เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มาสัมมนาที่ กทม. และจองตั๋วกลับไฟล์ทสุดท้ายกลับเชียงใหม่ PG221 เวลา 21:05 น. ซึ่งเคาท์เตอร์เช็คอินจะปิดก่อนเวลาเครื่องออก 40 นาที ซึ่งคือต้องไปเช็คอินก่อนเวลา 20:25 น. แต่เนื่องจากความเพลินในการซัดบุฟเฟ่ห์ปิ้งย่าง ที่มีขาปูยักษ์จากฮอกไกโดมาเป็นทีมเยือน มีหรือจะพลาด มันเลยเพลินยิงยาวไปหน่อย กว่าจะงัดตัวเองลุกขึ้นไป BTS ชิดลม ไป ยัง พญาไท แล้วต่อ แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ ซึ่งผมไปช้าเพียง ไม่ถึง ครึ่งนาที ขบวนรถก่อนหน้าออกไปสุวรรณภูมิแล้ว ต้องรอรอบต่อไป ซึ่งทำให้มาถึงเคาท์เตอร์เช็คอินเวลา 20:33 น.!!! ซึ่งพนักงานเช็คอินหลังจากได้รับพาสปอร์ตเพื่อเช็คอินก็แจ้งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม(แต่...ผมล่ะโคตรเครียดเลย )ว่าไฟล์ทนี้ปิดเช็คอินไปแล้ว
...แต่ก็ได้ทำการรีบเปิดเช็คอิน แล้ววิทยุ จนท.เกทว่ามีผู้โดยสารตกค้างอีก 1 คน ประทับใจในบริการจริงๆ( เพราะผมมั่นใจหากเป็นสายการบินโลว์คอร์สทั่วไปนี่ผมต้องซื้อตั๋วใหม่แน่ๆ...ทั้งที่ไฟล์ทนี้ผมก็ซื้อตั๋วโปรไป-กลับมานะ) ก่อนมอบตั๋วโดยสารให้ผม พนักงานย้ำว่าเกทจะปิดเวลา 20:40 น. โดยย้ำถึง 3 รอบ คงเพราะพิจารณาจากหุ่นและสภาพความฟิตก่อนลงสนาม พร้อมทั้งเป้ใบโตที่แบกจนหลังแอ่น น้ำหนักเกินมาตรฐาน 7 กก.ถือขึ้นเครื่อง (ว่าคุณไปไม่ทันแน่ๆ)
สมมติตัวเองเป็นยูเซน โบลท์ เวอร์ชั่นท้วม สปีด 100 เมตรระยะสั้นไปยังจุดตรวจสัมภาระและผ่านการสแกนในเวลา 20:35 น. เหลือเวลาแค่ 5 นาที ที่จะต้องใส่เท้าสุนัขจากจุดตรวจสัมภาระ ไปยังเกท B2 ใครเคยไปสนามบินสุวรรณภูมิคงนึกภาพออกนะว่ามันไกลไหม? ต้องผ่านทางเดิน/สายพานเลื่อน ผ่านร้านดิวตี้ฟรี แล้วก็ต่อด้วยทางเดินต่ออีกช่วงเพื่อไปเกทอีกที
มั่นใจมากว่าตอนนั้นความเร็วคงไม่แพ้ อาร์เยน ร๊อบเบน แน่ๆ (หัวก็เหมือน 7 แสนเกือบล้านแล้วเหมือนกัน อิๆ)ทุกสายตาพนักงานดิวตี้ฟรี และฝรั่งมังค่า ล้วนจับจ้อง นึกว่าผมจะวิ่งหนีทหาร คสช. สปีดปานจะแซง เซคิโอ รามอส เข้ายิงประตู อิเคร์ กาสิยาส!!! ในแมทช์แรกของฮอลแลนด์ในฟุตบอลโลก 2014!!!
สรุปทันเวลา...แต่ซี่โครงแทบบาน ทั้งเหนื่อยทั้งหอบ เหงื่อกโชก จนไม่สามารถรับอะไรเข้าท้องได้อีก มันจะอ๊วก ไม่ว่าคุณแอร์+สจ๊วต ถามเซิร์ฟอะไรๆ...ท้องก็ไม่รับ เอ๊ย ไม่เกี่ยว ได้แต่บอกว่า ขอเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่เย็นๆพอ เกือบได้เสียตังค์ตามสมการ ซื้อตั๋วใหม่+ค่าโรงแรม+ เสียเวลา = ค่าโง่ อีกต่างหาก
คราวหน้าไม่ทำแล้วครับ ไม่อยากได้ “ของสมน้ำหน้าคุณ” แบบนี้ ขอเป็น “ของสมนาคุณ”ดีกว่า
ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่สายการบินบางกอก แอร์เวย์อีกครั้งจริงๆ ประทับใจทุกครั้งที่ใช้บริการ คราวหน้าผมก็จะใช้บริการอีกแน่นอน
[CR] ขอชื่นชมและขอบคุณ เจ้าหน้าที่สายการบินบางกอก แอร์เวย์ จริงๆครับ
...แต่ก็ได้ทำการรีบเปิดเช็คอิน แล้ววิทยุ จนท.เกทว่ามีผู้โดยสารตกค้างอีก 1 คน ประทับใจในบริการจริงๆ( เพราะผมมั่นใจหากเป็นสายการบินโลว์คอร์สทั่วไปนี่ผมต้องซื้อตั๋วใหม่แน่ๆ...ทั้งที่ไฟล์ทนี้ผมก็ซื้อตั๋วโปรไป-กลับมานะ) ก่อนมอบตั๋วโดยสารให้ผม พนักงานย้ำว่าเกทจะปิดเวลา 20:40 น. โดยย้ำถึง 3 รอบ คงเพราะพิจารณาจากหุ่นและสภาพความฟิตก่อนลงสนาม พร้อมทั้งเป้ใบโตที่แบกจนหลังแอ่น น้ำหนักเกินมาตรฐาน 7 กก.ถือขึ้นเครื่อง (ว่าคุณไปไม่ทันแน่ๆ)
สมมติตัวเองเป็นยูเซน โบลท์ เวอร์ชั่นท้วม สปีด 100 เมตรระยะสั้นไปยังจุดตรวจสัมภาระและผ่านการสแกนในเวลา 20:35 น. เหลือเวลาแค่ 5 นาที ที่จะต้องใส่เท้าสุนัขจากจุดตรวจสัมภาระ ไปยังเกท B2 ใครเคยไปสนามบินสุวรรณภูมิคงนึกภาพออกนะว่ามันไกลไหม? ต้องผ่านทางเดิน/สายพานเลื่อน ผ่านร้านดิวตี้ฟรี แล้วก็ต่อด้วยทางเดินต่ออีกช่วงเพื่อไปเกทอีกที
มั่นใจมากว่าตอนนั้นความเร็วคงไม่แพ้ อาร์เยน ร๊อบเบน แน่ๆ (หัวก็เหมือน 7 แสนเกือบล้านแล้วเหมือนกัน อิๆ)ทุกสายตาพนักงานดิวตี้ฟรี และฝรั่งมังค่า ล้วนจับจ้อง นึกว่าผมจะวิ่งหนีทหาร คสช. สปีดปานจะแซง เซคิโอ รามอส เข้ายิงประตู อิเคร์ กาสิยาส!!! ในแมทช์แรกของฮอลแลนด์ในฟุตบอลโลก 2014!!!
สรุปทันเวลา...แต่ซี่โครงแทบบาน ทั้งเหนื่อยทั้งหอบ เหงื่อกโชก จนไม่สามารถรับอะไรเข้าท้องได้อีก มันจะอ๊วก ไม่ว่าคุณแอร์+สจ๊วต ถามเซิร์ฟอะไรๆ...ท้องก็ไม่รับ เอ๊ย ไม่เกี่ยว ได้แต่บอกว่า ขอเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่เย็นๆพอ เกือบได้เสียตังค์ตามสมการ ซื้อตั๋วใหม่+ค่าโรงแรม+ เสียเวลา = ค่าโง่ อีกต่างหาก
คราวหน้าไม่ทำแล้วครับ ไม่อยากได้ “ของสมน้ำหน้าคุณ” แบบนี้ ขอเป็น “ของสมนาคุณ”ดีกว่า
ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่สายการบินบางกอก แอร์เวย์อีกครั้งจริงๆ ประทับใจทุกครั้งที่ใช้บริการ คราวหน้าผมก็จะใช้บริการอีกแน่นอน