San Cisco ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน
คือ Jordi Davieson (กีตาร์, ร้องนำ), Josh Biondillo (กีตาร์, ร้อง)
Nick Garner (เบส) และ Scarlett Stevens (กลอง, ร้อง)
โดยทุกคนยกเว้น Stevens ต้องรับหน้าที่ในการเล่นคีย์บอร์ดด้วย
------------------------------------------------------------------------
Beach
เปิดตัวด้วยป๊อปใสๆ เหมือนเดินเล่นริมชายหาดยามเย็น แดดอ่อนๆ พระอาทิตย์กำลังลับจากขอบฟ้า
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสีฟ้าอ่อนกลายเป็นสีส้มจางๆ เสียงคีย์บอร์ดลอยไปมาเต็มเพลงคล้ายสายลมจากท้องทะเล
ขณะเดียวกันคุณก็จะเพลิดเพลินไปกับเสียงซินธ์ที่ลอยเต็มทั้งเพลงเช่นกัน
Fred Astaire
เปิดเพลงด้วยจังหวะกลองอันเร้าใจ อารมณ์เหมือนย้อนยุคไปยังเมื่อ 20-30 ปีก่อน
ท่อนกีตาร์โซโล่ติดหูชะงัดนักครับ ไม่ว่าใครได้ฟังก็ติดใจ
ในเพลงนี้พวกเขาจะเปลี่ยนจังหวะไปมาระหว่างจังหวะปานกลางกับจังหวะเร็ว
ช่วยให้ตัวทำนองเพลงมีลูกเล่นมากขึ้น ที่ต้องชมคือการใส่เครื่องเป่าลงไป สีสันจัดจ้านมากครับ
Awkward
นี่คือเพลงแรกของพวกเขาที่ผมได้ยินครับ เพลงน่ารักมากๆ
โดยเฉพาะตัวเอ็มวีเองที่ยิ่งน่ารักกว่าตัวเพลงหลายเท่านัก
ซาวนด์กีตาร์โซโล่ยังคงโดดเด่นเหมือนเพลงก่อนหน้า
แต่ที่โดดเด่นและติดหูยิ่งกว่าคือท่อนร้อง ด๊า ดา ด๊า ดา ดา ดา...
เชื่อไหมครับ ผมฟังเพียงครั้งแรกท่อนนี้ก็ติดหูผมไปอีกหลายวันทีเดียว
Hunter
เพลงเร็วมา 3 เพลงรวด ก็ถึงเวลาของเพลงจังหวะช้าๆ กันบ้าง
โดยที่พวกเขายังไม่ทิ้งลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะกลอง คีย์บอร์ด และเสียงซินธ์
แต่ที่เปลี่ยนไปอย่างมากคือซาวนด์กีตาร์ ที่ทั้ง 3 เพลงก่อนหน้าจะออกแนวโจ๊ะๆ ติดหู
แต่ในเพลงนี้พวกเขาเลือกใช้ซาวนด์หวานๆ เพื่อให้เข้ากับอารมณ์เพลง
Wild Things
ซิงเกิลแรกของอัลบั้ม และเป็นซิงเกิลเปิดตัวพวกเขาเช่นกัน เป็นเพลงที่มีอารมณ์แปลกมากเพลงหนึ่ง
นอกจากการสลับจังหวะช้า-เร็วไปมา พวกเขายังเลือกที่จะใช้เสียงเบสแบบอารมณ์หม่นหมองนิดๆ
ซาวนด์เบสทุ้มจนลำโพงหูฟังแทบจะแตก แต่นั่นทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับเสียงซินธ์ที่ออกแนวหวานใส
คุณจะได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งตลอดทั้งเพลงเลยละครับ น่ารักดี
No Friends
กลับมาเป็นเพลงจังหวะเร็ว (มาก) อีกครั้ง มันสะใจดีครับ นี่ถ้าไม่มีเสียงซินธ์และคีย์บอร์ด
คงนึกว่าเป็นเพลงร็อกขนานแท้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะกลองมาตรฐานแต่หนักแน่น
ซาวนด์เบสที่ช่วยเสริมจังหวะอันหนักแน่นของกลองได้อย่างดี
และที่ขาดไม่ได้เลยคือซาวนด์กีตาร์อันเกรี้ยวกราด (นิดๆ) ชอบครับ
Lyall
เอ๊ะ! นี่ผมตาฝาดไปหรือเปล่า ทุกสิ่งรอบกายเหมือนย้อนยุค ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแต่งกายแฟชั่น (ยุค 80s)
ลองปิดเพลง อ้าว! ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จะไม่ให้ผมคิดอย่างนั้นได้อย่างไรครับ
เมื่อพวกเขาเล่นเปลี่ยนแนวเพลงกลายเป็นป๊อปที่มีกลิ่นอายของยุค 70s-80s
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาวนด์คีย์บอร์ดที่ไม่ใช่แค่มีกลิ่นอาย แต่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากยุคก่อนเลยทีเดียว
เสียอย่างเดียวคือเพลงสั้นไปหน่อย
Metaphors
โอ้ย...ย! ซาวนด์กีตาร์จะหวานใสไปไหน แถมยังเข้ากับจังหวะกลองได้เป็นอย่างดี
วู้ วู วู้ วู... โอ๊ะ โอะ โอ๊ะ โอะ โอ... ยังมีท่อนเปล่งเสียงที่ติดหูเหมือนเคย
จะว่าไปทุกเพลงของพวกเขาที่มีท่อนเปล่งเสียงแบบนี้
พวกเขาสามารถออกแบบการร้องได้อย่างดี ติดหูและแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ทีเด็ดจริงๆ
Mission Failed มิสชั่น (ในเพลง) อาจเฟล แต่รับรองว่าเพลงนี้ไม่เฟลอย่างแน่นอน
แม้ว่าซาวนด์จะแตกต่างจากเพลงอื่น
ที่ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือความหวานใสของเสียงกรุ๊งกริ๊งที่มาจากซินธ์
แทรกลูกเล่นปนไปกับความหวานนั้นด้วยจังหวะกลองและซาวนด์ที่ทุ้มมากๆ
แปลก (กว่าเพลงอื่น) แต่ดี
Stella
ย้อนกลับไปยังอดีต (อีกแล้ว) ดูท่าทางพวกเขาคงได้รับอิทธิพลจากศิลปินยุค 70s-80s มาพอสมควร
บางเพลงแม้จะฟังแล้วไม่เหมือนนั่งไทม์แมชีน
แต่ถ้าลองฟังดีๆ จะพบว่าซาวนด์บางอย่างมีกลิ่นอายของเพลงยุคก่อนจางๆ
ขณะที่บางเพลงพวกเขาเลือกที่จะหยิบมาใช้แบบเต็มๆ อย่างเพลงนี้เป็นต้น
----------------------------------------------------------------------------
จบละครับ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ
มีอะไรผิดพลาดก็ติชมกันได้นะครับ
[CR] SAN CISCO : ป๊อป น่ารักๆ ฟังง่าย เพลิดเพลิน (4/5)
คือ Jordi Davieson (กีตาร์, ร้องนำ), Josh Biondillo (กีตาร์, ร้อง)
Nick Garner (เบส) และ Scarlett Stevens (กลอง, ร้อง)
โดยทุกคนยกเว้น Stevens ต้องรับหน้าที่ในการเล่นคีย์บอร์ดด้วย
------------------------------------------------------------------------
Beach
เปิดตัวด้วยป๊อปใสๆ เหมือนเดินเล่นริมชายหาดยามเย็น แดดอ่อนๆ พระอาทิตย์กำลังลับจากขอบฟ้า
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากสีฟ้าอ่อนกลายเป็นสีส้มจางๆ เสียงคีย์บอร์ดลอยไปมาเต็มเพลงคล้ายสายลมจากท้องทะเล
ขณะเดียวกันคุณก็จะเพลิดเพลินไปกับเสียงซินธ์ที่ลอยเต็มทั้งเพลงเช่นกัน
Fred Astaire
เปิดเพลงด้วยจังหวะกลองอันเร้าใจ อารมณ์เหมือนย้อนยุคไปยังเมื่อ 20-30 ปีก่อน
ท่อนกีตาร์โซโล่ติดหูชะงัดนักครับ ไม่ว่าใครได้ฟังก็ติดใจ
ในเพลงนี้พวกเขาจะเปลี่ยนจังหวะไปมาระหว่างจังหวะปานกลางกับจังหวะเร็ว
ช่วยให้ตัวทำนองเพลงมีลูกเล่นมากขึ้น ที่ต้องชมคือการใส่เครื่องเป่าลงไป สีสันจัดจ้านมากครับ
Awkward
นี่คือเพลงแรกของพวกเขาที่ผมได้ยินครับ เพลงน่ารักมากๆ
โดยเฉพาะตัวเอ็มวีเองที่ยิ่งน่ารักกว่าตัวเพลงหลายเท่านัก
ซาวนด์กีตาร์โซโล่ยังคงโดดเด่นเหมือนเพลงก่อนหน้า
แต่ที่โดดเด่นและติดหูยิ่งกว่าคือท่อนร้อง ด๊า ดา ด๊า ดา ดา ดา...
เชื่อไหมครับ ผมฟังเพียงครั้งแรกท่อนนี้ก็ติดหูผมไปอีกหลายวันทีเดียว
Hunter
เพลงเร็วมา 3 เพลงรวด ก็ถึงเวลาของเพลงจังหวะช้าๆ กันบ้าง
โดยที่พวกเขายังไม่ทิ้งลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะกลอง คีย์บอร์ด และเสียงซินธ์
แต่ที่เปลี่ยนไปอย่างมากคือซาวนด์กีตาร์ ที่ทั้ง 3 เพลงก่อนหน้าจะออกแนวโจ๊ะๆ ติดหู
แต่ในเพลงนี้พวกเขาเลือกใช้ซาวนด์หวานๆ เพื่อให้เข้ากับอารมณ์เพลง
Wild Things
ซิงเกิลแรกของอัลบั้ม และเป็นซิงเกิลเปิดตัวพวกเขาเช่นกัน เป็นเพลงที่มีอารมณ์แปลกมากเพลงหนึ่ง
นอกจากการสลับจังหวะช้า-เร็วไปมา พวกเขายังเลือกที่จะใช้เสียงเบสแบบอารมณ์หม่นหมองนิดๆ
ซาวนด์เบสทุ้มจนลำโพงหูฟังแทบจะแตก แต่นั่นทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับเสียงซินธ์ที่ออกแนวหวานใส
คุณจะได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งตลอดทั้งเพลงเลยละครับ น่ารักดี
No Friends
กลับมาเป็นเพลงจังหวะเร็ว (มาก) อีกครั้ง มันสะใจดีครับ นี่ถ้าไม่มีเสียงซินธ์และคีย์บอร์ด
คงนึกว่าเป็นเพลงร็อกขนานแท้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะกลองมาตรฐานแต่หนักแน่น
ซาวนด์เบสที่ช่วยเสริมจังหวะอันหนักแน่นของกลองได้อย่างดี
และที่ขาดไม่ได้เลยคือซาวนด์กีตาร์อันเกรี้ยวกราด (นิดๆ) ชอบครับ
Lyall
เอ๊ะ! นี่ผมตาฝาดไปหรือเปล่า ทุกสิ่งรอบกายเหมือนย้อนยุค ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแต่งกายแฟชั่น (ยุค 80s)
ลองปิดเพลง อ้าว! ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จะไม่ให้ผมคิดอย่างนั้นได้อย่างไรครับ
เมื่อพวกเขาเล่นเปลี่ยนแนวเพลงกลายเป็นป๊อปที่มีกลิ่นอายของยุค 70s-80s
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาวนด์คีย์บอร์ดที่ไม่ใช่แค่มีกลิ่นอาย แต่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากยุคก่อนเลยทีเดียว
เสียอย่างเดียวคือเพลงสั้นไปหน่อย
Metaphors
โอ้ย...ย! ซาวนด์กีตาร์จะหวานใสไปไหน แถมยังเข้ากับจังหวะกลองได้เป็นอย่างดี
วู้ วู วู้ วู... โอ๊ะ โอะ โอ๊ะ โอะ โอ... ยังมีท่อนเปล่งเสียงที่ติดหูเหมือนเคย
จะว่าไปทุกเพลงของพวกเขาที่มีท่อนเปล่งเสียงแบบนี้
พวกเขาสามารถออกแบบการร้องได้อย่างดี ติดหูและแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ทีเด็ดจริงๆ
Mission Failed มิสชั่น (ในเพลง) อาจเฟล แต่รับรองว่าเพลงนี้ไม่เฟลอย่างแน่นอน
แม้ว่าซาวนด์จะแตกต่างจากเพลงอื่น
ที่ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมคือความหวานใสของเสียงกรุ๊งกริ๊งที่มาจากซินธ์
แทรกลูกเล่นปนไปกับความหวานนั้นด้วยจังหวะกลองและซาวนด์ที่ทุ้มมากๆ
แปลก (กว่าเพลงอื่น) แต่ดี
Stella
ย้อนกลับไปยังอดีต (อีกแล้ว) ดูท่าทางพวกเขาคงได้รับอิทธิพลจากศิลปินยุค 70s-80s มาพอสมควร
บางเพลงแม้จะฟังแล้วไม่เหมือนนั่งไทม์แมชีน
แต่ถ้าลองฟังดีๆ จะพบว่าซาวนด์บางอย่างมีกลิ่นอายของเพลงยุคก่อนจางๆ
ขณะที่บางเพลงพวกเขาเลือกที่จะหยิบมาใช้แบบเต็มๆ อย่างเพลงนี้เป็นต้น
----------------------------------------------------------------------------
จบละครับ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ
มีอะไรผิดพลาดก็ติชมกันได้นะครับ