น้องเมย์จะไม่ชนะลีเสี่ยวรุ่ยอีกไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ๆ จากที่ได้ดูพัฒนาการการเล่นของน้องเมย์ตั้งแต่ได้แชมป์โลกเป็นต้นมายังคงรูปแบบการเล่นเดิม ๆ เมื่อผลการแข่งขันพ่ายแพ้มักจะอ้างว่าไม่ฟิตหรือเจ็บบ่อยมาก ทั้ง ๆ ที่น้องเมย์อายุน้อยกว่าลีเสี่ยวรุ่ยพละกำลังควรจะดีกว่า การฟื้นตัวของร่างกายน่าจะดีกว่า แต่ผลการแข่งขันล่าสุดมองให้เห็นว่า น้องเมย์ช้ากว่าลีเสี่ยวรุ่ยหนึ่งก้าวเสมอเพราะอะไร
1.การอ่านลูกออกของนักแบดจีนทุกคนค่อนข้างแม่นยำ หลายครั้งในแต่ละเกมจะเห็นว่านักแบดจีนจะได้คะแนนจากส่วนนี้เยอะมาก ในขณะที่นักแบดชาติอื่นรวมทั้งไทยมักจะลังเลว่าออกหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องรีบตีทำให้ลูกมักลอยไปหน้าเน็ตและถูกโจมตีเป็นคะแนนทันที
2.การรับลูกตบด้วยลูกแบ็คแฮนด์ครอส สังเกตได้ทุกทั้งที่น้องเมย์ตบลูกมาทางแบ็คแฮนด์ลีเสี่ยวรุ่ยจะครอสไปตกหน้าเน็ตอีกด้านเสมอทำให้น้องเมย์ที่อยู่ท้ายคอร์ทอีกฝั่งมาไม่ทันเสมอ ซึ่งลีเสี่ยวรุ่ยน่าจะฝึกซ้อมการรับลูกตบมาทางจุดบอดของเธอได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่นักแบดไทยรวมทั้งน้องเมย์เวลารับลูกตบมักจะรับสวนกลับไปตรง ๆ ทำให้คู่ต่อสู้มักจะตบซ้ำได้ทันที
3.ลีเสี่ยวรุ่ยมักจะนำหน้านักแบดคนอื่นไปหนึ่งก้าวเสมอ สังเกตได้จากการเล่นของเธอมักจะไปถึงลูกได้เร็วกว่าปกติ บางลูกไม่น่ารับได้หรืองัดขึ้นมาได้แต่เธอทำได้ทำให้เธอเสียคะแนนยากมาก เข้าใจว่าเธออ่านเกมส์คู่ต่อสู้ทุกชอตว่าจะเล่นลูกอะไร สังเกตได้ว่าหลังจากเธอปั่นหยอดไปแล้วเธอมักจะรอหน้าเน็ตเผื่อว่าคู่ต่อสู้จะหยอดกลับซึ่งถ้าคู่ต่อสู้หยอดไม่ดีเธอจะแย็บทันทีแต่ถ้าหยอดดีเธอก็จะดูว่าคู่ต่อสู้เตรียมถอยหรือไม่เพื่อจะหยอดกลับหรือโยนไปหลัง หลายครั้งที่เธอทำแบบนี้น้องเมย์จึงเลือกที่โยนไปหลังมากกว่าหยอดใส่
4.วิธีการบุกที่หลากหลายทำให้เธอเป็นมือ1 ของโลกเพราะตีลูกบังคับทิศทางให้คู่ต่อสู้ต้องตีกลับมาในจุดที่เธออยู่และบังคับใหคู่ต่อสู้อยู่ในจุดที่เสียเปรียบ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่เธอโยนลูกไปมุมท้ายคอร์ทคู่ต่อสู้มักจะโยนกลับท้ายคอร์ทเช่นกันและเธอจะตบแบบตัดหยอดครอสสนามทำให้คู่ต่อสู้มาไม่ทันหรือทันก็รับยากมากในขณะเดียวกันเธอก็จะโผล่มาหน้าเน็ตเพื่อรอซ้ำทันที รวมถึงพัฒนาการด้านการเล่นลูกสั้น(ปั่นหยอด)รวมทั้งลูกเล่นเร็ว(ดาด)ทำให้คู่ต่อสู้ตั้งหลักไม่ทัน
จากที่ดูลีเสี่ยวรุ่ยเล่นแล้วหาจุดอ่อนของเธอแทบไม่เจอ อายุไม่ใช่อุปสรรค สรีระที่ผอมเพรียวทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว การอ่านเกมส์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนในแต่ละชอตสุดยอด เห็นจุดอ่อนของเธอเพียงอย่างเดียวคือ แววตาแห่งความกังวลและกดดันที่กลัวจะแพ้ตลอดช่วงแรกของเกมส์แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ เมื่อเธอเริ่มคุมเกมส์ได้แววตานี้มักจะหายไป
การฝึกซ้อมของนักแบดไทยเป็นอย่างไรไม่อาจก้าวล่วงรู้แต่ว่าคุณยังช้ากว่าจีนหนึ่งก้าวไม่ใช่ครึ่งก้าวอย่างที่คาดไว้
น้องเมย์จะไม่มีวันชนะลีเสี่ยวรุ่ยได้อีกเลย ถ้า
1.การอ่านลูกออกของนักแบดจีนทุกคนค่อนข้างแม่นยำ หลายครั้งในแต่ละเกมจะเห็นว่านักแบดจีนจะได้คะแนนจากส่วนนี้เยอะมาก ในขณะที่นักแบดชาติอื่นรวมทั้งไทยมักจะลังเลว่าออกหรือไม่ สุดท้ายก็ต้องรีบตีทำให้ลูกมักลอยไปหน้าเน็ตและถูกโจมตีเป็นคะแนนทันที
2.การรับลูกตบด้วยลูกแบ็คแฮนด์ครอส สังเกตได้ทุกทั้งที่น้องเมย์ตบลูกมาทางแบ็คแฮนด์ลีเสี่ยวรุ่ยจะครอสไปตกหน้าเน็ตอีกด้านเสมอทำให้น้องเมย์ที่อยู่ท้ายคอร์ทอีกฝั่งมาไม่ทันเสมอ ซึ่งลีเสี่ยวรุ่ยน่าจะฝึกซ้อมการรับลูกตบมาทางจุดบอดของเธอได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่นักแบดไทยรวมทั้งน้องเมย์เวลารับลูกตบมักจะรับสวนกลับไปตรง ๆ ทำให้คู่ต่อสู้มักจะตบซ้ำได้ทันที
3.ลีเสี่ยวรุ่ยมักจะนำหน้านักแบดคนอื่นไปหนึ่งก้าวเสมอ สังเกตได้จากการเล่นของเธอมักจะไปถึงลูกได้เร็วกว่าปกติ บางลูกไม่น่ารับได้หรืองัดขึ้นมาได้แต่เธอทำได้ทำให้เธอเสียคะแนนยากมาก เข้าใจว่าเธออ่านเกมส์คู่ต่อสู้ทุกชอตว่าจะเล่นลูกอะไร สังเกตได้ว่าหลังจากเธอปั่นหยอดไปแล้วเธอมักจะรอหน้าเน็ตเผื่อว่าคู่ต่อสู้จะหยอดกลับซึ่งถ้าคู่ต่อสู้หยอดไม่ดีเธอจะแย็บทันทีแต่ถ้าหยอดดีเธอก็จะดูว่าคู่ต่อสู้เตรียมถอยหรือไม่เพื่อจะหยอดกลับหรือโยนไปหลัง หลายครั้งที่เธอทำแบบนี้น้องเมย์จึงเลือกที่โยนไปหลังมากกว่าหยอดใส่
4.วิธีการบุกที่หลากหลายทำให้เธอเป็นมือ1 ของโลกเพราะตีลูกบังคับทิศทางให้คู่ต่อสู้ต้องตีกลับมาในจุดที่เธออยู่และบังคับใหคู่ต่อสู้อยู่ในจุดที่เสียเปรียบ จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่เธอโยนลูกไปมุมท้ายคอร์ทคู่ต่อสู้มักจะโยนกลับท้ายคอร์ทเช่นกันและเธอจะตบแบบตัดหยอดครอสสนามทำให้คู่ต่อสู้มาไม่ทันหรือทันก็รับยากมากในขณะเดียวกันเธอก็จะโผล่มาหน้าเน็ตเพื่อรอซ้ำทันที รวมถึงพัฒนาการด้านการเล่นลูกสั้น(ปั่นหยอด)รวมทั้งลูกเล่นเร็ว(ดาด)ทำให้คู่ต่อสู้ตั้งหลักไม่ทัน
จากที่ดูลีเสี่ยวรุ่ยเล่นแล้วหาจุดอ่อนของเธอแทบไม่เจอ อายุไม่ใช่อุปสรรค สรีระที่ผอมเพรียวทำให้เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว การอ่านเกมส์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนในแต่ละชอตสุดยอด เห็นจุดอ่อนของเธอเพียงอย่างเดียวคือ แววตาแห่งความกังวลและกดดันที่กลัวจะแพ้ตลอดช่วงแรกของเกมส์แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ เมื่อเธอเริ่มคุมเกมส์ได้แววตานี้มักจะหายไป
การฝึกซ้อมของนักแบดไทยเป็นอย่างไรไม่อาจก้าวล่วงรู้แต่ว่าคุณยังช้ากว่าจีนหนึ่งก้าวไม่ใช่ครึ่งก้าวอย่างที่คาดไว้