วันนี้นัดกับเพื่อนอีก 3 คน รวมเป็น 4 คน ไปสักการะเทพเจ้าที่วัดแขกมาค่ะ เลยได้โอกาสชิมอาหารภารตะอีกครั้ง คราวนี้ไปร้าน "ครัวเชนไน" ที่ย้ายจากหลังวัดแขก เข้าไปในซอยถนนปั้นอีกราวๆ 100 เมตร เห็นจะได้ ร้านอยู่ทางซ้ายมือติดกับร้านทัวร์พม่า
ออกจากวัดแขกก็ไปนั่งชิลอยู่ร้านกาแฟ Bistro 95 ลืมถ่ายรูปมามัวแต่เม้า ร้านกาแฟอยู่ในซอยถนนปั้นข้างๆวัดแขก เดินเข้ามาราวๆ 5 เมตรเอง ฝรั่งชอบนั่ง เป็นกาแฟดีราคาไม่แรง (เมื่อเทียบกับกาแฟตรานางเงือก) Caramel macchiato แก้วละ 70 บาท แต่รสชาติดี ไม่หวานมาก กลิ่นคาราเมลหอม เสริมให้รสชาติกาแฟนุ่มลิ้น เค้กช็อคโกแลตที่เล็มของเพื่อนก็อร่อย ... ร้านนี้มีอาหารไทยสไตล์ฝรั่งขาย จำพวกผัดไท แนวๆที่ฝรั่งชอบกินน่ะค่ะ
พอออกจากร้านกาแฟ ก็เดินไปอีกราวๆ 100 เมตร (จริงๆก็ไม่ถึงหรอกค่ะ) ก็จะเจอร้านอาหารภารตะเล็กๆชื่อร้าน "ครัวเชนไน" ร้านเล็กๆ ไม่ตกแต่งอะไรมาก บรรยากาศเหมือนไปนั่งกินข้าวบ้านเพื่อน โต๊ะมีอยู่ 4 โต๊ะ ขนาด 4 ที่นั่งสองโต๊ะ และ 6 ที่นั่งสองโต๊ะ ร้านนี้เป็นอาหารมังสวิรัติ ไม่มีเมนูแบบเล่มให้อ่าน แต่มีเมนูติดข้างฝาแบบมีภาพให้ดูแทน อาหารเป็นสไตล์อินเดียใต้ เราสั่ง Iddly set ไปแล้ว แต่เพื่อนๆยังเลือกกันไม่ได้ คุณป้ากะคุณลุงเจ้าของร้านชาวอินเดียน่ารักมาก เห็นพวกเรา งง งง ว่าจะสั่งอะไรดีแกก็ถามด้วยภาษาอังกฤษ แต่พวกเราไม่ได้ฟังมัวแต่อ่านเมนูกันอยู่ แกเลยถามซ้ำด้วยภาษาไทยที่ไม่แข็งแรง ว่าเคยกินกันมั้ย (ซึ่งตอนหลังออกจากร้านเรากะเพื่อนลงความเห็นกันว่า คุณป้ากะคุณลุงพูดภาษาไทยฟังยากกว่าภาษาอังกฤษอีก
) รุ่นพี่อีกคนบอกมาครั้งแรก คุณป้าเลยจัดให้ มี Thali set ซึ่งเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงแต่แรก เพราะปริมาณ แต่คุณป้านำเสนอก็จัดมา จริงๆคือฟังแกไม่รู้เรื่อง ต่อมาเป็นสิ่งที่จำชื่อไม่ได้ แต่ขอเรียกว่า Iddly ในน้ำเกรวี่ล่ะกัน และสุดท้าย คือ Roti set คุณป้าบอกเอาสี่อย่างแล้วให้พวกเราจอยกัน เรากับเพื่อนอีกสองคน (ยกเว้นรุ่นพี่) มีประสบการณ์จุกอาหารภารตะกันมาแล้ว รีบถามคุณป้าเลยว่าเยอะมั้ย คุณป้าบอกไม่เยอะๆ พวกเราเลยตกลงตามคุณป้าว่า
คุณป้าหายเข้าครัวไป ส่วนคุณลุงแขกก็รับไทยอยู่หน้าร้าน บอกให้พวกเราไปล้างมือได้ ก็ไปล้างตามคุณลุงว่า ถึงจะไม่ได้ใช้มือกินแต่ก็เหนียวๆกันอยู่แล้วเลยไปล้าง ก็ได้เห็นในครัวของร้านด้วย สะอาดสะอ้านทีเดียว
อย่างแรกที่ลงโต๊ะคือ Iddy set ซึ่ง Iddly คือ แป้งกลมหน้าตาคล้ายขนมตาลแต่เป็นสีขาว ลักษณะของแป้งแบบเดียวกันเลย กินเข้าไปก็แป้งขนมตาลชัดๆ ต่างกันตรงรสชาติที่ Iddly จะมีรสเปรี้ยว มาพร้อมกับแกงมะรุมอินเดีย หน้าตาคล้ายแกงส้มมะรุม แต่รสชาติต่างกันมาก คือ แกงมะรุมอันนี้จะไม่มีรสเปรี้ยว แน่นอนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลองกิน Iddly คุณลุงที่เห็นพวกเราตัดจิ้มอันนั้นที อันนี้ทีคงทนไม่ไหว เดินมาสอนกิน คุณลุงเอาช้อนคนซอสถั่วสีส้มกลางถาด จากนั้นเอามาทาบางๆบน Iddly จากนั้นก็ตักซอสมะพร้าวเขียวมาโป๊ะ หั่น Iddly พอดีคำแล้วจิ้มลงไปในน้ำแกงมะรุม ... อ๋อ กินแบบนี้นี่เอง
ต่อมาเป็น Thali set ที่ไม่อยากสั่งเพราะมันมีข้าวมาด้วย (คุณผู้หญิงชาวอินเดียที่นั่งรับประทานอยู่ก่อนพวกเราเข้าไปก็สั่ง ซึ่งพอเห็นก็พอรู้ล่ะว่าเยอะอยู่) ในถาดก็มี (วนตามเข็มนาฬิกามานะ) Parata หรือที่เราเรียกเล่นๆว่าฟริงเกิ้ลแขก จำนวน 1 แผ่น Chapati จำนวน 2 แผ่น ข้าว 1 ถาดเล็ก แกงมะรุม ซุปมะเขือเทศใส ผักอะไรซักอย่างใส่กะทิ ผัดมะเขือยาว ผัดหัวปลี ซอสอะไรซักอย่าง (อันสีแดงที่วางบนใบตอง ไม่มีถ้วยใส่มา) ขนมหวาน และสุดท้ายโยเกิร์ต ... ขอข้ามแกงมะรุม เพราะ มันคือรสชาติเดียวกับที่มาพร้อม Iddly ซุปมะเขือเทศรสชาติออกเปรี้ยวอร่อยดี ผักใส่กะทิก็รสชาติเค็มเผ็ดมัน เผ็ดในที่นี้คือ เผ็ดเครื่องเทศที่ไม่รุนแรงหรือไม่เผ็ดเลยสำหรับเรา และมันจากกะทิ ผัดมะเขือยาวเป็นผัดผักเครื่องเทศ รสชาติไม่รุนแรงอร่อยดี ชอบถ้วยนี้เหมือนกันเพราะมันหอมเครื่องเทศ แต่ที่ชอบที่สุดในถาดคือ ผัดหัวปลี เค้าเอาหัวปลีมาสับผัดกับเครื่องเทศ ด้วยความชอบหัวปลีอยู่แล้วบวกกับรสของเครื่องเทศ เป็นรสอ่อนๆที่หอมกลมกล่อม ส่วนซอสบนใบตอง ไม่ถูกลิ้นเลย เปรี้ยวแหลม เค็มโดดมาเลย ไม่รู้เค้าเอาไว้ทำอะไร กินเข้าไปแสบคอมาก ส่วนขนมหวานเป็นแป้งเหลืองกินเข้าไปหอมกระวาน แต่เพื่อนบอกว่ากลิ่มนมรุนแรงไปหน่อย ไม่หวานมากกำลังอร่อย แก้เผ็ดได้ดี ส่วนโยเกิร์ตก็คือ โยเกิร์ต คุณลุงกับคุณป้าบอกจานนี้เอากับมาเทมิกซ์กับข้าวแล้วก็ค่อยกิน เผ็ดก็ให้กินโยเกิร์ตแก้
ต่อมาคือ Iddly ในน้ำเกรวี่ จำชื่อแบบอินเดียไม่ได้ ตั้งให้ใหม่เลยล่ะกัน
ถาดนี้มาเป็นก้อนเลย ตอนแรกดีใจนึกว่าเป็นเนื้อสัตว์ แต่เปล่า มันคือ Iddly ทอด (ข้างยัดเครื่องเทศ) แล้วราดมาในน้ำเกรวี่ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมะพร้าวเขียว จานนี้คุณลุงกับคุณป้าก็มาสอนกินอีกเช่นเคย เวลากินก็ให้ตัดๆๆๆให้น้ำเกรวี่ซึมเข้าไปในเนื้อ Iddly จากนั้นก็ตักซอสโป๊ะแล้วกิน เมนูนี้เผ็ดเลยล่ะ รุ่นพี่กับเพื่อนอีกคนกินคำแรกก็ขอผ่านเลย เรากับอีกคนกินได้หลายคำ และเราเป็นผู้เก็บกวาดจานนี้ค่ะ เผ็ดแต่ชอบนะ เครื่องเทศแรงดี แต่ต้องไม่โป๊ะซอสจะดีกว่า เพราะตัวน้ำเกรวี่กับ Iddly ก็เผ็ดอยู่แล้ว โป๊ะซอสไปอีกต้องบอกว่าเผ็ดมากๆๆๆๆๆ เมนูนี้เด่นตรงพริกไทยในเนื้อ Iddly และยังมีในน้ำเกรวี่ด้วย
สุดท้ายเป็น Roti set ก็ตามนั้นเลยมีโรตี มาคู่กับแกงCurryผักและซอสมะพร้าวเขียว จานนี้เราขอผ่านไม่ชอบน้ำมันใน Roti คือพวกแผ่นแป้งแบบอินเดียถ้ามีน้ำมันกินไม่ได้เลย มันเลี่ยนๆน่ะค่ะ แกงCurryชิมไปคำนึง ลิ้นชามาจาก Iddly ราดน้ำเกรวี่แล้ว บอกตามตรงแยกแยะรสชาติไม่ได้แล้ว แต่จานนี้รุ่นพี่ที่ไม่ไหวกับเครื่องเทศพอกินได้ จานนี้คุณลุงกับคุณป้าไม่ได้มาสอนกิน เพราะ ไม่ซับซ้อน ฉีกโรตีจิ้มแกง จบ!
กินจบเหลือเกือบทุกจาน (แต่ก็เหลือไม่มาก) ด้วยความที่ไปกินเค้กกับกาแฟมาก่อนด้วย ปริมาณด้วย และรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันไม่ค่อยไหวกับเครื่องเทศด้วยเลยทำให้เหลือ หมดแค่ Iddly ในน้ำเกรวี่ที่เราเก็บจนหมด สนนราคา 4 ถาด 420 บาท ก็ตกคนละร้อยกว่าบาท อ้อ! มีน้ำมา 1 ขวด จริงๆค่าอาหารคง 410 บาทค่ะ อัธยาศัยคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านก็ใจดีน่ารักมาก ถ้าไม่ติดว่าเป็นมังสวิรัตคงชอบกว่านี้ จริงๆรสชาติอาหารดีเลยล่ะ แต่สัตว์กินเนื้อแก๊งนี้ไม่ปลื้มผักกันซักเท่าไหร่ แต่เราชอบแกงมะรุมนะ เปื่อยเชียวไม่ต้องคายเปลือก แล้วก็ผัดหัวปลีกับผัดมะเขือยาว
ปล.1 รุ่นพี่ถามคุณป้าว่าซอสมะพร้าวเขียวทำมาจากอะไร เลยเอามาเรียกเองแบบเข้าใจง่ายๆว่า "ซอสมะพร้าวเขียว" เพราะ ทำมาจากมะพร้าว พริกเขียว เกลือ แล้วปั่น
ปล.2 คุณป้านึกว่าเพื่อนคนนึงเป็นคนอินเดีย ตอนจะจ่ายตังค์คุณป้าทักว่า อ้าว!นี่คนไทยหรอ??? คือว่า ถึงเพื่อนหนูจะดำแต่ดั้งก็แมบ เป็นอินเดียไม่ได้หรอกฮ่ะขุ่นป้า
ปล.3 ทราบมาว่า Iddly ความจริงเป็นอาหารเช้ายอดนิยมของอินเดียใต้ (แต่พวกเรากินกันตอนบ่าย) ส่วน Iddly ในน้ำเกรวี่เผ็ดและเครื่องเทศแรงเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบหรือไม่คุ้นกับเครื่องเทศค่ะ
[CR] อาหารภารตะ เซ้าเทิร์นสไตล์ ... "ครัวเชนไน" ซอยข้างๆวัดแขก
ออกจากวัดแขกก็ไปนั่งชิลอยู่ร้านกาแฟ Bistro 95 ลืมถ่ายรูปมามัวแต่เม้า ร้านกาแฟอยู่ในซอยถนนปั้นข้างๆวัดแขก เดินเข้ามาราวๆ 5 เมตรเอง ฝรั่งชอบนั่ง เป็นกาแฟดีราคาไม่แรง (เมื่อเทียบกับกาแฟตรานางเงือก) Caramel macchiato แก้วละ 70 บาท แต่รสชาติดี ไม่หวานมาก กลิ่นคาราเมลหอม เสริมให้รสชาติกาแฟนุ่มลิ้น เค้กช็อคโกแลตที่เล็มของเพื่อนก็อร่อย ... ร้านนี้มีอาหารไทยสไตล์ฝรั่งขาย จำพวกผัดไท แนวๆที่ฝรั่งชอบกินน่ะค่ะ
พอออกจากร้านกาแฟ ก็เดินไปอีกราวๆ 100 เมตร (จริงๆก็ไม่ถึงหรอกค่ะ) ก็จะเจอร้านอาหารภารตะเล็กๆชื่อร้าน "ครัวเชนไน" ร้านเล็กๆ ไม่ตกแต่งอะไรมาก บรรยากาศเหมือนไปนั่งกินข้าวบ้านเพื่อน โต๊ะมีอยู่ 4 โต๊ะ ขนาด 4 ที่นั่งสองโต๊ะ และ 6 ที่นั่งสองโต๊ะ ร้านนี้เป็นอาหารมังสวิรัติ ไม่มีเมนูแบบเล่มให้อ่าน แต่มีเมนูติดข้างฝาแบบมีภาพให้ดูแทน อาหารเป็นสไตล์อินเดียใต้ เราสั่ง Iddly set ไปแล้ว แต่เพื่อนๆยังเลือกกันไม่ได้ คุณป้ากะคุณลุงเจ้าของร้านชาวอินเดียน่ารักมาก เห็นพวกเรา งง งง ว่าจะสั่งอะไรดีแกก็ถามด้วยภาษาอังกฤษ แต่พวกเราไม่ได้ฟังมัวแต่อ่านเมนูกันอยู่ แกเลยถามซ้ำด้วยภาษาไทยที่ไม่แข็งแรง ว่าเคยกินกันมั้ย (ซึ่งตอนหลังออกจากร้านเรากะเพื่อนลงความเห็นกันว่า คุณป้ากะคุณลุงพูดภาษาไทยฟังยากกว่าภาษาอังกฤษอีก ) รุ่นพี่อีกคนบอกมาครั้งแรก คุณป้าเลยจัดให้ มี Thali set ซึ่งเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงแต่แรก เพราะปริมาณ แต่คุณป้านำเสนอก็จัดมา จริงๆคือฟังแกไม่รู้เรื่อง ต่อมาเป็นสิ่งที่จำชื่อไม่ได้ แต่ขอเรียกว่า Iddly ในน้ำเกรวี่ล่ะกัน และสุดท้าย คือ Roti set คุณป้าบอกเอาสี่อย่างแล้วให้พวกเราจอยกัน เรากับเพื่อนอีกสองคน (ยกเว้นรุ่นพี่) มีประสบการณ์จุกอาหารภารตะกันมาแล้ว รีบถามคุณป้าเลยว่าเยอะมั้ย คุณป้าบอกไม่เยอะๆ พวกเราเลยตกลงตามคุณป้าว่า
คุณป้าหายเข้าครัวไป ส่วนคุณลุงแขกก็รับไทยอยู่หน้าร้าน บอกให้พวกเราไปล้างมือได้ ก็ไปล้างตามคุณลุงว่า ถึงจะไม่ได้ใช้มือกินแต่ก็เหนียวๆกันอยู่แล้วเลยไปล้าง ก็ได้เห็นในครัวของร้านด้วย สะอาดสะอ้านทีเดียว
อย่างแรกที่ลงโต๊ะคือ Iddy set ซึ่ง Iddly คือ แป้งกลมหน้าตาคล้ายขนมตาลแต่เป็นสีขาว ลักษณะของแป้งแบบเดียวกันเลย กินเข้าไปก็แป้งขนมตาลชัดๆ ต่างกันตรงรสชาติที่ Iddly จะมีรสเปรี้ยว มาพร้อมกับแกงมะรุมอินเดีย หน้าตาคล้ายแกงส้มมะรุม แต่รสชาติต่างกันมาก คือ แกงมะรุมอันนี้จะไม่มีรสเปรี้ยว แน่นอนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลองกิน Iddly คุณลุงที่เห็นพวกเราตัดจิ้มอันนั้นที อันนี้ทีคงทนไม่ไหว เดินมาสอนกิน คุณลุงเอาช้อนคนซอสถั่วสีส้มกลางถาด จากนั้นเอามาทาบางๆบน Iddly จากนั้นก็ตักซอสมะพร้าวเขียวมาโป๊ะ หั่น Iddly พอดีคำแล้วจิ้มลงไปในน้ำแกงมะรุม ... อ๋อ กินแบบนี้นี่เอง
ต่อมาเป็น Thali set ที่ไม่อยากสั่งเพราะมันมีข้าวมาด้วย (คุณผู้หญิงชาวอินเดียที่นั่งรับประทานอยู่ก่อนพวกเราเข้าไปก็สั่ง ซึ่งพอเห็นก็พอรู้ล่ะว่าเยอะอยู่) ในถาดก็มี (วนตามเข็มนาฬิกามานะ) Parata หรือที่เราเรียกเล่นๆว่าฟริงเกิ้ลแขก จำนวน 1 แผ่น Chapati จำนวน 2 แผ่น ข้าว 1 ถาดเล็ก แกงมะรุม ซุปมะเขือเทศใส ผักอะไรซักอย่างใส่กะทิ ผัดมะเขือยาว ผัดหัวปลี ซอสอะไรซักอย่าง (อันสีแดงที่วางบนใบตอง ไม่มีถ้วยใส่มา) ขนมหวาน และสุดท้ายโยเกิร์ต ... ขอข้ามแกงมะรุม เพราะ มันคือรสชาติเดียวกับที่มาพร้อม Iddly ซุปมะเขือเทศรสชาติออกเปรี้ยวอร่อยดี ผักใส่กะทิก็รสชาติเค็มเผ็ดมัน เผ็ดในที่นี้คือ เผ็ดเครื่องเทศที่ไม่รุนแรงหรือไม่เผ็ดเลยสำหรับเรา และมันจากกะทิ ผัดมะเขือยาวเป็นผัดผักเครื่องเทศ รสชาติไม่รุนแรงอร่อยดี ชอบถ้วยนี้เหมือนกันเพราะมันหอมเครื่องเทศ แต่ที่ชอบที่สุดในถาดคือ ผัดหัวปลี เค้าเอาหัวปลีมาสับผัดกับเครื่องเทศ ด้วยความชอบหัวปลีอยู่แล้วบวกกับรสของเครื่องเทศ เป็นรสอ่อนๆที่หอมกลมกล่อม ส่วนซอสบนใบตอง ไม่ถูกลิ้นเลย เปรี้ยวแหลม เค็มโดดมาเลย ไม่รู้เค้าเอาไว้ทำอะไร กินเข้าไปแสบคอมาก ส่วนขนมหวานเป็นแป้งเหลืองกินเข้าไปหอมกระวาน แต่เพื่อนบอกว่ากลิ่มนมรุนแรงไปหน่อย ไม่หวานมากกำลังอร่อย แก้เผ็ดได้ดี ส่วนโยเกิร์ตก็คือ โยเกิร์ต คุณลุงกับคุณป้าบอกจานนี้เอากับมาเทมิกซ์กับข้าวแล้วก็ค่อยกิน เผ็ดก็ให้กินโยเกิร์ตแก้
ต่อมาคือ Iddly ในน้ำเกรวี่ จำชื่อแบบอินเดียไม่ได้ ตั้งให้ใหม่เลยล่ะกัน ถาดนี้มาเป็นก้อนเลย ตอนแรกดีใจนึกว่าเป็นเนื้อสัตว์ แต่เปล่า มันคือ Iddly ทอด (ข้างยัดเครื่องเทศ) แล้วราดมาในน้ำเกรวี่ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมะพร้าวเขียว จานนี้คุณลุงกับคุณป้าก็มาสอนกินอีกเช่นเคย เวลากินก็ให้ตัดๆๆๆให้น้ำเกรวี่ซึมเข้าไปในเนื้อ Iddly จากนั้นก็ตักซอสโป๊ะแล้วกิน เมนูนี้เผ็ดเลยล่ะ รุ่นพี่กับเพื่อนอีกคนกินคำแรกก็ขอผ่านเลย เรากับอีกคนกินได้หลายคำ และเราเป็นผู้เก็บกวาดจานนี้ค่ะ เผ็ดแต่ชอบนะ เครื่องเทศแรงดี แต่ต้องไม่โป๊ะซอสจะดีกว่า เพราะตัวน้ำเกรวี่กับ Iddly ก็เผ็ดอยู่แล้ว โป๊ะซอสไปอีกต้องบอกว่าเผ็ดมากๆๆๆๆๆ เมนูนี้เด่นตรงพริกไทยในเนื้อ Iddly และยังมีในน้ำเกรวี่ด้วย
สุดท้ายเป็น Roti set ก็ตามนั้นเลยมีโรตี มาคู่กับแกงCurryผักและซอสมะพร้าวเขียว จานนี้เราขอผ่านไม่ชอบน้ำมันใน Roti คือพวกแผ่นแป้งแบบอินเดียถ้ามีน้ำมันกินไม่ได้เลย มันเลี่ยนๆน่ะค่ะ แกงCurryชิมไปคำนึง ลิ้นชามาจาก Iddly ราดน้ำเกรวี่แล้ว บอกตามตรงแยกแยะรสชาติไม่ได้แล้ว แต่จานนี้รุ่นพี่ที่ไม่ไหวกับเครื่องเทศพอกินได้ จานนี้คุณลุงกับคุณป้าไม่ได้มาสอนกิน เพราะ ไม่ซับซ้อน ฉีกโรตีจิ้มแกง จบ!
กินจบเหลือเกือบทุกจาน (แต่ก็เหลือไม่มาก) ด้วยความที่ไปกินเค้กกับกาแฟมาก่อนด้วย ปริมาณด้วย และรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันไม่ค่อยไหวกับเครื่องเทศด้วยเลยทำให้เหลือ หมดแค่ Iddly ในน้ำเกรวี่ที่เราเก็บจนหมด สนนราคา 4 ถาด 420 บาท ก็ตกคนละร้อยกว่าบาท อ้อ! มีน้ำมา 1 ขวด จริงๆค่าอาหารคง 410 บาทค่ะ อัธยาศัยคุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านก็ใจดีน่ารักมาก ถ้าไม่ติดว่าเป็นมังสวิรัตคงชอบกว่านี้ จริงๆรสชาติอาหารดีเลยล่ะ แต่สัตว์กินเนื้อแก๊งนี้ไม่ปลื้มผักกันซักเท่าไหร่ แต่เราชอบแกงมะรุมนะ เปื่อยเชียวไม่ต้องคายเปลือก แล้วก็ผัดหัวปลีกับผัดมะเขือยาว
ปล.1 รุ่นพี่ถามคุณป้าว่าซอสมะพร้าวเขียวทำมาจากอะไร เลยเอามาเรียกเองแบบเข้าใจง่ายๆว่า "ซอสมะพร้าวเขียว" เพราะ ทำมาจากมะพร้าว พริกเขียว เกลือ แล้วปั่น
ปล.2 คุณป้านึกว่าเพื่อนคนนึงเป็นคนอินเดีย ตอนจะจ่ายตังค์คุณป้าทักว่า อ้าว!นี่คนไทยหรอ??? คือว่า ถึงเพื่อนหนูจะดำแต่ดั้งก็แมบ เป็นอินเดียไม่ได้หรอกฮ่ะขุ่นป้า
ปล.3 ทราบมาว่า Iddly ความจริงเป็นอาหารเช้ายอดนิยมของอินเดียใต้ (แต่พวกเรากินกันตอนบ่าย) ส่วน Iddly ในน้ำเกรวี่เผ็ดและเครื่องเทศแรงเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบหรือไม่คุ้นกับเครื่องเทศค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น