วันที่26 มิ.ย. 57 ดิฉันเดินทางไปศาลจังหวัดธัญบุรีมาค่ะ และเรื่องที่ต้องขอเล่าสู่กันฟังก็เกิดจากศาลแห่งนี้ เหตุเกิดจากซื้อของทางเน็ตแล้วโดนเบี้ยวส่งสินค้ามาให้แล้วไม่โอนเงินค่าสินค้าคืน พอไปแจ้งความ ทาง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ไม่รับแจ้ง และอ้างว่าเพราะใบสลิปที่แจ้งโอนเงิน มันหมดอายุเกิน 3 เดือนแล้ว (ซึ่งตัวดิฉันอันนี้ขอบอกก่อนนะคะว่า ไม่เคยทราบจริงเลย ว่ามันมีการหมดอายุด้วย ซื้อของทางเน็ตมาหลายครั้ง มาโดนกับตัวเองก็ครั้งนี้แหละค่ะ) ทาง สภ. ก็บอกว่า ต้องไปร้องต่อศาลเอาเพราะเป็นคดีฉ้อโกง คดีทางแพ่ง ดิฉันก็ได้เดินทางแบบคนที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายใดๆ ไปที่ศาลแพ่ง รัชดา ที่ศาลนี้ให้คำแนะนำดีมากนะคะ ให้ลงมาติดต่อที่แผนกคดีผู้บริโภค และได้มีเจ้าหน้าที่มาให้คำปรึกษา และแนะนำให้ดิฉันมาขอบันทึกคำฟ้องที่ ศาลจังหวัดธัญบุรี ในวันเดียวกันนี้ดิฉันจึงรีบเดินทางมาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี เวลาประมาณ 10.28 น. และมาติดต่อแผนกคดีผู้บริโภคเหมือนกัน แต่ในระหว่างนั้น มีเจ้าหน้าที่ศาลผู้หญิง บอกให้ดิฉันรอ เพราะมีคดีอื่นๆ ต้องรีบให้ทนายจัดการและเซ็นเอกสารต่างๆ (เท่าที่สังเกตนะคะ) นั่งรอกันนานทีเดียวแต่เจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็ถามว่า น้องจะมาทำอะไร? ดิฉันเลยบอกกลับมาอยากขอคำแนะนำ และขอแจ้งบันทึกคำฟ้องค่ะ เพราะ ศาลแพ่ง รัชดาได้แนะนำมาให้ติดต่อที่นี่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ น้องนั่งรอไปก่อนนะ งานพี่เยอะและคดีน้องใหญ่มากกก...แล้วก็หัวเราะ ดิฉันก็ยังไม่ได้พูดอะไร แต่แปลกใจ ทำไมต้อง-ดันกันด้วยล่ะ เราเป็นผู้เสียหายนะ มาขอความช่วยเหลือจากคุณ รอนานจนกระทั่ง 11.30 น. มีเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่ภายในห้องนั่ง เดินมาถามเจ้าหน้าผู้หญิง ว่าน้องเขามาทำอะไร แล้วก็หันมาพูดสอบถามกับดิฉันว่าเหตุเกิดอะไรยังไง และถามเรื่องจำนวนเงินที่ต้องการได้คืน ยอดก็ไม่ได้อะไรมากนะคะ 3พันกว่าบาท ดิฉันเข้าใจค่ะ ว่ามันเป็นเงินจำนวนน้อยนิดสำหรับคุณๆ และท่านๆ ทั้งหลาย แต่ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ คือ พวกคุณหันไปคุยกันแล้วหัวเราะเยาะ ว่าแค่ 3 พันมาฟ้องร้องคดี เฮ้ยยย...คุณเป็นข้าราชการนะคะ พฤติกรรมพวกคุณนี่เหมาะสมมากกกก.... แถมยังมีการพูดแซวให้ได้ยินกันทั้งห้องนั้นด้วย ว่า สงสัยต้องทำเรื่องเบิกเงินแล้วล่ะ ท่านจะให้เงินสามพันกับน้อง(ตัวดิฉันเอง) จะได้ไม่ต้องฟ้อง พฤติกรรมแบบนี้มันสมควรแล้วหรือค่ะ ขอถามหน่อย? ถ้าให้จริงไม่รับหรอกค่ะ เงินแค่นี้มีปัญญาทำงานหาเองได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่คนนั้น ก็บอกว่า คดีอย่างนี้ เงินจำนวนเท่านี้ มาฟ้องศาลไม่คุ้ม เสียทั้งเงินและเวลา ไหนจะค่าเอกสารนำส่งศาล(หรืออะไรดีฉันเรียกไม่ถูก)อย่างน้อยๆ ก็ 1,200 บาทแล้ว ค่าเดินทางมาศาลทุกครั้ง ไม่คุ้มกันเลย ถือว่าเราโง่เอง ที่โง่โอนเงินไปให้และไว้ใจเขา ดิฉันก็เลยพูดสวนกลับไปว่า ก็เข้าใจนะคะว่าดิฉันโง่เอง แต่ต้องการที่จะดำเนินการ เพราะว่ามีคนที่เกิดเหตุอย่างนี้หลายคน และไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลย คนที่เป็นคนที่โกง ถึงได้มีอยู่เต็มไปหมด เพราะช่องโหว่ของกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็สวนกลับมาว่า งั้นก็ต้องไปรวบรวม คนที่เป็นผู้เสียหายให้ได้อย่างน้อยๆ 70 คน แล้วไปแจ้งตำรวจเอา ให้มันเป็นคดีอาญา แต่ดิฉันก็บอกกลับไปว่า ไม่สามารถทำได้เพราะค่ะ ผู้เสียหายส่วนมากเป็นผู้เยาว์และกลัวผู้ปกครองจะรับรู้ จึงไม่กล้าที่จะเรียกร้องอะไรต่างๆ นานา แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง แต่พอเจอคำตอบกลับมาว่าทำอะไรไม่ได้ต้องรวบรวมคนให้ได้อย่างเดียว ดิฉันก็อ้าววว...ก็มันไม่สามารถรวบรวมผู้เสียหายได้นี่ ไม่มีวิธีอื่นๆ เลยหรืออย่างไร เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ไม่รับรู้คำท้วงติงจากดิฉันและปัดเรื่องอย่างเดียว และพูดกับดิฉันว่า ถ้าน้องไปแจ้งความแล้วตำรวจไม่รับแจ้ง น้องก็ต้องไปสนง.ตำรวจแห่งชาติ แต่น้องต้องระวังนะ เดี๋ยวตำรวจเขาจะพาน้องไปส่งโรงพยาบาลซะก่อนว่าน้องอาจสติไม่ดี พอดิฉันไม่พูดอะไรต่อ เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็บอกว่า เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็นั่งพักตากแอร์ให้ใจเย็น ถามกับดิฉันอีกนะว่า จะเอาน้ำอะไรไหมจะเลี้ยง แต่ดิฉันตอบปฏิเสธเพราะทนกับพฤติกรรมและการกระทำแบบนี้ไม่ได้ จึงขอตัวกลับ ดิฉันอยากบอกเลยนะว่า ถ้าไม่ช่วยตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องทำอะไรใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ คนที่เขาเป็นผู้เสียหาย เขาเดินทางมาหาพวกคุณ เพื่อต้องการคำปรึกษาและขอความช่วย เขารู้สึกแย่อยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเจ้าหน้าที่ทางศาลพูดจาและแสดงพฤติกรรมดูหมิ่นและเยาะเย้ยแบบนี้ บอกตรงๆ นะคะ พวกคุณหมดสิ้นความเป็นข้าราชการแล้วล่ะค่ะ อาชีพที่คุณเป็นน่ะ มันไม่ศักดิ์สิทธิ์และสมเกียรติเลยสักนิด แล้วถ้าเป็นคุณเจอแบบนี้ละค่ะ คุณจะทำอย่างไรค่ะ?
ถ้าคุณพบเจ้าหน้าที่ของศาล ปฏิบัติแบบนี้ ควรจะทำอย่างไร?