http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1402484750
ฐากูร บุนปาน : ระหว่างเขาควาย
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
เห็น คสช. ตั้งท่าจะยกเครื่องหรือปฏิรูปอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างด้วยกันแล้ว อดไม่ได้ที่จะขอร่วมแสดงความคิดเห็นบ้าง
ไหนๆ ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เป็นทหารใหญ่น้อยว่า ถ้ามีอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองให้พูดกันตรงๆ
ก็ขออนุญาตใช้สิทธิตามนั้น
เมื่อ คสช. ประกาศว่าจะคืนความสุขให้กับคนไทย และแก้ไขปัญหาความแตกแยกที่มีอยู่ในสังคมให้หมดหรือลดลงไปนั้น
แปลความเอาเองก็คือ คสช.ตั้งใจจะแก้ไขหรือลบล้าง "ความเหลื่อมล้ำ" ที่เป็นต้นตอของสารพัดปัญหาในสังคมไทย
ทั้งความเหลื่อมล้ำที่เป็นนามธรรม-ความรู้สึก และเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรม-เป็นวัตถุจับต้องได้
เหลื่อมล้ำอย่างแรกก็คือตัวบทกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะ "สองมาตรฐาน"
ที่แบ่งคนในสังคมให้แยกออกเป็นสองพวก (หรือมากกว่านั้น) โดยอัตโนมัติ
หลายท่านใน คสช.หรือในคณะที่ปรึกษาของ คสช. ก็เคยเอ่ยปากหรือยอมรับว่า
การทำงานขององค์กรอิสระบางแห่ง (หรือหลายแห่ง) นั้นมีปัญหา และถ้าไม่แก้ไขไม่ปรับปรุง
ก็ยากจะเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ได้
คำถามคือจะเอาอย่างไรกับองค์กรอิสระ (จากประชาชน) อย่างศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ป.ป.ช. หรืออื่นๆ
จะยุบไปเลย หรือจะคงไว้อย่างเดิมแต่กำหนดกรอบกติกาวิธีการทำงานและวิธีการคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกันใหม่
ให้โปร่งใสและยึดโยงกับสังคมหรือคนส่วนใหญ่บ้าง
ไม่ใช่สนุกกันเองแต่ในพวกในกลุ่มของตน แล้วถีบคนอื่นออกไปกองอยู่อีกมุมอย่างที่ผ่านมา
เหลื่อมล้ำอย่างที่สองก็คือความแตกต่างของฐานะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเพราะโครงสร้างไม่เป็นธรรม
เช่น จะเอาอย่างไรกับระบบภาษี กล้าไหมใจถึงไหมที่จะผลักดันภาษีทรัพย์สิน ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก
ที่เป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นธรรมออกมาใช้
ในขณะที่รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งในอดีต
ไม่เคยหรือไม่ผลักดันเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่จริงจัง
หรือจะเอาอย่างไรกับชาวนา ที่ยังเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศนี้ ถ้าไม่ชอบไม่เชื่อระบบจำนำข้าว
จะเอาอะไรมาเป็นเครื่องมือในการยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของชาวนา
จะลดต้นทุนการผลิตอย่างไร จะสนับสนุนให้เพิ่มมูลค่า-เช่น ทำแปลงข้าวให้เป็นเหล้า
ซึ่งแน่นอนจะต้องไปขัดอกขัดใจกับกลุ่มทุนใหญ่ หรือไม่
จะเอาอย่างไรกับเรื่องพลังงาน ที่ขนาดหัวหน้า คสช. ต้องโดดลงไปเป็นประธานกรรมการดูแลเอง
จะอุดหนุนกันต่อไปแบบเนียนๆ หรือจะให้กลไกตลาดเข้ามาเป็นตัวกำหนดเหมือนประเทศที่ยึดระบบการค้าเสรี
(และไม่ได้มีแหล่งพลังงานล้นเหลือเฟือฟาย) อื่นๆ
แค่สองสามเรื่องนี้ ถ้าทำได้ก็บุญหนักหนาแล้ว
...........
(ที่มา:มติชนรายวัน 11 มิ.ย.2557)
ระหว่างเขาควาย
ฐากูร บุนปาน : ระหว่างเขาควาย
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
เห็น คสช. ตั้งท่าจะยกเครื่องหรือปฏิรูปอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างด้วยกันแล้ว อดไม่ได้ที่จะขอร่วมแสดงความคิดเห็นบ้าง
ไหนๆ ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เป็นทหารใหญ่น้อยว่า ถ้ามีอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองให้พูดกันตรงๆ
ก็ขออนุญาตใช้สิทธิตามนั้น
เมื่อ คสช. ประกาศว่าจะคืนความสุขให้กับคนไทย และแก้ไขปัญหาความแตกแยกที่มีอยู่ในสังคมให้หมดหรือลดลงไปนั้น
แปลความเอาเองก็คือ คสช.ตั้งใจจะแก้ไขหรือลบล้าง "ความเหลื่อมล้ำ" ที่เป็นต้นตอของสารพัดปัญหาในสังคมไทย
ทั้งความเหลื่อมล้ำที่เป็นนามธรรม-ความรู้สึก และเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรม-เป็นวัตถุจับต้องได้
เหลื่อมล้ำอย่างแรกก็คือตัวบทกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะ "สองมาตรฐาน"
ที่แบ่งคนในสังคมให้แยกออกเป็นสองพวก (หรือมากกว่านั้น) โดยอัตโนมัติ
หลายท่านใน คสช.หรือในคณะที่ปรึกษาของ คสช. ก็เคยเอ่ยปากหรือยอมรับว่า
การทำงานขององค์กรอิสระบางแห่ง (หรือหลายแห่ง) นั้นมีปัญหา และถ้าไม่แก้ไขไม่ปรับปรุง
ก็ยากจะเดินหน้าสร้างความปรองดองสมานฉันท์ได้
คำถามคือจะเอาอย่างไรกับองค์กรอิสระ (จากประชาชน) อย่างศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ป.ป.ช. หรืออื่นๆ
จะยุบไปเลย หรือจะคงไว้อย่างเดิมแต่กำหนดกรอบกติกาวิธีการทำงานและวิธีการคัดเลือกตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกันใหม่
ให้โปร่งใสและยึดโยงกับสังคมหรือคนส่วนใหญ่บ้าง
ไม่ใช่สนุกกันเองแต่ในพวกในกลุ่มของตน แล้วถีบคนอื่นออกไปกองอยู่อีกมุมอย่างที่ผ่านมา
เหลื่อมล้ำอย่างที่สองก็คือความแตกต่างของฐานะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเพราะโครงสร้างไม่เป็นธรรม
เช่น จะเอาอย่างไรกับระบบภาษี กล้าไหมใจถึงไหมที่จะผลักดันภาษีทรัพย์สิน ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก
ที่เป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นธรรมออกมาใช้
ในขณะที่รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งในอดีต
ไม่เคยหรือไม่ผลักดันเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่จริงจัง
หรือจะเอาอย่างไรกับชาวนา ที่ยังเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศนี้ ถ้าไม่ชอบไม่เชื่อระบบจำนำข้าว
จะเอาอะไรมาเป็นเครื่องมือในการยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจของชาวนา
จะลดต้นทุนการผลิตอย่างไร จะสนับสนุนให้เพิ่มมูลค่า-เช่น ทำแปลงข้าวให้เป็นเหล้า
ซึ่งแน่นอนจะต้องไปขัดอกขัดใจกับกลุ่มทุนใหญ่ หรือไม่
จะเอาอย่างไรกับเรื่องพลังงาน ที่ขนาดหัวหน้า คสช. ต้องโดดลงไปเป็นประธานกรรมการดูแลเอง
จะอุดหนุนกันต่อไปแบบเนียนๆ หรือจะให้กลไกตลาดเข้ามาเป็นตัวกำหนดเหมือนประเทศที่ยึดระบบการค้าเสรี
(และไม่ได้มีแหล่งพลังงานล้นเหลือเฟือฟาย) อื่นๆ
แค่สองสามเรื่องนี้ ถ้าทำได้ก็บุญหนักหนาแล้ว
...........
(ที่มา:มติชนรายวัน 11 มิ.ย.2557)