"I is an girl." : การเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่เรากล้าที่จะลงมือ

เห็นหลายๆคนท้อกับการเรียนภาษา เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจ และ ให้คำแนะนำค่ะ

เราเป็นเด็กบ้านนอก ในจังหวัดเล็กๆทางภาคเหนือ
เรียนโรงเรียนรัฐบาลตอนอนุบาล ถึง ป.6 ค่ะ
สมัยสัก สิบกว่าปีที่แล้ว เด็กต่างจังหวัดโรงเรียนรัฐนี่ กว่าจะได้เรียนภาษาอังกฤษก็ประมาณ ป.4 ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด
เราเป็นเด็กที่เรียนพวกวิทย์ พวกเลขเก่งมากค่ะ แต่วิชาภาษา นี่ เกลียดเข้าเส้นเลยก็ว่าได้
ทั้งเกลียด ทั้งกลัวภาษาอังกฤษ และครูอังกฤษ คาบอังกฤษทีไร โดดไปนั่งทำเลขค่ะ
ด้วยความเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งเลขประจำ ครูอังกฤษเลยไม่กล้าว่า ไม่ค่อยกล้ายุ่ง
ถูไถไป ลอกบ้าง ช่วยงานครูบ้าง ก็ผ่านจนจบมาได้

จนกระทั้งเข้า ม.ต้นค่ะ เราเข้าโรงเรียนคุณหนูของจังหวัด โรงเรียนนี้ ค่อนข้างเน้นภาษาอังกฤษให้เด็กค่ะ
เราก็พอพูดได้ ฟังได้อยู่ แบบง่ายๆ งูๆปลาๆ แต่เรื่องเขียนนี่ พูดตรงๆเลย ตกทั้งศัพท์ ทั้งแกรมม่า
เปิดเทอมได้ไม่นานค่ะ ครูให้เขียนเรียงความส่ง สั้นๆถึงตัวเอง เราก็เขียนไป ถูไถ เปิดดิกไป
ด้วยความไม่เคยตั้งใจเรียนวิชานี้ เขียนประโยคแรกไปตัวบรรจงเต็มบรรทัดเลยว่า

" I is an girl."

ไม่ต้องถามเลยว่า ตอนครูเอามาอ่านให้เพื่อนฟังหน่ะ อายไหม เอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไม่ทันทีเดียว
โดนเพื่อนๆล้ออยู่เป็นอาทิตย์เลยค่ะ อายมาก ยิ่งเกลียดวิชานี้ไปใหญ่เลย

แต่ไอ้เพราะความอายนี่แหละ เป็นจุดเริ่มต้น ให้เราสู้ คิดในใจ สาบานกับตัวเองไว้เลย
"คอยดูนะ สักวัน เราจะพูดภาษาอังกฤษเก่ง จนไอ้พวกที่หัวเราะเราวันนี้ ต้องอาย"

ต้องขอบคุณคุณครูสอนอังกฤษตอนม.ต้นค่ะ ที่ช่วยเหลือ ช่วยสอน ต่อให้ปวดหัวแค่ไหน
เริ่มแรกเลยนะคะ ตอนเช้ามาถึงโรงเรียน เราจะขึ้นไปหาครูอังกฤษ
แกจะเอาคำศัพท์ให้ประมาณ 10 - 20 คำ ให้ "คัด" ค่ะ
คัดไป ก็อ่านออกเสียงให้แกฟังไป คำสั้นๆก็คัด 10 รอบ คำไหนยาว จำยาก ก็คัด 20 รอบค่ะ
เสร็จแล้วแกก็จะสอนประโยคพูดคุยง่ายๆให้เรา เราก็พยายามพูด พยายามโต้ตอบ
ทำอย่างนี้ทุกวันค่ะ เจอหน้าครูตอนกลางวันก็ทักเป็นภาษาอังกฤษ พยายามพูด
ถูกผิดช่างมัน เพราะพอผิด แกจะบอกเรา แล้วก็แก้ให้ค่ะ
ผ่านไปสักเทอม เริ่มเห็นผลชัดเจน เฮ้ย พูดได้เยอะขึ้นเลยวุ้ย
เขียนเก่งขึ้นแยะเลย อ.ฝรั่งพูด ก็เริ่มฟังออก อ่านได้
คราวนี้เริ่มภูมิใจกับตัวเองแล้วค่ะ เริ่มขวนขวายมากขึ้น
อ่านนิทานเด็กน้อยภาษาอังกฤษ  เริ่มฟังเพลงฝรั่ง (แม้จะไม่รู้เรื่อง แต่เค้าบอกช่วยได้ก็เอาฟะ)
ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ เขียนไดอะรี่ภาษาอังกฤษ
สักพักเริ่มแปลเพลง แปลเรื่องสั้นง่ายๆ ทั้งไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย
ไม่น่าเชื่อนะคะ ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จบม.3 เราพูดอังกฤษได้ดีขึ้นเยอะเลย
พูดคุยกับอาจารย์ฝรั่งที่โรงเรียนได้ ไปเที่ยวเมกา เอาตัวรอดเองได้

เห้ย!!! ยิ้มเจ๋งหว่ะ ทำได้ไงวะนี่ ตอนวันจบนะ แบบว่า เป็นตัวแทนออกไปพูด เราพูดอังกฤษใส่คนอื่นได้
คิดในใจ "อายปะหล่ะ อายป่ะหล่ะ เคยดูถูกเราไว้ ตอนนี้ตูพูดอังกฤษป๋อ อายตรูป่ะหล่ะ"
คือแบบ สะใจมากอ่ะค่ะ

วันนี้ย้อนกลับมาดูตัวเอง ไม่น่าเชื่อเนาะ จากเด็กผู้หญิงคนนึง ที่ตอนม.ต้น ตกแกรมม่ามาก พูดอังกฤษกากๆ
สำเนียงไม่เอาไหนยกตัวอย่างเช่น I is an girl. จนถึงวันนี้ พูดได้ 3 ภาษา  และกำลังจะเรียนภาษาที่ 4
กว่าจะมาถึงจุดๆนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่มันก็ไม่ยาก เพียงแค่ต้องใช้ความพยายาม กับเวลา

สิ่งแรกที่ต้องมีคือ "ความกล้า" กล้าที่จะพูด ไม่อายหากจะพูดผิด

"อดทน" ต่อเสียงหัวเราะ และ คำดูถูก อย่ากลัวสิ่งเหล่านั้น เพราะถ้าคุณผ่านมันไปได้ จะไม่มีใครหัวเราะเยาะคุณอีก

"พยายาม"ฝึกฝนวันละนิด คัดศัพท์ สั้นๆก็คัดน้อยหน่อย ยาวๆก็คัดมากหน่อย คัดไป ก็อ่านไป ฝึกสนทนา จากบทสนทนาง่ายๆ ค่อยๆยากขึ้นๆ ตามเวลา
ค่อย"พัฒนา" ปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ ใช้ภาษาเยอะๆ พยายามพูดทุกวัน ไม่รู้จะพูดกับใครก็พูดกับกระจก ใครจะว่าบ้าก็ช่างมัน

เอาใจช่วยทุกคนที่เรียนภาษานะ การดูหนัง ฟังเพลง ที่เป็นภาษาอังกฤษช่วยได้ก็จริง แต่เป็นส่วนเสี้ยวที่ไม่มาก ถ้าอยากพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราควรจะ พูด เขียน สื่อสารกับผู้อื่นด้วยภาษานั้นจริงๆ ลองดูนะ เริ่มที่วันละ 2-3 ประโยค ผ่านไปสักเดือนคุณจะเริ่มรู้สึกได้เลยว่า เห้ย! พูดได้เยอะขึ้นตั้งเยอะ ^^



........................................................................................................................................................................................
เราสรุปวิธีฝึกภาษาแบบง่ายๆของเราให้นะคะ

# การฟัง
   เราพยายามดูการ์ตูนภาษาอังกฤษ หนังภาษาอังกฤษ เปิด Sub Eng ตรงๆนะ แรกๆ มันก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ก็ดูไป พยายามดู ปรับหู หนังพวกแนวโรแมนติด ดราม่าอะไรพวกนี้ บทพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะเยอะ เพลงก็ฟังเพลงรัก เพราะๆ สบายหู พยายามเปิดเนื้อเพลงแล้วร้องตามดู

# การอ่าน
   เราเริ่มจากการ์ตูนเด็กน้อย ที่อ่านเข้าใจง่าย ไปยังพวกหนังสือนิยายภาษาอังกฤษระดับ 1, 2, 3 ไล่ไปเรื่อยๆ หาเรื่องที่เราชอบ พอรู้เรื่องอยู่แล้วมาอ่าน จะช่วยให้อ่านสนุกขึ้น

# การพูด
   เราพูดกับตัวเองหน้ากระจกแทบทุกวัน บางวันก็หลายรอบ บางทีก็เอาบทพูดจากหนังสือที่เราอ่านมาลองพูด ไม่ก็ลองสมมติหัวข้อมาเรื่องนึง ตั้งคำถามก็ได้ แล้วตอบคำถามนั้นเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากได้ทักษาภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้ทักษะการสื่อสารด้วยนะ เวลามีโอกาสเจอฝรั่งเราไม่อายที่จะเสนอตัวเข้าไปช่วยเค้านะ เวลาเค้าถามทาง หรือต้องการข้อมูลอะไร เราก็พยายามพูดพยายามสื่อสาร นอกจากได้ทักษะพูด ฟัง แล้ว ยังเป็นการแสดงน้ำใจตามสไตล์คนไทยด้วยนะ

# การเขียน
   อันนี้เราว่ายากสุด ทุกวันนี้เราก็ยังตกแกรมม่านะ คำศัพท์ด้วย แต่เราพยายามคัดศัพท์วันละ 5 คำ เอาคำง่ายๆที่ใช้ประจำก่อน
เขียนไดอะรี่เป็นภาษาอังกฤษ แปลเพลงบ้าง เรื่องสั้นบ้าง ค่อยๆฝึกไป ทุกวันนี้เราก็ยังไม่เก่งเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่