เพราะสายอาชีพของเขามักมีการสังสรรค์กันเป็นประจำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดิฉันพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เท่าที่ภรรยาคนหนึ่งจำทำเพื่อสามีได้ ให้ทั้งความรัก ความไว้ใจ และให้เกียรติ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา จนมาถึงเดือนธันวาคม 2556 ดิฉันเริ่มระแคะระคายเมื่อเห็น Facebook ของผู้หญิงคนหนึ่งมากระหน่ำกด like รูปคู่ของดิฉันกับสามี ซึ่งรูปเหล่านั้นอยู่ใน Facebook ของดิฉัน ทุกรูปที่มีการ Tag ชื่อเฟสของสามี นางก็กดทุกรูปเลย เข้าไปดูในเฟสของสามี โอ้..แม่เจ้า ทุกโพสต์ ทุกรูป ทุกสเตตัส มี Facebook ของนางเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งกดไลค์และคอมเม้น ดิฉันถามสามีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำสีหน้าและน้ำเสียงปกติ สามีบอกว่าเป็นสาวโรงงานที่แผนกที่เขาดูแลอยู่ ดิฉันก็โลกสวยจนเกินไป คิดว่าคงไม่มีอะไรมากกว่าคำว่าหัวหน้ากับลูกน้อง และแล้วปีเก่าผ่านไปปีใหม่ผ่านมา เข้าสู่ปี 2557 สามีเริ่มอ้างว่าช่วงนี้มีงานเยอะต้องทำโอที แล้วมีอยู่วันหนึ่ง เขากลับมาทานข้าวที่บ้าน ก่อนจะกลับไปทำโอทีต่อ (ตามที่อ้างไว้) แต่เขาลืมแฟ้มเอกสาร ดิฉันโทรเข้าเบอร์มือถือของเขา แต่เขาปิดเครื่อง ด้วยความเป็นห่วง ดิฉันก็เลยโทรเข้าเบอร์รุ่นพี่ที่ทำงานเขา ให้ช่วยบอกเขาให้หน่อย แล้วพี่คนนั้นก็บอกว่า มันสแกนนิ้วออกงานไปตั้งแต่ 5 โมงแล้วนะ เอาล่ะสิ ใจคอเริ่มไม่ค่อยดี สัญชาตญานแห่งการจับผิดได้เริ่มต้นขึ้น พี่คนนั้นดิฉันรู้จักเขาดีและมีการหยอกล้อเป็นประจำ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะสร้างเรื่องขึ้นมาโกหกดิฉัน ก่อนวางสายพี่เขาแซวว่า ช่วงนี้เราคึกคะนองอะไรฝากรอยดูดไว้ที่คอผัวมาทำงานทุกวันเลย วินาทีที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นความเป็นนางเอกของดิฉันแทบไม่มีเหลือเลย ดิฉันคิดว่าต้องเป็นนังนั่นแน่ๆเลย รีบเปิดดูโน้ตบุคของสามีที่ล๊อคอิน Facebook ทิ้งไว้ เข้าไปอ่านในกล่องข้อความที่สามีคุยกับมัน สัญชาตญานแห่งการเดาของดิฉันเป็นจริงทุกประการ ดิฉันเห็นประโยคหนึ่งแล้วอยากฆ่ามันให้ตายทั้งคู่ ผู้หญิงคนนั้นพิมพ์ประโยคว่า “เมื่อคืนเอาเพลินจนลืมเลยว่าพี่...ปล่อยนอกหรือใน” ประโยคที่ผู้ชายตอบกลับไป “นั่นน่ะสิจำไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวเย็นนี้แก้ตัวใหม่” จากนั้นน้ำตาของดิฉันก็ไหลพรั่งพรูอาบ 2 แก้ม ดิฉันโง่เป็นควาย มีเขามาสวมบนหัว ในขณะที่พวกมันพากันไปขึ้นวิมานสวรรค์ คืนนั้นพอสามีกลับมาบ้าน ดิฉันพยายามข่มใจให้เย็น ทำทุกอย่างเหมือนปกติ พอสามีหลับดิฉันแอบเปิดดูรอยดูดที่คอ (ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว สามีจะใส่เสื้อกันหนาวติดคอตลอด) ดิฉันเห็นรอยแดงทั้งเก่าและใหม่ ไม่อยากจะคิดว่าผู้ชายคนทรยศที่อยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกับคนที่เราคิดฝากชีวิตไว้กับเขา ดิฉันทนเก็บความอึดอัดนี้ไว้ในใจตลอด 1 สัปดาห์ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมาก สามีกับผู้หญิงคนนั้นยังคงไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม ดิฉันสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้ ได้ความมาว่า เข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ พ.ย. 56 ตำแหน่งพนักงานฝ่ายผลิต หรือพูดง่ายๆก็คือ สาวโรงงาน จบ ม.3 ปัจจุบัน อายุ 20 มีลูกแล้ว 1 คน และเคยมีประสบการณ์นอนกับผู้ชายมาแล้วนับไม่ถ้วน เพื่อนร่วมงานของสามีที่เป็นวิศวกรไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย มันสองคนแอบลักลอบเล่นชู้กันอย่างไม่อายใคร ดิฉันไม่คิดว่าสามีจะหลงเมียน้อยได้ขนาดนี้ น่ารังเกียจมากๆ ไม่ใช่รังเกียจที่การศึกษาหรือตำแหน่งงานนะคะ แต่รังเกียจที่นิสัย ยิ่งรู้ว่าเคยมีประวัติโดนตบเพราะไปแย่งสามีคนอื่น ดิฉันยิ่งรับไม่ได้ เมื่อความอดทนอดกลั้นมาถึงขีดสุด ดิฉันอึดอัดที่ต้องอยู่ในสถานะเมียหลวงที่ถูกยัดเยียดให้ เย็นวันหนึ่งสามีพาดิฉันไปกินข้าวนอกบ้าน สิ่งที่ดิฉันคิดไม่ถึงคือผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยของสามีกับเพื่อนนาง มานั่งอยู่โต๊ะข้างๆ นางทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสถานะความสัมพันธ์แบบ 3 คนผัวเมีย ดิฉันถอนหายใจเข้าหายใจออก เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ดิฉันลุกขึ้นไปลากแขนเมียน้อยเดินมาที่โต๊ะ พูดต่อหน้าสามีเลยว่า “ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม” สามีได้แต่แก้ตัวบอกว่าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ (กล้าพูดนะว่าไม่ได้ตั้งใจ ถ้าตั้งใจจะขนาดไหน) ส่วนเมียน้อยได้แต่ยิ้มระรื่น ถ้าดิฉันเป็นผู้หญิงระดับจิตใจเดียวกับมัน คงตบมันไปตั้งแต่เห็นหน้าแล้วค่ะ แต่เพราะดิฉันอยู่สูงกว่านางมาก ทั้งวุฒิภาวะ วุฒิการศึกษา หน้าที่การงาน และการยอมรับทางสังคม นางบอกว่า “พี่เขารักหนูบอกว่าอยู่กับหนูแล้วมีความสุข” ดิฉันตอบไปว่า “ก็คงมีความสุขอยู่หรอกนะความสุขจากการลักกินขโมยกิน” เหตุการณ์วันนั้นจบลงด้วยการที่เพื่อนนางลากนางออกไปจากร้าน แต่นางได้เริ่มประกาศสงครามกับดิฉันตั้งแต่คืนนั้น ระรานดิฉันทุกวิถีทางเพื่อให้ดิฉันเลิกกับสามี เพื่อที่นางจะได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ออกสังคมได้ ครั้งหนึ่งนางไปเป่าหูสามียังไงไม่รู้จนสามีมาโวยวายใส่ดิฉันหาว่าตามไประรานเมียน้อยเขา เขาถึงขั้นลงมือตบหน้าดิฉันอย่างไม่ยั้งมือและใช้เท้ากระทืบซ้ำตอนดิฉันล้มไปที่พื้น เขาเก็บเสื้อผ้าและย้ายไปอยู่กับเมียน้อย ดูสิคะ ผู้ชายที่มีต้นทุนทางสังคมสูง มีการศึกษาถึงในระดับมหาบัณฑิต แต่กลับใช้กำลังทำร้ายภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเขาตั้งแต่ตอนที่ยังมีแต่ตัวจนมีพร้อมทุกอย่าง เขาเห็นดีเห็นงามไปกับผู้หญิงใจบาปที่รู้จักกันแค่ 3 เดือน และเลือกที่จะทิ้งผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันมา 8 ปี เพื่อที่จะไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ดิฉันไม่มีเหลือแม้แต่น้ำตาให้เขาอีกต่อไปแล้ว ความทรงจำดีๆที่ผ่านมาด้วยกันมันก็ไม่สามารถเอามาลบล้างความเลวที่เขาทำกับดิฉัน พอกันทีผู้ชายแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา 8 ปี ถามว่าดิฉันเสียดายไหม ตอบเลยค่ะว่าเสียความรู้สึกมากกว่าที่ไปเสียเวลากับคนแบบนั้น ตั้งแต่เขาออกไปจากชีวิต ดิฉันรู้สึกจากใจเลยว่ามีความสุขมาก ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง หันกลับมารักตัวเอง มีเงินเก็บมากขึ้น ใช้ชีวิตการเป็นหม้ายอย่างภาคภูมิใจ ดีกว่าการเป็นเมียหลวงที่โดนสวมเขาไปวันๆ ส่วนเขากับเมียน้อยได้ข่าวว่าชีวิตคู่ที่เกิดจากการทำผิดศีลธรรมเต็มไปด้วยความทุกข์ มีปัญหาทะเลาะกันประจำ ต่างฝ่ายต่างระแวงกันและกัน จากเป็นคนที่ไม่เคยมีหนี้สิน ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน อดีตสามีมียอดหนี้สูงถึงหลักแสน ร่างกายผอมโทรม วันๆเอาแต่ดื่มเหล้า ช่างน่าสมเพชเวทนาเหลือเกิน
สุดท้ายนี้ขอฝากถึงคุณผู้ชายที่มีภรรยาหรือมีแฟนทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ คุณควรรักและซื่อสัตย์ต่อคนรักของคุณให้มากๆ อย่าเอาชีวิต ความรู้สึก และหัวใจของใครมาล้อเล่น โชคดีแค่ไหนแล้วที่มีผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณ เธอทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ ผู้หญิงบางคนยอมทิ้งความฝัน ทิ้งสิ่งที่รักที่ชอบ เพื่อมาอยู่กับคุณและดูแลคุณ เวลาที่เธอตั้งใจทำอะไรเพื่อคุณอาจจะมีมากกว่าที่เธอได้ทำเพื่อพ่อแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ อย่าทำให้เธอต้องเสียใจจากการไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของคุณ หากคุณมีความรักและซื่อสัตย์กับเธอแล้ว สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมานั้นยิ่งใหญ่มาก นั่นคือ รักแท้ที่จะอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต ถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้คุณมีความสุขมากแค่ไหน แต่สิ่งที่รู้แน่นอนคือเธอจะไม่ทำให้คุณมีทุกข์เพิ่มขึ้นแน่นอน และขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงที่เจอเหตุการณ์โดนคนรักนอกใจทุกท่าน ขอให้คุณมีสติ อย่าจมอยู่กับความเสียใจและน้ำตานานเกินไป มองดูตัวเองในกระจกสิคะ ดูสภาพของตัวเอง แล้วถามคนในกระจกนั้นว่า วันนี้คุณรักตัวเองมากพอหรือยัง ถ้ายังก็ขอให้รักตัวเองมากๆ คุณค่าและความงามในจิตใจของคุณไม่คู่ควรที่จะไปจมปลักอยู่กับคนใจบาปแบบนั้น โลกนี้ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะ ถ้าคุณผ่านพ้นความเจ็บปวดนั้นมาได้ คุณก็จะค้นพบว่าคุณเป็นผู้หญิงที่รักตัวเองและโชคดีที่สุดอีกคนค่ะ สู้ๆนะคะ