ชีวิตแบบวันๆ หมายถึง ชีวิตที่ไม่คิดมาก ไม่กังวลเกินจำเป็น อยู่กับความเป็นจริงของวันนี้...ในแต่ละวัน
คุณจะพบว่า เวลาและกิจกรรม ดำเนินผ่านไปเร็วมาก ตามครรลองของมัน
พอหมดวัน ก็คือ ปลดเปลื้องภาระกิจไว้ตรงนั้น ไม่ต้องไปแบก หรือ กังวลเกี่ยวกับมันในความเป็นจริงอีก
เพราะ คุณได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว ผลอย่างไรก็เท่านั้น พรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่
พรุ่งนี้ก็จะมีภาระกิจที่ท้าทายผ่านเข้ามาใหม่อีก ซึ่งก็มีทั้งเหมือนวันนี้ หรือแตกต่างออกไป ให้ต้องแก้ เผชิญ ปรับแต่ง ปรับตัว
หรือทำให้บรรลุล่วงไปให้ได้ ซึ่งก็จะเป็นลักษณะเฉพาะให้ต้องพินิจพิจารณา แค่ต้องผ่านมันไปให้ได้อย่างระแวดระวัง
พิถีพิถัน ไม่หยาบ ไม่ประมาท ไม่เร่งรีบอย่างขาดสติ แต่ควรจะให้ดีรอบคอบให้สมกับหน้าที่ตามสารัตถะชีวิตที่ได้เลือก นั่นแล..
ชีวิตแบบวันๆ ..จะหมดไปอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน่าใจหายว่า ทำไม? ชีวิตจึงหมดหรือผ่านไปเร็วนัก
เราไม่ต้องเก็บมาคิดมาก หรือ คิดอย่างเกินจริง หรือเกินจำเป็นอีก ไม่ต้องหาเหตุผลฟุ้งเพื่ออธิบายอย่างไร้ผลปฏิบัติเป็นจริง อีกต่อไป
เพราะ ชีวิตแบบวันๆ มันเพียงพอแล้วสำหรับแต่ละวันที่ผ่านไป แล้วมันก็มีเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้มากหรือน้อยกว่าประสบการณ์ที่ประจักษ์แจ้งเลย
ชีวิตแบบวันๆ ในส่วนที่อธิบายไม่ได้ หรือไม่เข้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าหรือเสกสรรปั้นแต่งเพื่ออธิบายมัน ก็ได้
บ่อยครั้ง ที่ความอดทน การรู้จักรอคอย หรือ การมีสมมติฐานเพื่อการพิสูจน์ก็ช่วยให้เรื่องไม่รู้
ไม่ชัด พึงได้รับการตรวจสอบในงวดต่อไป
แง่นี้ ชีวิตแบบวันๆ จึงมีการทดสอบความจริง การค้นหาความจริง
และการสรุปผลอย่างเป็นการส่วนตัว เป็นการเฉพาะ และนี่คือสิ่งทรงความหมาย
ชีวิตแบบวันๆ ไม่ได้หมายความว่า จะดำเนินชีวิตไปตามกระแส หรือไหลเรือยแบบผุเปื่อยไปตามกาลเวลา
แต่วันๆที่ผ่านเลย คือ การสะสมแต้มเพื่อชัยชนะในวันพรุ่ง เพียงแต่คุณรู้จักถักทอผืนเสื่อนี้ในภาพกว้างที่เป็นเป้าหมายของคุณเอง
แง่นี้ ชีวิตจึงกลายเป็นสิ่งที่มีความมุ่งหมายอย่างยิ่ง มีวินัยในตัวเอง
และไม่กังวลต่อวันคืนที่ผ่านไปแบบวันๆ...อย่างที่รู้สึกว่ารวดเร็วมาก
นี่เป็นชีวิตที่ไม่สูญเปล่า แต่เป็นสิ่งที่ได้เลือก และคุณกำลังรอห้วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวที่กำลังมาถึง..........
ชีวิตแบบวันๆ
คุณจะพบว่า เวลาและกิจกรรม ดำเนินผ่านไปเร็วมาก ตามครรลองของมัน
พอหมดวัน ก็คือ ปลดเปลื้องภาระกิจไว้ตรงนั้น ไม่ต้องไปแบก หรือ กังวลเกี่ยวกับมันในความเป็นจริงอีก
เพราะ คุณได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว ผลอย่างไรก็เท่านั้น พรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากันใหม่
พรุ่งนี้ก็จะมีภาระกิจที่ท้าทายผ่านเข้ามาใหม่อีก ซึ่งก็มีทั้งเหมือนวันนี้ หรือแตกต่างออกไป ให้ต้องแก้ เผชิญ ปรับแต่ง ปรับตัว
หรือทำให้บรรลุล่วงไปให้ได้ ซึ่งก็จะเป็นลักษณะเฉพาะให้ต้องพินิจพิจารณา แค่ต้องผ่านมันไปให้ได้อย่างระแวดระวัง
พิถีพิถัน ไม่หยาบ ไม่ประมาท ไม่เร่งรีบอย่างขาดสติ แต่ควรจะให้ดีรอบคอบให้สมกับหน้าที่ตามสารัตถะชีวิตที่ได้เลือก นั่นแล..
ชีวิตแบบวันๆ ..จะหมดไปอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน่าใจหายว่า ทำไม? ชีวิตจึงหมดหรือผ่านไปเร็วนัก
เราไม่ต้องเก็บมาคิดมาก หรือ คิดอย่างเกินจริง หรือเกินจำเป็นอีก ไม่ต้องหาเหตุผลฟุ้งเพื่ออธิบายอย่างไร้ผลปฏิบัติเป็นจริง อีกต่อไป
เพราะ ชีวิตแบบวันๆ มันเพียงพอแล้วสำหรับแต่ละวันที่ผ่านไป แล้วมันก็มีเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้มากหรือน้อยกว่าประสบการณ์ที่ประจักษ์แจ้งเลย
ชีวิตแบบวันๆ ในส่วนที่อธิบายไม่ได้ หรือไม่เข้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าหรือเสกสรรปั้นแต่งเพื่ออธิบายมัน ก็ได้
บ่อยครั้ง ที่ความอดทน การรู้จักรอคอย หรือ การมีสมมติฐานเพื่อการพิสูจน์ก็ช่วยให้เรื่องไม่รู้
ไม่ชัด พึงได้รับการตรวจสอบในงวดต่อไป
แง่นี้ ชีวิตแบบวันๆ จึงมีการทดสอบความจริง การค้นหาความจริง
และการสรุปผลอย่างเป็นการส่วนตัว เป็นการเฉพาะ และนี่คือสิ่งทรงความหมาย
ชีวิตแบบวันๆ ไม่ได้หมายความว่า จะดำเนินชีวิตไปตามกระแส หรือไหลเรือยแบบผุเปื่อยไปตามกาลเวลา
แต่วันๆที่ผ่านเลย คือ การสะสมแต้มเพื่อชัยชนะในวันพรุ่ง เพียงแต่คุณรู้จักถักทอผืนเสื่อนี้ในภาพกว้างที่เป็นเป้าหมายของคุณเอง
แง่นี้ ชีวิตจึงกลายเป็นสิ่งที่มีความมุ่งหมายอย่างยิ่ง มีวินัยในตัวเอง
และไม่กังวลต่อวันคืนที่ผ่านไปแบบวันๆ...อย่างที่รู้สึกว่ารวดเร็วมาก
นี่เป็นชีวิตที่ไม่สูญเปล่า แต่เป็นสิ่งที่ได้เลือก และคุณกำลังรอห้วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวที่กำลังมาถึง..........