ผู้สร้างหนัง"ศรีธนญชัย555+" หลั่งน้ำตาย้ำเป็นหนี้ 40 ล. ซัด"สุรชัย"ไม่รู้จริง แต่ขอจบไม่ฟ้องร้อง!?

จากมติชนออนไลน์

เป็นข่าวใหญ่ ขึ้นเป็นประเด็นฮอต ทุกหน้าสื่อทั้งกระดาษ ทีวี และออนไลน์ เมื่อ สัปดาห์ก่อน  กรณี  นพพร อินทรสวัสดิ์  ผู้อำนวยการสร้างสร้างภาพยนตร์ "ศรีธนญชัย 555+"  เกิดอาการเครียดจัด หลังหนังไม่ทำรายได้ ขาดทุนถึง 40 ล้านบาท และจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่ดีมีคนช่วยทัน จากนั้น   สุรชัย เที่ยงธรรม ผู้จัดการฝ่ายผลิต หนังเรื่องนี้  กลับออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งข้อสงสัย นายทุนคนนี้ พูดถึงตัวเลขหนังเจ๊ง 40 ล้าน เอามาจากไหน พร้อมกับถามกลับว่า เป็นการสร้างกระแสหรือไม่  โดยเรื่องดังกล่าว ได้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายแก่ๆ วันที่ 26 มิถุนายน    นพพร  ก็ได้เดินทางมา บันทึกรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 2 สตาร์แม็กซ์  ก่อนจะแถลงข่าวเปิดใจกับสื่อ หลังเสร็จสิ้นการอัดรายการ   โดยระบุว่า    งบลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ประมาณ 20ล้าน    นอกนั้นเป็นดอกที่เพิ่มขึ้นจากการขายฝากบ้าน  เพราะที่ดินมันมีจำนวน 3-4 แปลงกับบ้านอีก 3-4 หลัง  ทั้งๆ ที่ตอนแรก ตั้งงบฯไว้แค่ 5ล้าน แต่สุดท้ายไม่ใช่ และตัวเองก็ไม่รู้ด้วยว่า รายละเอียดในส่วนที่บานปลายมันคือตรงไหนเพราะไม่ค่อยได้เข้าไปเลย แต่ว่าเราก็มีเอกสารอยู่

"ผมแค่อยากให้คนเข้าใจว่าสิ่งที่คุณสุรชัยทำมันไม่ถูกต้องและมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับอนาคตของผมและครอบครับของผม เพราะตอนนี้ทุกคนเสียหายเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีคนตั้งคำถามเราเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนลูกสาวผมร้องไห้ไม่หยุด ผมสงสารแกครับ" นพพรเปิดใจทั้งน้ำตา และว่า สภาพจิตใจแย่ลงอีกครั้ง  พร้อมบอกตอนได้ฟังคำชี้แจงของอีกฝ่ายครั้งแรก รู้สึกว่า  เขารู้ไม่จริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทเพราะเขาเข้ามาทีหลัง และจนถึง ณ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเขามีหน้าที่อะไรในกองถ่าย

" ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าเงินน้อยนิดมูลค่า 80,000 บาท ที่เป็นค่าตัวเขา ผมอยากถามกลับครับว่ามันน้อยนิดตรงไหน เขาถึงได้กล้าพูดแบบนี้"

นายทุนหนัง ศรีธนญชัย 555+ บอกว่า จากนี้   จะพยายามแก้ไขกับหนี้ที่เกิดขึ้น  จากญาติพี่น้องและผู้ใหญ่หลาย ๆ ฝ่าย พร้อมระบุ   ไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้แล้ว อยากให้เรื่องมันจบ เลยจะไม่ฟ้องร้องใคร   ที่ออกมาวันนี้ ไม่ได้ต้องการอะไรเลย    แค่ต้องการความยุติธรรมจากสังคมที่เขามองว่าบริษัทออมทูจัดฉากเพื่อให้คนเข้าใจผิด ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางยริษัท ได้ติดต่อไปยัง  สุรชัย แต่ปิดมือถือตั้งแต่วันที่ 3 ก็เลยทำให้ติดต่อไม่ได้ จนเมื่อเรื่องนี้มันเป็นปัญหาเขาก็เริ่มเปิดมือถืออีกครั้งเพื่อเหมือนจะมาแก้ตัว แต่ว่าทางตัวเองก็ไม่รับสายแล้วครับ เพราะเราคุยกันไม่รู้เรื่อง

ก่อนที่หนังจะฉายเคยคิดไหมว่าหนังอาจจะไม่ได้ทำเงินมากตามเป้าที่วางไว้ ?

"ผมพยายามทุ่มเทกับหนังเรื่องนี้เต็มที่ครับเพราะเราใส่ไปทั้งชีวิต เลยทำให้คาดหวังกับผลตอบรับที่ออกมาพอสมควร"

กลัวไหมว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ส่งผลกระทบกับการทำหนังเรื่องต่อไป ?

"ก็คงต้องดูจากปัญหาเรื่องนี้ก่อนครับว่าเราจะแก้ปัญหาได้ไหม"

ตอนนี้แก้ปัญหาเรื่องเงินยังไงบ้าง ?

"เราก็ใช้วิธีจัดจำหน่าย DVD เป็นอีกช่องทางครับ ซึ่งให้คนที่ต้องการชมติดต่อจองได้ผ่านทางบริษัทออมทู  เป็นหนทางเดียวครับที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของเราได้ ซึ่งมันอาจจะได้น้อยก็ไม่เป็นไร แต่ก็ขอให้ได้บ้าง

อยากบอกอะไรกับคนที่เขาเข้าใจในตัวเราผิดบ้างไหม ?

"ผมไม่อยากพาดพิงถึงเขานะครับ แต่ผมเชื่อว่าเขาคงรู้ตัวอยู่แล้วแหละว่าทำอะไรลงไป และผมอยากให้สังคมเป็นตัวตัดสินเรื่องนี้ด้วยว่าใครผิดและใครถูก"

ขณะที่   นายเดชารัตน์ จิตตะพิทยากุล และ นางพิมพ์ชนา พิมพ์สุรโสภณ  ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ออมทู  ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงกระแสข่าวที่มีการกล่าวอ้างว่า  นพพร  สร้างกระแสด้วยการเชิญสื่อมวลชนทำข่าวกระโดดตึกฆ่าตัวตายว่า  จริงๆ พอทราบเรื่อง ก็โทรหาทั้งตำรวจ และสื่อมวลชน รวมถึงขอความช่วยเหลือร้านค้าแถวนั้น ในการช่วยหาเบอร์โทรร่วมกตัญญู หาเบอร์โทรหนังสือพิมพ์ให้ เพราะต้องการเบาะเซฟชีวิตคน ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีสื่อไหนมาเลยด้วยซ้ำ แล้วถ้าเราต้องการสร้างกระแสจริงทำไมเราไม่อยู่รอให้สื่อมาพร้อมกันก่อน  ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ ฝ่าย สุรชัย  มโนจิตมากกว่า   เพราะเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อีกอย่างสื่อที่มาวันนั้นก็ไม่ใช่สื่อบันเทิงด้วยซ้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่